ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
แม่สาวขับกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มกว่า 10 ต้น เสียหาย 10 ล้าน ตอนนี้ลูกยังอาการสาหัส เผยไม่มีเงินต่อประกัน-ต่อทะเบียนรถ แต่ยืนยันยังไงก็จะชดใช้ให้ทั้งหมดตามกำลังที่มี
วันที่ 29 ธันวาคม 2562 เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานความคืบหน้าเหตุ น.ส.ศิริประภา อายุ 25 ปี ขับรถกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มกว่า 10 ต้น เสียหายกว่า 10 ล้านบาท และทับรถคันอื่นเสียหาย 8 คัน บริเวณหน้าโชว์รูมอีซูซุ ถนนสุขุมวิทสายเก่า ขาเข้าตลาดปากน้ำ ต.บางปู อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
โดยน้องสาวของ น.ส.ศิริประภา เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุพี่สาวได้ขับรถเดินทางไปเรือนจำกลางสมุทรปราการ เพื่อไปเยี่ยมแฟน โดยมีตนกับเพื่อน ๆ รวม 5 คน ไปด้วย ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงที่กำลังเดินทางจะกลับบ้าน แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไรนั้นตนไม่รู้เรื่อง เพราะตนและเพื่อนหลับอยู่ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เกิดเหตุแล้ว แต่คิดว่าพี่สาวน่าจะหลับใน
ขณะที่มารดาของ น.ส.ศิริประภา กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนไม่ได้ไปด้วย แต่มาทราบเรื่องภายหลังที่มีคนเอาข่าวมาแชร์ในโลกออนไลน์ พอรู้เรื่องตนก็ตกใจมากและรีบเดินทางไปดูที่เกิดเหตุ ทราบว่าเพื่อนลูกสาวที่ไปด้วยกันหลับหมด คิดว่าลูกสาวตนที่เป็นคนขับก็น่าจะเผลอหลับด้วย เพราะคืนก่อนเกิดเหตุเพิ่งไปร่วมงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่ามาก่อน และกลับมาจนดึก พอรุ่งเช้าก็ขับรถไปเยี่ยมแฟนที่เรือนจำคลองด่าน เชื่อว่าน่าจะหลับใน ส่วนมูลค่าความเสียหาย ยังไม่ทราบว่ามากน้อยแค่ไหน และก็ไม่รู้จะหาจากไหนมาชดใช้
มารดาของ น.ส.ศิริประภา กล่าวต่อว่า ตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องที่รถไม่มีประกันนั้น เรามีปัญหาส่วนตัวที่ต้องใช้เงิน จึงไม่มีเงินไปจ่ายประกัน ทะเบียนรถก็ขาดมาหลายเดือนแล้วด้วย เพราะไม่มีเงินไปต่อ จำเป็นต้องใช้เงินไปทำอย่างอื่น ต้องเลี้ยงหลาน ตกงานด้วย แต่ก็จะทำให้ดีที่สุด จะพยายามหาเงินมาเยียวยาให้กับผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์นี้ ไม่หนีแน่นอน ยินดีชดใช้ให้ทั้งหมดตามกำลังที่มี ส่วนอาการของลูกสาวตอนนี้ยังสาหัส
ด้าน พ.ต.อ. พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางปู กล่าวว่า เบื้องต้นเท่าที่ดูจากหลักฐานและการสอบปากคำพยาน เชื่อว่าคนขับน่าจะหลับใน ซึ่งคนขับน่าจะมีความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนทรัพย์สินของราชการและทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ อันนี้ไม่รวมกับเรื่องของการไม่ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ ไม่เสียภาษีประจำปี ซึ่งเป็นข้อหาที่ต้องแจ้งเพิ่มอีกที
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เดลินิวส์ออนไลน์
