WHO ยกไวรัสโคโรนา เป็นภาวะฉุกเฉินทั่วโลก-ประธานรับ จีนทำได้ดีแล้ว

          องค์การอนามัยโลก ยกระดับไวรัสโคโรนา เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ทว่า ยังมีความมั่นใจ รัฐบาลจีนจะสามารถควบคุมโรคได้ และจัดการปัญหาต่าง ๆ ได้ดีแล้ว


          วันที่ 31 มกราคม 2563 วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานว่า องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศให้การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ หลังจากที่มีการระบาดจากคนสู่คนครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา

          โดยที่ทางองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ด้านการสาธารณสุขทั่วโลก มองว่า การระบาดของไวรัสโคโรนา กลายเป็นภัยคุกคามไปทั่วโลก ไม่ใช่อยู่แค่ที่จีนเท่านั้น การประกาศภาวะฉุกเฉินในครั้งนี้ จะทำให้ทั่วโลกได้ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยต่อการระบาดในครั้งนี้ให้มากขึ้น

          องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพในครั้งนี้ ภายหลังจากที่มีการเรียกประชุมคณะกรรมการเป็นการด่วน ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางรัฐบาลจีน รวมไปถึงรัฐบาลของประเทศอื่น ๆ ได้ใช้แผนการฉุกเฉินเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส รวมทั้งยังมีการระงับการเดินทางเข้า-ออก ในประเทศจีนอีกด้วย

          ด้านนายเทดรอส แอดฮานอม ยีเบรเยซุส ประธานองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า เขาเองมีความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจีนจะสามารถยับยั้งการระบาดของเชื้อไวรัสในครั้งนี้ได้ แม้ว่าในตอนนี้ ยอดผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 9,500 ราย และมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 213 คน ซึ่งส่วนมากมาจากมณฑลหูเป่ยในจีน

          "ผมขอพูดชัด ๆ ตรงนี้เลยว่า การประกาศครั้งนี้ ไม่ใช่ว่าเราไม่มีความเชื่อมั่นในรัฐบาลจีน แต่ตลอดชั่วชีวิตของผม ผมไม่เคยเห็นการระดมสรรพกำลังทำงานขนาดนี้มาก่อน"

          ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก กล่าวว่า ทางการจีนสามารถทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะระบุตัวไวรัส และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลในเรื่องรหัสจีโนมของไวรัส เพื่อให้ชาติอื่น ๆ สามารถป้องกันตัวเองจากภัยในครั้งนี้ได้ "มาตรการที่ทางการจีนทำนั้น ไม่ได้ดีเฉพาะกับจีน แต่ยังดีกับประเทศอื่นทั่วโลก"

          อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เรากังวลมากที่สุดคือ โอกาสที่ไวรัสชนิดนี้จะแพร่ระบาดไปยังประเทศอื่นทีมีระบบสาธารณสุขที่ด้อยกว่าและไม่ได้เตรียมพร้อมเพื่อรับการระบาดในครั้งนี้

          ในขณะนี้ จำนวนผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในจีน มีจำนวนมากกว่าจำนวนผู้ป่วยโรคซาร์สทั้งโลกไปแล้ว โดยที่โรคซาร์สได้คร่าชีวิตคนไปมากกว่า 800 คน หลังจากที่เกิดการแพร่ระบาดในทางตอนใต้ของจีน เมื่อช่วงปี 2002-2003

          อย่างไรก็ตาม การระบาดของเชื่อไวรัสโคโรนา ได้คืบคลานไปยัง 18 ประเทศ จนทำให้ทางการของรัสเซีย ได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมมากขึ้นตรงพรมแดนที่ติดกับจีน รวมไปถึงสหรัฐอเมริกา ที่ประกาศแผนที่จะอพยพชาวอเมริกันที่อยู่ในจีนเป็นระลอกที่ 2 ออกมาจากเมืองอู่ฮั่น บริษัทต่าง ๆ ทั้งเทสลาและอีเกีย ได้หยุดการทำงานในจีนเป็นการชั่วคราว