หนุ่ม BMW เผยตัว หลังขับรถชนตำรวจคู่กรณีคาด่านทางด่วน ยันหนีเพราะกลัวถูกยิง เหตุอีกฝ่ายชักปืนขู่ก่อน หลังขับรถเฉี่ยวชนกัน
วันที่ 18 กรกฎาคม 2562 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานความคืบหน้ากรณีเหตุการณ์ ร.ต.ท. จิตต์เกษม จันทร์รัก อายุ 30 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมวด(สบ.1) กองร้อยที่ 2 กองกำกับอารักขา 1 กองบังคับการอารักขาควบคุมฝูงชน ถูกรถยนต์ยี่ห้อ BMW สีขาว ทะเบียน 1กน 2821 กทม. ชนบริเวณหน้าด่านเก็บเงินธัญบุรี จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่างกายและใบหน้ามีอาการบวมอักเสบ แขนหัก 2 ข้าง และขาซ้ายหัก ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงสายของวันที่ 16 กรกฎาคม โดยหลังชนเสร็จคู่กรณีได้ขับรถหลบหนีไป
โดย ร.ต.ท. จิตต์เกษม เปิดเผยว่า ขณะที่ตนขับรถมาบนทางด่วนบางปะอิน คู่กรณีขับอยู่ในเลนซ้าย ก่อนจะเบียดตนที่ขับอยู่เลนขวา จนรถเกิดเฉี่ยวชนกัน แต่คู่กรณีไม่หยุดเคลียร์ จึงมีการขับไล่ตามมาถึงด่านเก็บเงิน คู่กรณีได้เข้าช่องอีซี่พาสที่ 7 ตนพยายามสะกัดด้วยการเข้าตัดหน้าที่ช่องที่ 7 แต่คู่กรณีขับถอยแล้วไปเข้าช่องที่ 6 แทน ตนจึงลงจากรถเพื่อไปขวางหน้ารถคู่กรณี ซึ่งคู่กรณีไม่หยุด ซ้ำขับพุ่งชนตนแล้วหลบหนีไป
ล่าสุด นายเอกราช ชูใหม่ คู่กรณี
เปิดเผยชี้แจงถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า
วันเกิดเหตุขณะขับรถกลับมาจากงานทอดกฐินที่ จ.อยุธยา
เห็นรถคู่กรณีขับช้าแต่ชิดขวามาตลอด จึงได้เบี่ยงซ้ายเพื่อจะแซง
ยืนยันว่าไม่ได้มีการบีบแตรหรือเปิดไฟสูงใส่
พอเบี่ยงมาเลนซ้ายพบว่ามีรถอยู่ ตนจึงแซงกลับไปเลนขวา
จึงทำให้คู่กรณีไม่พอใจ คู่กรณีได้ขับปาดหน้าตนกลับ
แล้วก็มาขับช้าและขับแช่สักพัก ตนรู้สึกว่าคู่กรณีอาจจะโกรธ
จึงปล่อยให้คู่กรณีขับไป เพราะไม่อยากมีปัญหา แต่คู่กรณีไม่ยอมไป
ตนจึงหาจังหวะแซงอีกครั้ง คราวนี้คู่กรณีจึงเร่งเครื่องชนท้ายรถของตน
ทั้งนี้ ตนเห็นคู่กรณีเปิดกระจกเรียกให้หยุด โดยในมือมีการถืออาวุธซึ่งตอนนั้นตนไม่แน่ใจว่าเป็นปืนหรือมีด ตนจึงขับหนีมาถึงด่าน ตนจะเข้าช่องขวาสุด แต่คู่กรณีขับตามจนชนกรวยและแบริเออร์ ตนจึงเปลี่ยนมาเข้าอีกช่อง พอกำลังจะออกหลังที่กั้นยกขึ้น ตนก็เร่งเครื่องทันที แต่เพราะพยายามขับหนีจึงชนคู่กรณีที่วิ่งมาตัดหน้า และสาเหตุที่ไม่หยุดรถลงมาดู เพราะกลัวว่าหากคู่กรณีไม่ได้เจ็บ หรือมีปืนอยู่ อาจจะยิงสวนมาได้
นายเอกราช ยืนยันว่า ในรถของตนไม่ได้มีของผิดกฎหมาย หรือปืน ตามที่คู่กรณีกล่าวหา ตนทำธุรกิจ ไม่ได้ค้ายา และหากตนมีอาวุธปืนจริงก็คงเอาปืนมาโชว์กับคู่กรณีกลับแล้ว แต่ที่หนีเพราะไม่มี และกลัวจะถูกยิง เบื้องต้นได้แจ้งประกันแล้ว และตีราคาค่าซ่อมกว่า 200,000 บาท ตนไม่ได้อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกิดจากทะเลาะกันบนถนน ไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน
อย่างไรก็ตาม วันนี้ตนจะเข้าแจ้งความในเรื่องที่รถตนได้รับความเสียหาย ส่วนเรื่องคู่กรณียืนยันว่าจะเดินทางพบเจ้าหน้าที่ตำรวจแน่นอนเมื่อมีหมายเรียก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
วันที่ 18 กรกฎาคม 2562 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานความคืบหน้ากรณีเหตุการณ์ ร.ต.ท. จิตต์เกษม จันทร์รัก อายุ 30 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมวด(สบ.1) กองร้อยที่ 2 กองกำกับอารักขา 1 กองบังคับการอารักขาควบคุมฝูงชน ถูกรถยนต์ยี่ห้อ BMW สีขาว ทะเบียน 1กน 2821 กทม. ชนบริเวณหน้าด่านเก็บเงินธัญบุรี จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่างกายและใบหน้ามีอาการบวมอักเสบ แขนหัก 2 ข้าง และขาซ้ายหัก ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงสายของวันที่ 16 กรกฎาคม โดยหลังชนเสร็จคู่กรณีได้ขับรถหลบหนีไป
โดย ร.ต.ท. จิตต์เกษม เปิดเผยว่า ขณะที่ตนขับรถมาบนทางด่วนบางปะอิน คู่กรณีขับอยู่ในเลนซ้าย ก่อนจะเบียดตนที่ขับอยู่เลนขวา จนรถเกิดเฉี่ยวชนกัน แต่คู่กรณีไม่หยุดเคลียร์ จึงมีการขับไล่ตามมาถึงด่านเก็บเงิน คู่กรณีได้เข้าช่องอีซี่พาสที่ 7 ตนพยายามสะกัดด้วยการเข้าตัดหน้าที่ช่องที่ 7 แต่คู่กรณีขับถอยแล้วไปเข้าช่องที่ 6 แทน ตนจึงลงจากรถเพื่อไปขวางหน้ารถคู่กรณี ซึ่งคู่กรณีไม่หยุด ซ้ำขับพุ่งชนตนแล้วหลบหนีไป
ทั้งนี้ ตนเห็นคู่กรณีเปิดกระจกเรียกให้หยุด โดยในมือมีการถืออาวุธซึ่งตอนนั้นตนไม่แน่ใจว่าเป็นปืนหรือมีด ตนจึงขับหนีมาถึงด่าน ตนจะเข้าช่องขวาสุด แต่คู่กรณีขับตามจนชนกรวยและแบริเออร์ ตนจึงเปลี่ยนมาเข้าอีกช่อง พอกำลังจะออกหลังที่กั้นยกขึ้น ตนก็เร่งเครื่องทันที แต่เพราะพยายามขับหนีจึงชนคู่กรณีที่วิ่งมาตัดหน้า และสาเหตุที่ไม่หยุดรถลงมาดู เพราะกลัวว่าหากคู่กรณีไม่ได้เจ็บ หรือมีปืนอยู่ อาจจะยิงสวนมาได้
นายเอกราช ยืนยันว่า ในรถของตนไม่ได้มีของผิดกฎหมาย หรือปืน ตามที่คู่กรณีกล่าวหา ตนทำธุรกิจ ไม่ได้ค้ายา และหากตนมีอาวุธปืนจริงก็คงเอาปืนมาโชว์กับคู่กรณีกลับแล้ว แต่ที่หนีเพราะไม่มี และกลัวจะถูกยิง เบื้องต้นได้แจ้งประกันแล้ว และตีราคาค่าซ่อมกว่า 200,000 บาท ตนไม่ได้อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกิดจากทะเลาะกันบนถนน ไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน
อย่างไรก็ตาม วันนี้ตนจะเข้าแจ้งความในเรื่องที่รถตนได้รับความเสียหาย ส่วนเรื่องคู่กรณียืนยันว่าจะเดินทางพบเจ้าหน้าที่ตำรวจแน่นอนเมื่อมีหมายเรียก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
