ซีอีโอลั่น สหรัฐฯ ประเมิน Huawei ต่ำเกิน แบนได้แบนไป รับมือได้อยู่แล้ว

 

            ซีอีโอ Huawei เผยสหรัฐอเมริกา ประเมิน Huawei ต่ำเกินไป เตรียมรับมือเรื่องโดนแบนไว้แล้ว ยันไม่คิดตัดขาด และสักวันจะก้าวตามทันแน่นอน



 หัวเว่ย
ภาพจาก MATTHEW LLOYD / POOL / AFP
นายสีจิ้นผิง ผู้นำจีน (ซ้าย) กับ นายเหรินเจิ้งเฟย ซีอีโอ หัวเว่ย

            สำหรับประเด็นด้านการเมืองนั้น ซีอีโอ วัย 74 ปี มองว่า หัวเว่ยคือบริษัทการค้า และผู้บริโภคก็เลือกซื้อสินค้าหัวเว่ยตามความต้องการใช้งานของตนเอง เพราะฉะนั้น การนำสินค้าหัวเว่ยไปรวมกับเรื่องการเมือง จึงเป็นแนวคิดที่ผิด เรื่องความเป็นชาตินิยมก็เช่นกัน

            เหรินเจิ้งเฟย กล่าวว่า แนวคิดด้านชาตินิยมที่ผู้คนมองหัวเว่ย สามารถแบ่งออกเป็น 2 แนวคิดใหญ่ ๆ ด้วยกัน กล่าวคือ ผู้คนมองว่าหัวเว่ยคือแบรนด์ที่ขับเคลื่อนด้วยความรักชาติ ในขณะเดียว ผู้คนอีกฝั่งก็มองว่าหัวเว่ยกำลังยึดความสำนึกรักชาติของสังคมเป็นตัวประกัน ซึ่งตนเองไม่เห็นด้วยทั้งสองรูปแบบ และต้องการลบล้างความคิดนั้นเสีย

            เหรินเจิ้งเฟย ชี้ว่า การที่ผู้คนซื้อสินค้าหัวเว่ยมาใช้ ควรซื้อเพราะความชอบ เพราะความต้องการส่วนตัว ไม่ควรซื้อด้วยเหตุผลว่ารักชาติ หรือใช้สินค้าหัวเว่ยเป็นการแสดงออกว่ารักชาติ มันไม่ควรนำมาเกี่ยวข้องกัน นอกจากนี้แล้ว หัวเว่ยเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับหลักการมากที่สุด และด้วยเหตุผลนี้ หัวเว่ยจึงปฏิเสธไม่ยอมรับการไหลเข้ามาของเงินทุน เพราะความโลภคือตัวการกัดกร่อนความมั่นคงในหลักการ  

 หัวเว่ย
 ภาพจาก viewimage / Shutterstock.com

            สำหรับเทคโนโลยีนั้น เหรินเจิ้งเฟย กล่าวว่า ตนเองพอใจในศักยภาพ 5G ของ หัวเว่ย อีกทั้งยังมั่นใจว่าในช่วง 2-3 ปี ข้างหน้า หัวเว่ยจะยังคงเป็นผู้นำเทคโนโลยี 5G และจะไม่มีคู่แข่งรายใดก้าวขึ้นมาเทียบได้ หัวเว่ยยังคงมีกำลังผลิตที่มั่นคง การแบนจะไม่ส่งผลกระทบด้านลบต่อการเติบโตของแบรนด์ และการที่รัฐบาลสหรัฐฯ แสดงท่าทีเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าพวกเขาประเมินความสามารถของหัวเว่ยต่ำเกินไป

               ทางด้านเทคโนโลยีชิปนั้น เหรินเจิ้งเฟย กล่าวว่า หัวเว่ยจะไม่ลด หรือเลิกใช้งานชิปจากสหรัฐฯ แม้ว่าหัวเว่ยจะผลิตชิปเองได้ และยังคงพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหัวเหว่ยจะกีดกันไม่ซื้อชิปจากสหรัฐฯ มาใช้

              ในปัจจุบัน หัวเว่ยใช้ชิปของตัวเอง 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 50 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ เป็นชิปที่นำเข้าจากสหรัฐฯ แม้ว่าหัวเว่ยจะเป็นผู้นำด้าน 5G อยู่ในขณะนี้ แต่นายเหรินก็ยอมรับว่าจีนกับสหรัฐฯ ยังคงมีช่องว่างที่ห่างกันมาก

 หัวเว่ย
ภาพจาก FABRICE COFFRINI / AFP
นายเหรินเจิ้งเฟย ซีอีโอ หัวเว่ย


              "ผมไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า จีน กับ สหรัฐฯ ยังคงมีช่องว่างที่ห่างกันมาก และเราก็ยังคงจำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ในมิติอื่น ๆ เราชาวจีนทุ่มเทเสียสละตัวเองและครอบครัวเพื่อมุ่งมั่นไปให้ถึงฝัน นั่นคือการอยู่บนจุดเหนือสุดของโลก และหลังจากนี้ หรือในอีกไม่นาน พวกเราจะก้าวขึ้นไปเบียดกับสหรัฐฯ ได้ในที่สุด" เหริน เจิ้งเฟย ซีอีโอหัวเว่ย กล่าว


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ซีอีโอลั่น สหรัฐฯ ประเมิน Huawei ต่ำเกิน แบนได้แบนไป รับมือได้อยู่แล้ว อัปเดตล่าสุด 23 พฤษภาคม 2562 เวลา 11:51:33 27,238 อ่าน
TOP
x close