อุทาหรณ์ เด็ก 2 ขวบ สายตาสั้นหนักถึง 900 ความจริงปรากฏ พ่อแม่ปล่อยให้ลูกเล่นมือถือวันละหลายชั่วโมง ผ่านมาเป็นปีถึงได้รู้ผลเสีย ตอนที่สายเกินแก้
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองอาจจะต้องคิดทบทวนใหม่ก่อนปล่อยให้ลูกเล่นสมาร์ตโฟน หลังจากที่ล่าสุด (10 มิถุนายน 2562) เว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซ มีรายงานอ้างอิงข้อมูลจากไชน่าไทมส์ ถึงกรณีของ เสี่ยวหมาน เด็กหญิงวัยเพียง 2 ขวบครึ่ง จากมณฑลเจียงซู ประเทศจีน ที่เพิ่งจะได้รับการวินิจฉัยว่ามีค่าสายตาสั้นอย่างรุนแรง อันเป็นผลจากการที่พ่อแม่ปล่อยให้เด็กน้อยเล่นสมาร์ตโฟนตั้งแต่อายุ 1 ขวบ
ด้วยความที่พ่อแม่ของเสี่ยวหมานเห็นว่าเด็กน้อยจะอยู่เงียบ ๆ
ได้ตอนที่เล่นสมาร์ตโฟน
คนในบ้านก็เลยปล่อยให้เธออยู่กับสมาร์ตโฟนตามสบายเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน
กระทั่งเวลาผ่านไปเสี่ยวหมานก็เริ่มเกิดนิสัยแปลก ๆ เช่น
ชอบหรี่ตามองไปยังที่ต่าง ๆ หรือทำท่าขมวดคิ้ว รวมถึงการขยี้ตา
แต่พ่อแม่ของเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก
พวกเขาเห็นลูกสาวแสดงอาการเช่นนี้มาร่วมปี จนในที่สุดพ่อแม่ของเสี่ยวหมานก็ได้พาลูกสาวไปตรวจเช็กร่างกาย และต้องช็อกหนัก เมื่อแพทย์แจ้งว่าลูกสาวของพวกเขา มีค่าสายตาสั้นถึง 900 ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่เยอะมาก ๆ สำหรับเด็กอายุน้อยเช่นนี้
ด้าน ดร.หลิวเหว่ย แพทย์ที่โรงพยาบาล เผยว่า เสี่ยวหมานอายุน้อยเกินไปที่จะใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างสมาร์ตโฟนได้ และสายตาที่เสียไปนั้นก็ไม่สามารถกู้คืนมาได้แล้ว นอกจากนี้ตาของเสี่ยวหมานก็มีแนวโน้มที่จะแย่ลงไปอีกเมื่อเธออายุมากขึ้น
ทั้งนี้ แพทย์ได้ให้คำแนะนำว่าไม่ควรปล่อยให้เด็กอายุน้อยกว่า 3 ขวบ เข้าถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ เลย รวมถึงสมาร์ตโฟน ขณะที่เด็กอายุ 3-6 ขวบนั้น ไม่ควรใช้สมาร์ตโฟนเกินวันละ 30 นาที นอกจากนี้ผู้ปกครองควรจะเฝ้าระวังหรือสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ของลูกน้อย ที่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาด้านการมองเห็นของพวกเขาด้วย อาทิ การขยี้ตาบ่อย ๆ กะพริบตาถี่ ๆ ขมวดคิ้ว หรี่ตามอง หรือพฤติกรรมที่คล้าย ๆ กันนี้
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
แม้จะเป็นที่ทราบดีกว่าการเล่นสมาร์ตโฟนเป็นเวลานานนั้น
ย่อมส่งผลเสียต่อดวงตา ขนาดผู้ใหญ่เองถ้าจ้องจอนานก็ว่าแย่แล้ว
ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นนั้นยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่ หากปล่อยให้เด็กเล็ก ๆ
จ้องจออยู่เป็นเวลานาน
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีพ่อแม่ยุคใหม่จำนวนมากที่ปล่อยให้ลูกเล่นสมาร์ตโฟนตามสบาย
เพราะคิดว่าเป็นวิธีที่ดีที่จะทำให้เด็กรู้สึกสนุกสนาน และอยู่นิ่ง ๆ
ได้เป็นเวลานานโดยไม่ร้องไห้กวนใจ
อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองอาจจะต้องคิดทบทวนใหม่ก่อนปล่อยให้ลูกเล่นสมาร์ตโฟน หลังจากที่ล่าสุด (10 มิถุนายน 2562) เว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซ มีรายงานอ้างอิงข้อมูลจากไชน่าไทมส์ ถึงกรณีของ เสี่ยวหมาน เด็กหญิงวัยเพียง 2 ขวบครึ่ง จากมณฑลเจียงซู ประเทศจีน ที่เพิ่งจะได้รับการวินิจฉัยว่ามีค่าสายตาสั้นอย่างรุนแรง อันเป็นผลจากการที่พ่อแม่ปล่อยให้เด็กน้อยเล่นสมาร์ตโฟนตั้งแต่อายุ 1 ขวบ
พวกเขาเห็นลูกสาวแสดงอาการเช่นนี้มาร่วมปี จนในที่สุดพ่อแม่ของเสี่ยวหมานก็ได้พาลูกสาวไปตรวจเช็กร่างกาย และต้องช็อกหนัก เมื่อแพทย์แจ้งว่าลูกสาวของพวกเขา มีค่าสายตาสั้นถึง 900 ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่เยอะมาก ๆ สำหรับเด็กอายุน้อยเช่นนี้
ด้าน ดร.หลิวเหว่ย แพทย์ที่โรงพยาบาล เผยว่า เสี่ยวหมานอายุน้อยเกินไปที่จะใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างสมาร์ตโฟนได้ และสายตาที่เสียไปนั้นก็ไม่สามารถกู้คืนมาได้แล้ว นอกจากนี้ตาของเสี่ยวหมานก็มีแนวโน้มที่จะแย่ลงไปอีกเมื่อเธออายุมากขึ้น
ทั้งนี้ แพทย์ได้ให้คำแนะนำว่าไม่ควรปล่อยให้เด็กอายุน้อยกว่า 3 ขวบ เข้าถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ เลย รวมถึงสมาร์ตโฟน ขณะที่เด็กอายุ 3-6 ขวบนั้น ไม่ควรใช้สมาร์ตโฟนเกินวันละ 30 นาที นอกจากนี้ผู้ปกครองควรจะเฝ้าระวังหรือสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ของลูกน้อย ที่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาด้านการมองเห็นของพวกเขาด้วย อาทิ การขยี้ตาบ่อย ๆ กะพริบตาถี่ ๆ ขมวดคิ้ว หรี่ตามอง หรือพฤติกรรมที่คล้าย ๆ กันนี้