เจ้าอาวาสวัดหัวนา เล่านาทีชายขอยืมเงิน 3 หมื่น แต่อ้างโดนป้ายยาให้ไปไม่รู้ตัว ตำรวจเร่งตามล่าตัวมิจฉาชีพ ด้าน อ.เจษฎา ยัน ยาป้าย ไม่มีจริง เป็นแค่การถูกหลอกลวงด้วยวาจา
พระครูปราโมช
กล่าวต่อว่า จึงรู้สึกเห็นใจและสงสาร จึงไปยืมเงินพระลูกวัดมาอีก 10,000
บาท รวมเป็น 30,000 บาท แล้วก็ให้เงินไป
พอผู้ชายกับผู้หญิงได้เงินแล้วก็รีบลาแล้วขับรถหนีออกไป
มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พระลูกวัดมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ถึงรู้ว่าตัวเองถูกป้ายยา และหลอกเอาเงินไป พอมาตรวจกล้องวงจรปิดภายในวัด
รู้ตัวว่าโดนป้ายยา ตอนที่คนร้ายจับมือ และได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.นครไทย
แล้ว
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์เตือนภัยอ้างว่า พระครูปราโมช
จันทคุณ อายุ 76 ปี เจ้าอาวาสวัดหัวนา และเจ้าคณะตำบลบ้านพร้าว
ตกเป็นเหยื่อแก๊งป้ายยา โดนหลอกเงินไป 3 หมื่นบาท สูญเงินไปแบบไม่รู้ตัว
คืบหน้า
วันที่ 10 กรกฎาคม 2562 รศ. ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ นักวิชาการ
และอาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ถ้าสื่อยังไม่เลิกทำข่าวแบบนี้
คนไทยก็ยังหลงเชื่อไปตลอดว่า "ยาป้าย" มีจริง
ทั้งที่ความจริงก็แค่ถูกหลอกลวงด้วยวาจาแค่นี้แหละ
ไม่เคยมีคดีส่งฟ้องศาลแม้แต่คดีเดียว
ว่าได้ถูกยาป้ายทำให้มึนงงและหลงเชื่อจนเสียทรัพย์
อย่างที่สื่อชอบทำข่าวกัน
ต่อมารายการ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ รายงานว่า
พระครูปราโมช จันทคุณ อายุ 76 ปี เจ้าอาวาสวัดหัวนา
และเจ้าคณะตำบลบ้านพร้าว เล่าว่า วันที่เกิดเหตุกำลังเดินอยู่หน้าวัด จู่ ๆ
มีผู้ชายคนหนึ่งขับรถมาเทียบ
ลงจากรถบอกว่าจะขอเข้าไปในวัดเพื่อถวายสังฆทาน
และผู้ชายคนนั้นก็เดินมาจับมือพยุงเข้าไปในวัด พอถึงกุฏิ ก็ได้พูดคุยกัน
สักพักมีผู้หญิงอีกคนเดินตามมา คาดว่าลงจากรถคันเดียวกัน
ซึ่งผู้ชายคนดังกล่าวพูดจาหว่านล้อมสารพัด โดยบอกว่าอยากเป็นตำรวจ
แต่ไม่มีเงิน จึงขอยืมเงินเจ้าอาวาส 30,000 บาท ขณะนั้นก็รู้สึกเคลิ้มและคล้อยตาม จึงบอกไปว่าตอนนี้มีแค่ 20,000
บาท ผู้ชายคนดังกล่าวก็บอกว่าไม่พอ ทำทีจะร้องไห้
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
ด้านพันตำรวจเอก สุดสยาม ภูมิประเสริฐ ผู้กำกับการ สภ.นครไทย
ได้สั่งการให้หาข้อมูลคนร้ายรายนี้ เนื่องจากคนร้ายแอบอ้างว่า
จะนำเงินไปอบรม เพื่อเข้าไปเป็นตำรวจ ซึ่งอาจจะไปก่อเหตุที่อื่นได้
ส่วนจะมีการป้ายยาหรือไม่นั้น ขอตรวจสอบอีกครั้ง
พร้อมฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังด้วย
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก