โซเชียลสงสัย เคส #ลุงขายโจ๊ก เล่าความจริงไม่หมด แถมลุงโกหก เพจดังตั้งคำถาม เงินบริจาคถึงลุงหรือเปล่า งานนี้จะโป๊ะแตกหรือไม่
วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งได้พบเจอกับลุง จึงได้นำเรื่องราวของลุงมาเผยแพร่บนสังคมออนไลน์ ให้โซเชียลช่วยกันกระจายข่าว เพื่อให้คนเข้ามาช่วยอุดหนุนคุณลุงท่านนี้ รวมทั้งเปิดบริจาคเงินช่วยเหลือด้วย โดยหลังจากที่เรื่องราวนี้เผยแพร่ออกไป เหล่าชาวโซเชียลทั้งบนเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ได้ช่วยกันแชร์ รวมถึงบริจาคเงินช่วยเหลือคุณลุงด้วย เพื่อให้ชายชราได้มีชีวิตที่ดีกว่านี้ แต่หลังจากเวลาผ่านไป ก็ได้มีข้อสงสัยเกิดขึ้น
โดยในวันที่ 3
สิงหาคม 2562 เฟซบุ๊ก เงินบริจาคให้เด็กตกตึกไปไหน ได้โพสต์แชร์เรื่องนี้ กล่าวว่า สถานการณ์ของลุงขายโจ๊กนั้นน่าเป็นห่วง
และแกควรได้รับการช่วยเหลือ แต่อย่างไรก็ตาม
จากข่าวนี้ก็ได้มีข้อสงสัยหลายประการเกิดขึ้น
จนนำไปสู่การตั้งคำถามว่ากลุ่มวัยรุ่นช่วยเหลือลุงโดยบริสุทธิ์ใจหรือไม่
ไปจนถึงคำถามที่ว่า ลุงเป็นคนยากไร้จริง ๆ หรือเปล่า
ประเด็นน่าสงสัย แบ่งได้เป็นข้อ ๆ ดังนี้
1. ลุงเป็นคนไร้บ้าน อาศัยอยู่ย่านซอยหมอเหล็ง แต่ทำไมถึงมีการเปิดบัญชีธนาคารที่หัวหมาก ซึ่งห่างกันพอสมควร และจะรู้ได้อย่างไรว่าบัญชีธนาคารที่เปิดรับบริจาค เป็นบัญชีของลุงจริง ๆ
2. กลุ่มวัยรุ่นเปิดเผยว่าลุงมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ดังนั้นหมายความลุงน่าจะมีทะเบียนบ้าน และการมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แปลว่าลุงน่าจะกดเงินเป็น ทั้งนี้ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นบัตรของธนาคารกรุงไทย แต่ทำไมลุงถึงมีบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ด้วย และลุงมีบัตรเอทีเอ็มธนาคารไทยพาณิชย์ด้วยหรือไม่
3. ลุงเคยเปิดเผยว่าลูก ๆ เสียชีวิตจากคดีแพรวา 9 ศพ แต่กลับไม่พบรายชื่อที่เกี่ยวข้อง และไม่เคยเป็นข่าว นอกจากนี้แล้ว ลุงเสียเงินหลายแสนบาทในการติดตามคดี รวมถึงจ่ายค่าวางศาล แล้วค่าวางศาลคือเงินอะไร กลุ่มวัยรุ่นอ้างว่า สอบถามเรื่องนี้จากลุงแล้ว แต่ลุงบอกว่า บอกไม่ได้ เพราะศาลไม่ให้พูด
4. กลุ่มที่ช่วยเหลือลุงได้เปิดรับบริจาคมาหลายวัน รวมถึงขอบริจาคเงิน 50,000 บาท เพื่อผ่าตัดตาให้กับลุง ซึ่งคาดว่าขณะนี้ยอดเงินบริจาคน่าจะเกินความต้องการไปมากโขแล้ว
5. ลุงอาจโกหกเรื่องลูก และเงินที่ได้ไปนั้น อาจทำให้ชีวิตลุงตกอยู่ในความเสี่ยง จนนำไปสู่การถูกปล้น หรือจี้ จากกลุ่มมิจฉาชีพ ตรงนี้จะช่วยเหลือ หรือป้องกันอย่างไร
ทั้งนี้ ทางแอดมินเพจ ระบุว่า เรื่องราวของลุงขายโจ๊กนั้นน่าสงสารจริง และไม่ได้มีเจตนาใส่ความให้เสียหาย เพียงแค่อยากให้คนในสังคมพิจารณาให้ดีเสียก่อน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Max Udomsak
เมื่อเร็ว ๆ นี้ บนโลกออนไลน์ได้มีการแชร์เรื่องราวของ #ลุงขายโจ๊ก ชายชราวัย 78 ปี สุขภาพร่างกายก็ไม่ค่อยดี อีกทั้งยังเป็นคนไร้บ้าน
