ศาลอาญา ยกฟ้อง 4 แกนนำ กปปส. พ้นผิดข้อกล่าวหาร่วมกบฏ สำนวนแรก ชี้หลักฐานไม่เพียงพอ

- นายเสรี วงษ์มณฑา อายุ 70 ปี นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด
โดยคดีสำนวนแรกนี้ อัยการยื่นฟ้องตั้งแต่ปี 2557 เป็นกรณีสืบเนื่องจากการร่วมชุมนุมกันของ กปปส.
ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้นำการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อระหว่างวันที่ 23 พฤศจิกายน 2556 - 1 พฤษภาคม 2557
ซึ่งมีการพาผู้ชุมนุมบุกรุกปิดสถานที่ราชการหลายแห่ง
รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งท้ายคำฟ้อง
อัยการโจทก์ยังได้ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งของจำเลยด้วยมีกำหนด
5 ปี
ขณะที่จำเลยทั้ง 4 ราย ให้การปฏิเสธทุกข้อหา พร้อมตั้งทนายความสู้คดี ระหว่างพิจารณาคดีจำเลยทั้งสี่ก็ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งคดีเริ่มสืบพยานตั้งแต่ปี 2558-2562
โดยในวันนี้ จำเลยทั้งสี่ได้เดินทางมาศาลพร้อมฟังคำพิพากษา โดยมีนายสุเทพ และอดีตพระพุทธะอิสระ ที่วันนี้ห่มจีวร นั่งรถเข็นมา รวมทั้งคนใกล้ชิดกว่า 60 คน มาร่วมให้กำลังใจในการฟังคำพิพากษา

ภาพจาก สำนักข่าว INN
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2562 ที่ห้องพิจารณา 701 ศาลอาญา
ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.30 น. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีกบฏ กปปส. สำนวนแรก
ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง
- นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 57 ปี แกนนำ กปปส.
- นายสกลธี ภัททิยกุล อายุ 42 ปี อดีต ส.ส.กทม. ซึ่งได้ร่วมชุมนุม ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม.
- นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อายุ 68 ปี
อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
และอดีตประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)
เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ,
กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา
หรือวิธีอื่นใดที่ไม่ใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน
หรือความไม่สงบในราชอาณาจักรฯ, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10
คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ
โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ,
เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการกระทำนั้นแต่ไม่เลิก, ยุยงให้ร่วมกันหยุดงาน
การร่วมกันปิดงานงดจ้าง เพื่อบังคับรัฐบาล, ร่วมกันบุกรุก
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 117, 209, 210, 215, 362, 364, 365
และร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง,
ร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของ กกต. ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2550 มาตรา 76, 152
รวม 8 ข้อหา

ภาพจาก สำนักข่าว INN
ขณะที่จำเลยทั้ง 4 ราย ให้การปฏิเสธทุกข้อหา พร้อมตั้งทนายความสู้คดี ระหว่างพิจารณาคดีจำเลยทั้งสี่ก็ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งคดีเริ่มสืบพยานตั้งแต่ปี 2558-2562
โดยในวันนี้ จำเลยทั้งสี่ได้เดินทางมาศาลพร้อมฟังคำพิพากษา โดยมีนายสุเทพ และอดีตพระพุทธะอิสระ ที่วันนี้ห่มจีวร นั่งรถเข็นมา รวมทั้งคนใกล้ชิดกว่า 60 คน มาร่วมให้กำลังใจในการฟังคำพิพากษา
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์-จำเลย นำสืบหักล้างกันแล้ว
เห็นว่าพยานหลักฐานที่อัยการโจทก์นำสืบมา รับฟังได้เพียงว่า จำเลยทั้ง 4
ราย ได้เข้าร่วมชุมนุมกับ กปปส. แต่ไม่ได้เป็นแกนนำที่สั่งการผู้ชุมนุม
หรือขึ้นปราศรัย สั่งการให้กระทำการรุนแรง โดยการชุมนุมของ กปปส.
ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้วินิจฉัยไว้แล้วในคำวินิจฉัยที่ 59/2556
ว่าการชุมนุมของ กปปส. สืบเนื่องมาจากการแสดงความคิดเห็น
ซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 63
ซึ่งสืบเนื่องจากเหตุที่คัดค้านการออกร่างกฎหมายนิรโทษกรรม และไม่พอใจการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาจึงยังไม่พอฟังได้ว่าจำเลยทั้งสี่ได้กระทำความผิดตามฟ้องทั้ง 8 ข้อหา จึงพิพากษายกฟ้อง
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN