x close

อภิสิทธิ์ กับชีวิตใหม่สุดแฮปปี้ หลังพักเรื่องการเมือง กลายมาเป็น พี่มาร์ค ทาสแมว

          อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เปิดมุมมองชีวิตทาสแมว เริ่มจากลูกสาวเลี้ยง 3 ตัว จนกลายเป็น 26 ตัวในตอนนี้ เผยลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะต้องรับผิดชอบคำพูดกับประชาชน 

รายการ คุยแซ่บShow

        เปิดชีวิตใหม่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หลังประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมรับบทบาทใหม่ พี่มาร์ค ทาสแมว ที่ทำคนทั้งโซเชียลหลงรัก พร้อมเปิดหัวใจอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของประเทศไทย ผ่านรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง One31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ หนิง ปณิตา เป็นพิธีกร 

ทราบมาว่าพี่เรียนเก่งตั้งแต่เด็กเลย ?

        มาร์ค : ก็ผลการเรียนดีครับ ตั้งแต่เด็ก ๆ ตั้งแต่เข้าโรงเรียนก็จะสอบได้ที่ 1 ที่ 2 มาตลอด ตอนอยู่ที่นี่นะ แล้วก็เดินทางไปต่างประเทศ 

บางคนเก่งเพราะชอบอ่านหนังสือ บางคนเกิดมาอัจฉริยะ พี่มาร์คอยู่ฝั่งไหน ?

        มาร์ค : มันก็คงต้องผสมผสาน บางวิชามันก็ต้องมีหัว อย่างเช่น คณิตศาสตร์ แต่ว่าการศึกษาไทยก็จะมีท่องเยอะ มันก็เลยจำเป็นต้องอ่าน

ส่วนมากเด็กที่เรียนเก่งมักนั่งแถวหน้า แต่ทราบมาว่าพี่มาร์คนั่งแถวหลังเลย ?

        มาร์ค : นั่งแถวหลังเพราะชื่อเป็น อ. มากกว่ามั้ง เขานั่งเรียงตามตัวอักษร แต่ว่าโดยธรรมชาติตอนเด็ก ๆ ก็จะเป็นเด็กค่อนข้างเงียบ ค่อนข้างจะขี้อาย 

มีวิชาไหนที่ไม่ชอบเลย เกลียดมากเลยไหม ?

        มาร์ค : จริง ๆ ชอบวิชาวิทยาศาสตร์มากกว่า เพราะว่ามันไม่ต้องอ่านเยอะ ไม่ต้องเขียนเยอะ

วิทยาศาสตร์ท่องจำเยอะเหมือนกันนะ ?

        มาร์ค : ไม่หรอกครับ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เป็นเรื่องของหลักมากกว่า แต่ว่าหลายวิชาอย่างสังคม ถ้าต้องทดสอบความรู้มันก็ต้องอ่าน 

ในการเรียนเคยมีโอกาสสอบหมิ่นเหม่หรือจะสอบตกบ้างไหม ?

        มาร์ค : ผมไปอังกฤษ 1-2 ปีแรก สอบตกครับ เพราะเราไม่ไหวจริง ๆ เราก็ยังไม่คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษ แล้วก็ต้องไปเรียนวิชาใหม่ ๆ วิชาภาษาละติน ภาษาฝรั่งเศส ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ไม่เหมือนของเราหมดเลย แล้วก็วิชาที่ตกแน่ ๆ ก็คือวิชาเกี่ยวกับศาสนา ถึงเวลาสอบก็ต้องสอบ ส่งกระดาษเปล่ากันเลย ตอนนั้นเรายังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผมไปตอน 11 ขวบ

เพื่อนสนิทของพี่มาร์คคือนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่ บอริส จอห์นสัน คนหนึ่งเป็นอดีตนายกฯ เมืองไทย อีกคนเป็นนายกฯ อังกฤษ ?

        มาร์ค : ผมไม่รู้เขาคิดหรือเปล่า แต่บอริสเขาเป็นคนเรียนเก่งอยู่แล้ว เพื่อน ๆ ชื่นชอบ เขาก็เป็นหัวหน้านักเรียน ค่อนข้างที่จะโดดเด่น ผมก็รู้จักกับเขาน่าจะตั้งแต่ไฮสคูล ก่อนที่จะเข้ามหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด เคมบริดจ์ ประมาณเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม พอสอบเสร็จแล้วกว่าจะไปเข้าเรียนจะเป็นเดือนกันยายน-ตุลาคม มีเวลาว่างอยู่ 9-10 เดือน เขาก็ไปออสเตรเลีย อาจจะไปเที่ยวด้วย สอนหนังสือเด็กด้วย เขาก็แวะเมืองไทยมาพักบ้านผมอยู่ 2 อาทิตย์ แล้วก็กลับออกซฟอร์ด แต่ตอนกลับไปก็ไม่ค่อยได้เจอกัน เขาจะอยู่กับเด็กที่เล่นการเมืองพรรคอนุรักษนิยม ผมจะอยู่กันคนละฝ่าย เลยไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไร ในหน้าที่การงานผมเคยเจอเขาตอนเป็นายกเทศบาลลอนดอน สัก 2 ปีที่แล้วตอนเขาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศเขาก็มาที่ไทย ก็นัดเจอกัน เราก็แซวเขาว่าจะเป็นนายกฯ หรือเปล่า เขาก็บอกว่าเดี๋ยวได้เป็นละ เพราะเขาช้ากว่าผมไป 10 ปีละ เขาก็ได้เป็นจริง ๆ 
 

รายการ คุยแซ่บShow

มีความชอบเรื่องการเมืองและตั้งใจว่าอยากจะเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่เด็ก ๆ ?

        มาร์ค : คือเราอยากทำงานการเมือง เราก็ไม่รู้หรอกว่าทำจริงแล้วทำได้มั้ย แต่ตั้งใจจะทำงานการเมืองตั้งแต่เด็ก จริง ๆ ตัดสินใจเรื่องการเรียนก็คิดถึงว่ากลับมาอยากจะทำงานการเมือง กลับมาก็เป็นอาจารย์อยู่ 1-2 ปี ตอนเข้าไปสมัครเป็นอาจารย์ก็บอกเขาว่ามีเลือกตั้งเมื่อไร ผมลาออกไปสมัคร ส.ส. นะ 

พี่มาร์คลาออกจากการเป็น ส.ส. และออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค เหตุผลลึก ๆ ที่ตัดสินใจลาออกคือ ? 

        มาร์ค : ไม่มีอะไรลึกลับเลย ทุกอย่างเปิดเผย แถลงตรงไปตรงมา จากหัวหน้าพรรคนี่ง่ายมาก เราไม่สามารถประสบความสำเร็จในการนำพาองค์กรไปได้ แล้วผมก็ประกาศชัดตอนเลือกตั้งว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ ส.ส. ไม่ถึง 100 คน ในฐานะหัวหน้าพรรค ผมก็ต้องรับผิดชอบ คืนวันที่ 24 มีนาคม เห็นชัดอยู่แล้วว่าไม่ถึง ผมก็ลงมาแถลงข่าวลาออกเลย ประการที่สองที่ออกจาก ส.ส. ก็ชัดเจนอีกเช่นกันว่า เมื่อพรรคตัดสินใจร่วมรัฐบาล ผมก็ผิดคำพูดกับประชาชนไม่ได้ ผมก็ต้องรับผิดชอบ ก็ต้องออกจาก ส.ส. 

24 แถลง ตื่นเช้าวันที่ 25 ชีวิตเปลี่ยนยังไง ?

        มาร์ค : ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย ผมก็ใช้ชีวิตตามปกติ จริง ๆ ผมก็ตกงานตั้งแต่ปฏิวัติแล้ว ไม่ต้องไปประชุมแล้ว ผมก็อยากจะพัก ทำการเมืองมาตั้งแต่อายุ 27 ถึงตอนนี้ 27-28 ปี ก็ไม่ได้หยุด เพราะงานการเมืองมันไม่ได้หยุดอยู่แล้ว ก็ถือโอกาสพักผ่อน

นอกจากเลี้ยงแมวแล้ว อย่างอื่นทำอะไรอีก ?

        มาร์ค : ก็มีงานค้างอยู่บ้าง เช่น รับงานบรรยาย มีงานสังคมที่เรายังต้องไปอยู่ ถ้าอยู่บ้านก็อ่านหนังสือ ติดตามข่าว ฟังเพลง

เมื่อก่อนทำงานเพื่อสังคม เดี๋ยวนี้ทำงานเพื่อแมว มีแฮชแท็กพี่มาร์ค ทาสแมว ?

        มาร์ค : ที่จริงมันไม่ใช่ทาสแมวนะ มันเป็นทาสของทาสแมว เริ่มจากลูกสาวผมเขาเลี้ยงแมวอยู่ 2 ตัว ซื้อมาอีกตัวเป็น 3 ตัว ผมนี่เฉย ๆ ไม่ได้ชอบแมว แต่เขามีบ้านแยกอยู่นะ พอเขาไปเรียนต่างประเทศ เขาก็ฝากให้ช่วยดู ระหว่างที่เขาไปเรียนมันก็ออกลูก ออกหลานมาเป็น 26 ตัว พันธุ์สก็อตติช โฟลด์ ที่มารับดูแลแมวเพราะลูกสั่ง เลยเป็นทาสของทาสแมวอีกที 

แมว 26 ตัว ตอนนี้ได้แฮชแท็กทาสแมว พี่คุยอะไรกับเขามั่ง ?

        มาร์ค : ไม่ถึงกับคุยหรอก ก็เล่นกับเขา ส่วนใหญ่เล่นก็ให้ขนม ให้อาหาร แต่ละตัวจะนิสัยไม่เหมือนกัน บางตัวเขาก็มาหาเรา แมวเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างจะเอาแต่ใจตัวเอง ส่วนใหญ่จะทะเลาะกันเรื่องอาหาร เรื่องที่ 

มีวิธีในการหาความสุขให้กับตัวเองยังไงบ้าง ?

        มาร์ค : อยู่กับครอบครัว ได้พักผ่อนก็มีความสุขแล้ว ช่วงที่ผ่านมาเพิ่งพาครอบครัวไปเที่ยวบาหลี ไม่ได้เที่ยวต่างประเทศด้วยกันนานแล้ว

นอกจากเป็นเด็กฉลาดแล้ว เป็นผู้ชายโรแมนติกด้วยไหม ?

        มาร์ค : ต้องถามภรรยาผม แต่ผมเป็นคนมีความสุขกับการอยู่กับครอบครัว อยู่ก็ไม่ต้องทำอะไรมาก มียุคหนึ่งที่เขาบอกว่าต้องใช้เวลาอย่างมีคุณภาพอยู่กับครอบครัว คนหนึ่งจะเล่นเกม จะอ่านหนังสือ มีอะไรก็ตะโกนคุยกัน ผมพูดมาตลอดว่าชีวิตที่ผมอยากจะใช้คือผมทำงานที่ผมชอบ แล้วผมก็อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น

พูดไม่หวาน แต่เทศกาลก็จะส่งดอกไม้ให้ภรรยา แต่ไม่เอาดอกไม้นั้นไปให้กับภรรยาเอง ? 

        มาร์ค : มอบให้ครับ วันสำคัญ ๆ อย่างวันเกิด วันครบรอบแต่งงาน เราจะออกไปซื้อเองก็ไม่ได้ เราจะไปซื้อมาเก็บมาซ่อนก่อนก็ไม่ได้ เราก็ต้องโทร. ไปสั่ง แล้วก็บอกให้เขามาเช้าที่สุด เราอยากจะให้เขาก่อนไปทำงาน
 

รายการ คุยแซ่บShow

สมัยก่อนพี่ฮอตมาก ?

        มาร์ค : ไม่หรอก อย่างที่บอกว่าแต่ก่อนผมเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ใช่คนเที่ยวอะไรมากมาย คนส่วนใหญ่มองว่าจริงจัง เพื่อน ๆ แซวว่าจะมีชีวิตวัยรุ่นอย่างเขามั่งมั้ย ผมเริ่มเข้ามาช่วยงานพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ชอบติดตามศึกษางานไปดูการปราศรัย ตั้งแต่เด็ก ๆ ไปนั่งฟังอยู่ในสภา 

เห็นว่าเคยมีนักศึกษาเอาการ์ดวาเลนไทน์มาให้พี่มาร์คด้วย ?

        มาร์ค : ก็รับมา แต่ไม่รู้ว่าใคร 

แล้วพี่เอาการ์ดนั้นไปให้ภรรยา ?

        มาร์ค : นโยบายโปร่งใสครับ

พี่มาร์คมีมุมมองยังไงเกี่ยวกับสามีภรรยาเรื่องการซื่อสัตย์ ความไว้วางใจ ในเรื่องของการใช้ชีวิต ? 

        มาร์ค : คนสองคนที่ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันแล้วมันก็ต้องมีความซื่อสัตย์ จริงใจต่อกัน ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน

เคยติดงานเยอะมาก แล้วภรรยากับลูกว่ายังไง ? 

        มาร์ค : เขารู้ตั้งแต่เป็นแฟนกันแล้วว่าผมจะทำงานการเมือง พ่อเขาก็เคยลงสมัคร ส.ส. ลูกผมคนแรกเกิดมาผมก็เป็นนักการเมืองแล้ว ผมก็พยายามแบ่งเวลา บริหารเวลา เวลาว่างก็อยู่กับครอบครัว

สำหรับพี่มาร์คการเติมเต็มความรักให้กับครอบครัวรูปแบบของพี่ทำยังไง ?

        มาร์ค : ความรักเกิดจากตัวเราเอง คนมีความรักมันก็ต้องมีความห่วงใยกัน ใส่ใจกัน ให้ความสำคัญซึ่งกันและกัน

บางทีก็ยากในมุมของผู้บริหารประเทศด้วย เป็นหัวหน้าครอบครัวด้วย ?  

        มาร์ค : ผมว่ายากทุกอาชีพ ครอบครัวเดี๋ยวนี้ทั้งสองคนต้องทำงาน อาจไม่เหมือนสมัยก่อน ๆ โน้น คนหนึ่งอยู่บ้าน คนหนึ่งทำงาน ต่างคนต่างก็มีหน้าที่รับผิดชอบ มันคงยากขึ้นในการจัดการ แต่เรื่องการบริหารเวลามันไม่สำคัญเท่ากับเรื่องจิตใจที่มีให้กัน

ถ้าภรรยาดูอยู่อยากจะบอกอะไร ?

        มาร์ค : รู้นะว่าดูอยู่

ถามเรื่องหลาน น้องไอติม ? 

        มาร์ค : จริง ๆ ก็หลีกเลี่ยงที่จะอยู่ด้วยกัน เพราะเขาก็ตัดสินใจเข้ามาสู่การเมืองก็ไม่ได้มาเกี่ยวอะไรกับผม เข้ามาที่พรรคก็มีคนบอกว่าหน้าตาก็คล้าย ๆ กัน วิธีการพูดจาก็คล้ายกัน เขาก็กังวลเพราะเขาก็อยากเป็นตัวของตัวเอง เพราะเขาก็คิดว่าไม่ได้จะมาทำอะไรเหมือนผม ในที่สุดก็ต้องไปหาเสียงด้วยกันบ้าง

มีการแนะนำอะไรบ้างไหม ?

        มาร์ค : ไม่มีเลยครับ เขาเก่งกว่านะ เรียนหนังสือก็เก่งกว่าผม เรียนรู้อะไรเร็วมาก เขาอาจจะไม่เคยทราบที่มาที่ไปเรื่องนั้นเรื่องนี้เขาก็จะถามผม เป็นมายังไง ผมคิดยังไง เขาก็เชื่อบ้าง ไม่เชื่อบ้าง 
 

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Cat Garden by Tiggu

พี่มาร์คคิดว่าระหว่างพี่มาร์คกับน้องไอติมในวัยเดียวกันใครหล่อกว่ากัน ?

        มาร์ค : ผมก็จะตอบอย่างนักการเมืองว่า ให้ประชาชนตัดสิน 

เคยรู้สึกไหมว่าหลานตั้งแต่เด็กจนโตเขาแอบมองเราอยู่ ?

        มาร์ค : ไม่เลยครับ เจอเขาตอนเล็ก ๆ พอเขาไปเรียนต่างประเทศก็แทบไม่เจอเขาเลย เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าเรียนโรงเรียนเดียวกัน เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน วิชาเดียวกัน มีช่วงเขากลับมาเขามาขอฝึกงานที่พรรค แต่ก็ยังไม่ทราบนะว่าเขาจะเข้าการเมืองมั้ย จนปีที่แล้วเขาก็บอกว่าจะสมัคร ส.ส. 

ภูมิใจไหมหลานมาเส้นเดียวกับเราเลย ?

        มาร์ค : ก็ดีใจนะ เป็นหลานแหละ เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจสูง

อีก 10 ปีข้างหน้าอยากเห็นประเทศไทยเป็นแบบไหน ?

        มาร์ค : สำหรับผม 10 ปี อาจดูเหมือนนาน แต่ไม่นาน ในแง่กายภาพก่อน การมีสิ่งอำนวยความสะดวก ความทันสมัย เราก้าวทันเขา แต่ผมยังอยากเห็นประเทศไทยที่ยังรักษาเอกลักษณ์ของความเป็นสังคมไทยเอาไว้ แล้วเราก็อยากจะเห็นการแก้ปัญหาที่มันหมักหมมมานาน ๆ เรื่องเศรษฐกิจ ที่มันมีความเหลื่อมล้ำสูง อยากเห็นความเสมอภาคเท่าเทียมกันมากกว่านี้ มีสวัสดิการที่ดี โดยเฉพาะเรากำลังจะเป็นสังคมที่มีคนสูงวัยเยอะมาก การเมืองก็อยากให้ดีกว่านี้ อยากให้ลดการขัดแย้ง การสร้างการเกลียดชัง มาว่ากันด้วยเหตุด้วยผล

        ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.35-14.35 น. ทางช่อง One31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อภิสิทธิ์ กับชีวิตใหม่สุดแฮปปี้ หลังพักเรื่องการเมือง กลายมาเป็น พี่มาร์ค ทาสแมว อัปเดตล่าสุด 31 กรกฎาคม 2562 เวลา 14:02:09 35,728 อ่าน
TOP