ไม่มีที่อยู่อาศัย ได้แต่ขายโจ๊กเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บริเวณซอยหมอเหล็ง
ย่านดินแดง เพื่อหาเงินประทังชีวิต
โดยปัจจุบันต้องอาศัยน้ำจากเพื่อนบ้านสำหรับอุปโภคบริโภค ครอบครัวก็ไม่มี
ลูกหลานเสียชีวิตหมดแล้ว ตัวลุงเองก็อยากไปอยู่บ้านพักคนชรา
แต่ไม่มีใครพาไป
วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งได้พบเจอกับลุง จึงได้นำเรื่องราวของลุงมาเผยแพร่บนสังคมออนไลน์ ให้โซเชียลช่วยกันกระจายข่าว เพื่อให้คนเข้ามาช่วยอุดหนุนคุณลุงท่านนี้ รวมทั้งเปิดบริจาคเงินช่วยเหลือด้วย โดยหลังจากที่เรื่องราวนี้เผยแพร่ออกไป เหล่าชาวโซเชียลทั้งบนเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ได้ช่วยกันแชร์ รวมถึงบริจาคเงินช่วยเหลือคุณลุงด้วย เพื่อให้ชายชราได้มีชีวิตที่ดีกว่านี้ แต่หลังจากเวลาผ่านไป ก็ได้มีข้อสงสัยเกิดขึ้น
ประเด็นน่าสงสัย แบ่งได้เป็นข้อ ๆ ดังนี้
1. ลุงเป็นคนไร้บ้าน อาศัยอยู่ย่านซอยหมอเหล็ง แต่ทำไมถึงมีการเปิดบัญชีธนาคารที่หัวหมาก ซึ่งห่างกันพอสมควร และจะรู้ได้อย่างไรว่าบัญชีธนาคารที่เปิดรับบริจาค เป็นบัญชีของลุงจริง ๆ
2. กลุ่มวัยรุ่นเปิดเผยว่าลุงมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ดังนั้นหมายความลุงน่าจะมีทะเบียนบ้าน และการมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แปลว่าลุงน่าจะกดเงินเป็น ทั้งนี้ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นบัตรของธนาคารกรุงไทย แต่ทำไมลุงถึงมีบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ด้วย และลุงมีบัตรเอทีเอ็มธนาคารไทยพาณิชย์ด้วยหรือไม่
3. ลุงเคยเปิดเผยว่าลูก ๆ เสียชีวิตจากคดีแพรวา 9 ศพ แต่กลับไม่พบรายชื่อที่เกี่ยวข้อง และไม่เคยเป็นข่าว นอกจากนี้แล้ว ลุงเสียเงินหลายแสนบาทในการติดตามคดี รวมถึงจ่ายค่าวางศาล แล้วค่าวางศาลคือเงินอะไร กลุ่มวัยรุ่นอ้างว่า สอบถามเรื่องนี้จากลุงแล้ว แต่ลุงบอกว่า บอกไม่ได้ เพราะศาลไม่ให้พูด
4. กลุ่มที่ช่วยเหลือลุงได้เปิดรับบริจาคมาหลายวัน รวมถึงขอบริจาคเงิน 50,000 บาท เพื่อผ่าตัดตาให้กับลุง ซึ่งคาดว่าขณะนี้ยอดเงินบริจาคน่าจะเกินความต้องการไปมากโขแล้ว
5. ลุงอาจโกหกเรื่องลูก และเงินที่ได้ไปนั้น อาจทำให้ชีวิตลุงตกอยู่ในความเสี่ยง จนนำไปสู่การถูกปล้น หรือจี้ จากกลุ่มมิจฉาชีพ ตรงนี้จะช่วยเหลือ หรือป้องกันอย่างไร
ทั้งนี้ ทางแอดมินเพจ ระบุว่า เรื่องราวของลุงขายโจ๊กนั้นน่าสงสารจริง และไม่ได้มีเจตนาใส่ความให้เสียหาย เพียงแค่อยากให้คนในสังคมพิจารณาให้ดีเสียก่อน
ทางด้านหนุ่ม ๆ
วัยรุ่นที่ให้การช่วยเหลือ ก็ได้โพสต์ชี้แจงบนเฟซบุ๊กว่า
ได้ปิดรับบริจาคเรียบร้อยแล้ว และขอยืนยันว่าเงินทั้งหมดอยู่ที่คุณลุง
แต่ไม่อยากให้ใคร ๆ รวมทั้งหน่วยงานต่าง ๆ เข้าไปหาคุณลุง
เนื่องจากคุณลุงหวาดระแวง ไม่ได้พักผ่อน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Amonthep Srichan
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Max Udomsak