หนุ่มแชร์ประสบการณ์ โดนไวรัสเรียกค่าไถ่จากแฮกเกอร์ ยอมจ่ายเงินเกือบ 2 แสน แต่สุดท้ายโจรได้ใจ เห็นว่าเป็นไฟล์สำคัญ กลับมาเรียกค่าไถ่เพิ่มอีก ลั่นจากนี้ดอลลาร์เดียวก็ไม่ให้ !
ทั้งนี้ ภาพจาก เฟซบุ๊ก Vasin Mahaphon ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พนักงานออฟฟิศแจ้งเข้ามาว่า เจอความผิดฟกติ ไฟล์งานต่าง ๆ ในเซิร์ฟเวอร์มีนามสกุลแปลก ๆ ออกไป ตอนแรกคุณวศิน คิดว่าเป็นไวรัสทั่วไป จึงเข้าไปดูในเซิร์ฟเวอร์ตัวหลัก ที่พยายามให้รีบูตเซิร์ฟเวอร์ใหม่
หลังจากรีบูตแล้วก็พบว่า แฮกเกอร์ได้ส่งจดหมายมาบอกว่า ไฟล์กว่า 60% ของบริษัท
ถูกเข้ารหัสไว้หมดแล้ว เหมือนกับโจรที่เข้ามาในครัวแล้วล็อกลิ้นชัก
ล็อกตู้เย็นเอาไว้ ไม่ได้ของไปแต่เราจำเป็นต้องใช้ของ ซึ่งแฮกเกอร์ก็เสนอเงินจำนวนหนึ่งเพื่อแลกกับการเอาไฟล์กลับคืนไป ซึ่งมาถึงจุดนี้
ไอทีของบริษัทก็สั่งให้ทุกคนถอดสายแลน หยุดทำงาน ยิ่งเปิดไฟล์
ความเสียหายยิ่งเพิ่ม
ทางบริษัทจึงพยายามแก้ไข โดยแฮกเกอร์เสนอให้จ่าย 6,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 200,000 บาท) แต่บริษัทต่อรอง และขอลดจนเหลือ 6,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 185,000 บาท) และให้จ่ายเป็นสกุลเงินบิตคอยน์เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทได้มีการปรึกษากัน และสรุปว่า จะมีการต่อรองขอราคาที่ต่ำที่สุด แล้วคาดว่าจะยอมจ่ายเงินให้แฮกเกอร์ เพื่อที่จะได้ส่งงานให้ลูกค้าได้
จากนั้นวันที่ 9 กรกฎาคม พบว่าต้นทางของอีเมลนั้นมาจากทางจีนกับรัสเซีย ซึ่งเดาได้ว่าแฮกเกอร์รายนี้อาจจะกระจายตัวอยู่ทั่วโลก และปกติคนอื่นอาจจะจ่ายเงินกันที่ 500-1,000 ดอลลาร์เท่านั้น แต่หากจะแก้ไขเอง อาจใช้ระยะเวลาเป็นเดือนกว่าจะกู้ไฟล์มาได้ ทางบริษัทจึงจำเป็นต้องไปถอนเงินมาจ่ายแฮกเกอร์ และเพื่อความชัวร์จึงมีการส่งไฟล์ที่ใส่รหัสไปให้แฮกเกอร์ถอดรหัสมาให้ก่อน แฮกเกอร์ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงในการตอบกลับ ซึ่งคาดว่าแฮกเกอร์น่าจะทำแบบนี้กับหลาย ๆ บริษัท
เมื่อมั่นใจว่าแฮกเกอร์ถอดรหัสไฟล์ได้แล้ว ทางบริษัทจึงยอมโอนเงินไปให้ ทางแฮกเกอร์ก็บอกว่า ให้ลองสแกนไปก่อนว่าโดนไวรัสกี่ตัว จะได้ส่งคีย์มาให้ถูก แต่สุดท้ายทางแฮกเกอร์กลับไม่ยอมถอดรหัสไฟล์ให้ แต่ขอเงินเพิ่มอีก 4,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 120,000 บาท) ทางบริษัทจึงไม่ยอม ทางแฮกเกอร์จึงบอกว่า จะลดให้จาก 4,000 ดอลลาร์ จนสุดท้ายเหลือ 2,000 ดอลลาร์ แต่ทางบริษัทบอกว่าไม่มีทางได้ไปเพิ่มแม้แต่ดอลลาร์เดียว
จากนั้นทางบริษัทจึงได้พยายามอธิบายสถานการณ์ให้ลูกค้ารับทราบ ลูกค้าบางคนก็เข้าใจ ซึ่งในตอนนี้ ทางบริษัทก็พยายามกู้ไฟล์กลับมา แม้ว่าจะต้องใช้เวลานานเป็นปี แต่คาดว่าสักวันข้อมูลจะกลับมาแน่นอน
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
คนทำงานหลายคนคงรู้กันดีว่า ไฟล์งานต่าง ๆ นั้น สำคัญแค่ไหน
ไฟล์งานเกิดเสียไปบางครั้งก็ยากที่จะกู้คืน ต้องเริ่มงานใหม่หมด
แต่จะเป็นอย่างไรหากไฟล์งานนั้นตกอยู่ในมือของแฮกเกอร์
ที่ทะลุเซิร์ฟเวอร์เข้ามาใส่รหัสไฟล์
จับเรียกค่าไถ่ หรือที่เราเรียกไวรัสแบบนี้ว่า Ransomware
ทั้งนี้ ภาพจาก เฟซบุ๊ก Vasin Mahaphon ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พนักงานออฟฟิศแจ้งเข้ามาว่า เจอความผิดฟกติ ไฟล์งานต่าง ๆ ในเซิร์ฟเวอร์มีนามสกุลแปลก ๆ ออกไป ตอนแรกคุณวศิน คิดว่าเป็นไวรัสทั่วไป จึงเข้าไปดูในเซิร์ฟเวอร์ตัวหลัก ที่พยายามให้รีบูตเซิร์ฟเวอร์ใหม่
ทางบริษัทจึงพยายามแก้ไข โดยแฮกเกอร์เสนอให้จ่าย 6,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 200,000 บาท) แต่บริษัทต่อรอง และขอลดจนเหลือ 6,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 185,000 บาท) และให้จ่ายเป็นสกุลเงินบิตคอยน์เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทได้มีการปรึกษากัน และสรุปว่า จะมีการต่อรองขอราคาที่ต่ำที่สุด แล้วคาดว่าจะยอมจ่ายเงินให้แฮกเกอร์ เพื่อที่จะได้ส่งงานให้ลูกค้าได้
จากนั้นวันที่ 9 กรกฎาคม พบว่าต้นทางของอีเมลนั้นมาจากทางจีนกับรัสเซีย ซึ่งเดาได้ว่าแฮกเกอร์รายนี้อาจจะกระจายตัวอยู่ทั่วโลก และปกติคนอื่นอาจจะจ่ายเงินกันที่ 500-1,000 ดอลลาร์เท่านั้น แต่หากจะแก้ไขเอง อาจใช้ระยะเวลาเป็นเดือนกว่าจะกู้ไฟล์มาได้ ทางบริษัทจึงจำเป็นต้องไปถอนเงินมาจ่ายแฮกเกอร์ และเพื่อความชัวร์จึงมีการส่งไฟล์ที่ใส่รหัสไปให้แฮกเกอร์ถอดรหัสมาให้ก่อน แฮกเกอร์ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงในการตอบกลับ ซึ่งคาดว่าแฮกเกอร์น่าจะทำแบบนี้กับหลาย ๆ บริษัท
เมื่อมั่นใจว่าแฮกเกอร์ถอดรหัสไฟล์ได้แล้ว ทางบริษัทจึงยอมโอนเงินไปให้ ทางแฮกเกอร์ก็บอกว่า ให้ลองสแกนไปก่อนว่าโดนไวรัสกี่ตัว จะได้ส่งคีย์มาให้ถูก แต่สุดท้ายทางแฮกเกอร์กลับไม่ยอมถอดรหัสไฟล์ให้ แต่ขอเงินเพิ่มอีก 4,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 120,000 บาท) ทางบริษัทจึงไม่ยอม ทางแฮกเกอร์จึงบอกว่า จะลดให้จาก 4,000 ดอลลาร์ จนสุดท้ายเหลือ 2,000 ดอลลาร์ แต่ทางบริษัทบอกว่าไม่มีทางได้ไปเพิ่มแม้แต่ดอลลาร์เดียว
จากนั้นทางบริษัทจึงได้พยายามอธิบายสถานการณ์ให้ลูกค้ารับทราบ ลูกค้าบางคนก็เข้าใจ ซึ่งในตอนนี้ ทางบริษัทก็พยายามกู้ไฟล์กลับมา แม้ว่าจะต้องใช้เวลานานเป็นปี แต่คาดว่าสักวันข้อมูลจะกลับมาแน่นอน
ทั้งนี้
ได้มีคนบอกให้คุณวศิน เจ้าของโพสต์ แบ็กอัพงานทุกวัน แต่คุณวศินเผยว่า
ตนไม่สามารถแบ็กอัพงานได้ เนื่องจากเป็นงานวิดีโอ 4k
แบ็กอัพทุกวันไม่ได้จริง ๆ แต่สุดท้ายอย่างไรก็ต้องหาทางออก
มิเช่นนั้นก็จะเจอเหตุการณ์เรียกค่าไถ่เหมือนเดิม