เหยี่อเสี่ยท็อป เผยเฉียดโดนตุ๋น โชว์เช็คเงินสด 2,000 ล้านฮ่องกง ก่อนโป๊ะแตกจากนามบัตร

        เหยื่อ นายท็อป เสี่ยกำมะลอ อีกรายโผล่แฉเกือบถูกตุ๋น แต่โป๊ะแตกเพราะโทร. ไปเช็กจากเบอร์บริษัทที่นามบัตร หลังรู้สึกแปลกนัดคุยธุรกิจย่านสะพานควาย แถมควักเช็ค 2,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงโชว์

        จากกรณีนายท็อป เสี่ยกำมะลอ อ้างตัวเป็นนักธุรกิจรวย 2 หมื่นล้าน แล้วไปหลอก น.ส.ดา พริตตี้สาวชาว จ.บุรีรัมย์ แต่งงาน ก่อนทิ้งหนี้สินก้อนโตให้เธอใช้และหลบหนีไป ซึ่งเมื่อเรื่องราวถูกเปิดเผย เหยื่อที่เคยถูกนายท็อปหลอกก็ต่างพร้อมใจออกมาแฉวีรกรรมในอดีตอีกเป็นจำนวนมาก และมีรายงานว่าขณะนี้นายท็อปได้เดินทางไปยังประเทศฮ่องกงแล้วนั้น

อ่านข่าว : แม่เสี่ยกำมะลอ เผยลูกรับไม่ได้ ปมเจ้าสาวออกรอบรับงาน ล่าสุดเผ่นไปฮ่องกงแล้ว

        ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2562 อมรินทร์ทีวี รายงานว่า นายปราโมทย์ (สงวนนามสกุล) ระบุว่า ตนเองคือหนึ่งในผู้ที่เคยถูกนายท็อปมาติดต่อทำธุรกิจเมื่อเดือน กันยายนปี 2559 ในรูปแบบการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ โดยเจ้าตัวอ้างว่าเป็นนักธุรกิจลงทุนมาแล้วหลายประเทศทั่วโลก ทั้งด้านการเงิน การเทรดเงิน มีตั๋วแลกเงินมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาให้ดู และมีธนาคารการันตี โดยเสี่ยท็อปต้องการนำเงินขึ้นที่ไทย ยื่นข้อเสนอว่าจะมีผลประโยชน์ให้ หากสามารถเอาตั๋วมาขึ้นเงินได้ ตอนนั้นตนก็ได้พานักธุรกิจต่างชาติมาดู แต่นักธุรกิจก็บอกว่าเงินเยอะเกินไป

        นายท็อปยังอ้างอีกว่า ตนเองเป็นเจ้าของโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียม ที่แพงที่สุดในประเทศไทย และได้นำเช็ค 2 ฉบับมาให้ตนดู ฉบับแรกมูลค่า 2,650,509,000 ดอลลาร์ฮ่องกง และเช็คฉบับที่สอง มูลค่า 42,250,000 ดอลลาร์ฮ่องกง โดยอ้างว่าจะเอาไปจ่ายค่าก่อสร้างคอนโด ฯ และจะเอาเช็คมาขึ้นเงินที่ธนาคาร แต่วงเงินสูง ธนาคารไม่สามารถขึ้นเงินให้ได้ จึงจะเอาเช็คกลับไปขึ้นเงินที่ฮ่องกง

         แต่หลังจากที่ตนตรวจเช็กประวัติ โดยการโทร.ไปสอบถามบริษัทตามนามบัตรที่เสี่ยท็อปให้ไว้ ทางบริษัทบอกว่าไม่ได้ร่วมงานกับเสี่ยท็อป และมีการนำบริษัทไปแอบอ้างหาผลประโยชน์ และสร้างความเสียหาย


        นายปราโมทย์ ระบุอีกว่า บุคลิกภาพของเสี่ยท็อปตอนนั้นดูนิ่ง พูดจาดี มีความรู้ และแอบอ้างว่ารู้จักผู้ใหญ่ในวงการการเมือง เช่น นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และอ้างว่าเป็นแฟนกับดารา มีการบินไปต่างประเทศสร้างโปรไฟล์ให้มีความน่าเชื่อถือ ทั้งนี้สาเหตุที่ตนเองไหวตัวทันไม่ตกเป็นเหยื่อเพราะการนัดเจอเพื่อคุยธุรกิจแถวสะพานควาย และการที่เจ้าตัวถือเงินมูลค่าพันล้านบาทมาโชว์ ค่อนข้างที่จะไม่ปกติ เพราะส่วนใหญ่คนทำธุรกิจระดับนี้ จะไม่มีพฤติกรรมดังกล่าว

        ด้าน นายอชิ (นามสมมติ) อดีตเพื่อนร่วมงานเสี่ยท็อป เปิดเผยว่า ปี 2554 ได้ร่วมงานกันในบริษัท นายท็อปเป็นคนที่มีบุคลิกดี กระทั่งผ่านไป 2 เดือน ตนและพนักงานทุกคนไม่ได้เงินเดือน ทางเจ้าของบริษัทอีกคน ซึ่งเป็นแฟนสาวของเสี่ยท็อปได้เรียกตนและพนักงานเข้าไปคุยรายบุคคล พร้อมทั้งอธิบายว่าไม่ใช่บริษัทไม่มีเงิน แต่ตอนนี้จำนวนเงินทั้งหมดอยู่ที่ต่างประเทศ จะต้องใช้ระยะเวลา หลังจากนั้นอีก 1 เดือน ตนและพนักงานคนอื่นก็ไม่ได้เงินเดือน จึงรวมตัวกันไปฟ้องร้องกรณีนายจ้างไม่จ่ายค่าแรง และทยอยลาออกกัน



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก