หนุ่มแท็กซี่ ไม่โกรธหญิงเบี้ยวค่าแท็กซี่ เข้าใจว่าป่วยจิต - แม่เครียด ยอมรับคุมยาก

 
               หนุ่มแท็กซี่ เปิดใจ ไม่โกรธหญิงเบี้ยวค่าแท็กซี่ หลังรู้ว่าป่วยมีอาการทางจิต ด้านแม่สุดเครียด ยอมรับคุมลูกไม่ได้ หวั่นไปเจอคนไม่ดี ได้รับอันตราย

          จากกรณีคลิปหญิงสาวรายหนึ่ง ขึ้นรถแท็กซี่แต่ไม่จ่ายเงิน จนต้องด่ากันยับกลายเป็นข่าวโด่งดังมาแล้ว ซึ่งครั้งนั้นแม่ของหญิงคนนี้ เคยออกยอมรับว่าลูกสาวมีอาการทางจิต กระทั่งล่าสุดหญิงสาวคนดังกล่าวได้มีปัญหากับแท็กซี่อีกครั้ง เพราะไม่ยอมจ่ายค่าแท็กซี่เหมือนเดิม แถมครั้งนี้ขอนวดโชเฟอร์ ให้พาไปเปิดโรงแรมทดแทนค่าแท็กซี่ด้วยนั้น (อ่านข่าว : สาวเบี้ยวค่าแท็กซี่ภาค 2 เจอโชเฟอร์ด่ายับ ไม่จ่ายแต่ขอนวด ให้พาเข้าโรงแรม)

          ก่อนจะออกรถ หญิงสาวคนดังกล่าวก็พูดกับตนว่า "พี่นวดไหม เดี๋ยวหนูนวดเป็นค่าโดยสารให้" แถมจะให้ตนเป็นคนเปิดโรงแรม แต่ตนก็ไม่ได้ถามว่านวดอะไร และบอกปฏิเสธไป เมื่อขับไปใกล้ถึงจุดหมายที่สำโรง หญิงสาวคนดังกล่าวก็พยายามจะเปิดประตูรถหนีลงกลางถนน ตนจึงรีบขับชิดซ้ายและลงมาโต้เถียงกันตามคลิป

          ทั้งนี้ ระหว่างที่โต้เถียงกันอยู่นั้น หญิงคนดังกล่าวพยายามพูดว่าตนจะไปทำร้าย และร้องขอความช่วยเหลือจนคนขี่รถมอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้ามาจอดดู ตนพยายามสอนหญิงคนดังกล่าวว่าให้รู้จักทำมาหากิน และถกเถียงกันกว่า 20 นาที ตนจึงออกอุบายว่าจะพาผู้หญิงไปส่งบ้าน แต่ขับเข้าไปส่งที่ สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งหญิงคนดังกล่าว เข้าไปในโรงพักก่อนจะนำเงินออกมาให้ตน จำนวน 40 บาท แต่ค่าโดยสารตามจริง ราคา 137 บาท ตนก็รับไว้เพราะไม่อยากมีปัญหาต่อ

          อีกทั้งยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยเห็นพฤติกรรมของผู้หญิงคนดังกล่าว บนโลกโซเชียลแค่ผ่าน ๆ เท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าเป็นเขา เพิ่งมารู้ตอนมาย้อนดูคลิปทางโซเชียล เมื่อรู้ว่ามีอาการทางประสาท ตนก็ไม่โกรธ แต่อยากให้ญาติพี่น้องช่วยดูแล อย่าปล่อยให้สร้างความเดือดร้อนกับคนอื่น


            ทั้งนี้ ลูกสาวไม่ได้ทานยารักษาอาการทางจิต เนื่องจากเขาบอกว่า ตัวเองไม่ได้บ้า และไม่ยอมไปพบแพทย์ ซึ่งตนก็ไม่สบายใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เนื่องจากตนต้องดูแลคนป่วยในครอบครัวถึง 3 คน ก็กลัวว่าลูกจะไปเจอคนไม่ดี และได้รับอันตราย

            อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า หญิงสาวคนดังกล่าวปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ และบอกว่าถ้าเป็นเรื่องแท็กซี่ติดยา ก็คงไม่คุยให้เสียเวลา พร้อมบอกว่า ไม่ขอออกสื่อ



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก