สาวประเภทสองสุดช้ำใจ ใบหน้าเสียโฉม ติดเชื้อรุนแรง หลังใช้บริการฉีดหน้าเรียวกับหมอกระเป๋า จากหน้าสวยกลายเป็นหน้าสยอง รักษากว่า 7 เดือนยังไม่หาย แทบไม่กล้าออกจากบ้าน ไปไหนคนก็กลัว เผยตำรวจจับหมอกระเป๋าได้แล้ว แต่ให้ประกันตัวไป
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า สาวประเภทสองรายหนึ่ง ใบหน้าเสียโฉม แก้มและถุงใต้ตาซ้ายมีอาการบวมเป่ง เนื่องจากฉีดหน้ากับหมอกระเป๋า ใช้เวลารักษากว่า 7 เดือน ก็ยังไม่หาย
โดย นายพิชญา ราษฎร์นิยม หรือ เอ๋ อายุ 41 ปี เล่าว่า เมื่อเดือนมกราคม 2562 ตนพร้อมกับแฟนหนุ่มและพี่ชาย ได้ฉีดหน้าเพื่อให้หน้าเรียวเล็กกับหมอกระเป๋ารายหนึ่ง ชื่อนายป๊อบ เขาระบุว่าเป็นยาสลายไขมัน ซึ่งเขาเอาตัวยาใส่เข็มมาเลย แล้วมาฉีดที่หน้าของตน โดยไม่นำขวดยามาด้วย แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะเขาค่อนข้างเป็นที่รู้จักในบรรดาสาวประเภทสอง มีชื่อเสียงอยู่แล้ว และมีหลายคนเคยทำมาแล้วด้วย
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
เวลาผ่านไป 2 เดือน ใบหน้าของพวกตนทั้ง 3 คน เริ่มมีอาการผิดปกติ แต่ตนอาการหนักที่สุด มีอาการอักเสบ หน้าบวมโตเป็นไตแข็ง ๆ และมีหนอง จึงติดต่อไปยังนายป๊อบเพื่อให้รับผิดชอบ เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวจะเอาหนองออกให้ แต่เมื่อไม่ดีขึ้น เขาก็บ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบ และอ้างว่าเป็นเพราะพวกตนไม่รักษาความสะอาดเอง
ต่อมาอาการแย่ลงเรื่อย ๆ ถุงใต้ตามีหนองจนบวมเป่ง แก้มบวมและเบี้ยว จึงไปรับการรักษาที่คลินิกแห่งหนึ่ง หมอบอกว่าติดเชื้ออย่างรุนแรง ต้องผ่าตัดขูดเอาสารแปลกปลอมออกหลายครั้ง ต้องดูดหนอง และใส่ผ้าก๊อซซับหนองไว้จนแก้มเป็นรู ตนรักษามาตลอด 7 เดือน จนหนองหายและแผลแห้ง จึงได้ทำการเย็บแผล แต่ผิวหน้าก็เป็นรูและหย่อนยาน ไม่เต่งตึงเหมือนก่อน
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากนี้ต้องใช้ไขมันตัวเองเติมเข้าไป และแซะพังผืดออกมา แต่สิ่งที่กังวลที่สุดคือถุงใต้ตาที่หย่อนลงมา หมอเคยดึงขึ้นให้แล้วแต่ไม่สามารถทำได้ ช่วงแรกหมดค่ารักษาไปหลายแสน แต่ต่อมาทางคลินิกรู้สึกสงสาร จึงรับอุปการะรักษาให้ฟรีจนกว่าจะหาย
สำหรับ นายป๊อบ หมอกระเป๋า ตนแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ตำรวจจับกุมได้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 ซึ่งเขาได้ประกันตัวออกมา แต่ไม่เคยติดต่อหรือรับผิดชอบเยียวยาใด ๆ นอกจากนี้ นายป๊อบยังเคยถูกจับในคดีเดียวกันมาก่อน เมื่อปี 2559 แต่พอพ้นโทษก็กลับมาทำอีก โดยเขาบอกตำรวจว่าเคยเป็นผู้ช่วยแพทย์ที่คลินิกแห่งหนึ่ง ต่อมาผันตัวมาเป็นหมอเถื่อน และสั่งยาต่าง ๆ มาจากอินเทอร์เน็ต
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทำให้สุขภาพจิตใจตนย่ำแย่มาก ไม่กล้าออกจากบ้าน ไปไหนใครก็กลัว ทำงานไม่ได้หลายเดือน ต้องนอนร้องไห้ทุกคืน หากตนเป็นโรคซึมเศร้าหรือไบโพลาร์ คงฆ่าตัวตายไปแล้ว แต่ตนก็พยายามเข้มแข็งและคิดว่าต้องผ่านมันไปให้ได้ จึงอยากให้กรณีของตนเป็นอุทาหรณ์กับคนอื่นด้วย หากจะทำศัลยกรรมให้ไปทำที่คลินิกที่มีใบอนุญาตถูกต้อง พร้อมฝากถึงนายป๊อบ ให้เขามารับผิดชอบเยียวยาในสิ่งที่เขาทำลงไปด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า สาวประเภทสองรายหนึ่ง ใบหน้าเสียโฉม แก้มและถุงใต้ตาซ้ายมีอาการบวมเป่ง เนื่องจากฉีดหน้ากับหมอกระเป๋า ใช้เวลารักษากว่า 7 เดือน ก็ยังไม่หาย
โดย นายพิชญา ราษฎร์นิยม หรือ เอ๋ อายุ 41 ปี เล่าว่า เมื่อเดือนมกราคม 2562 ตนพร้อมกับแฟนหนุ่มและพี่ชาย ได้ฉีดหน้าเพื่อให้หน้าเรียวเล็กกับหมอกระเป๋ารายหนึ่ง ชื่อนายป๊อบ เขาระบุว่าเป็นยาสลายไขมัน ซึ่งเขาเอาตัวยาใส่เข็มมาเลย แล้วมาฉีดที่หน้าของตน โดยไม่นำขวดยามาด้วย แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะเขาค่อนข้างเป็นที่รู้จักในบรรดาสาวประเภทสอง มีชื่อเสียงอยู่แล้ว และมีหลายคนเคยทำมาแล้วด้วย
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
เวลาผ่านไป 2 เดือน ใบหน้าของพวกตนทั้ง 3 คน เริ่มมีอาการผิดปกติ แต่ตนอาการหนักที่สุด มีอาการอักเสบ หน้าบวมโตเป็นไตแข็ง ๆ และมีหนอง จึงติดต่อไปยังนายป๊อบเพื่อให้รับผิดชอบ เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวจะเอาหนองออกให้ แต่เมื่อไม่ดีขึ้น เขาก็บ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบ และอ้างว่าเป็นเพราะพวกตนไม่รักษาความสะอาดเอง
ต่อมาอาการแย่ลงเรื่อย ๆ ถุงใต้ตามีหนองจนบวมเป่ง แก้มบวมและเบี้ยว จึงไปรับการรักษาที่คลินิกแห่งหนึ่ง หมอบอกว่าติดเชื้ออย่างรุนแรง ต้องผ่าตัดขูดเอาสารแปลกปลอมออกหลายครั้ง ต้องดูดหนอง และใส่ผ้าก๊อซซับหนองไว้จนแก้มเป็นรู ตนรักษามาตลอด 7 เดือน จนหนองหายและแผลแห้ง จึงได้ทำการเย็บแผล แต่ผิวหน้าก็เป็นรูและหย่อนยาน ไม่เต่งตึงเหมือนก่อน
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากนี้ต้องใช้ไขมันตัวเองเติมเข้าไป และแซะพังผืดออกมา แต่สิ่งที่กังวลที่สุดคือถุงใต้ตาที่หย่อนลงมา หมอเคยดึงขึ้นให้แล้วแต่ไม่สามารถทำได้ ช่วงแรกหมดค่ารักษาไปหลายแสน แต่ต่อมาทางคลินิกรู้สึกสงสาร จึงรับอุปการะรักษาให้ฟรีจนกว่าจะหาย
สำหรับ นายป๊อบ หมอกระเป๋า ตนแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ตำรวจจับกุมได้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 ซึ่งเขาได้ประกันตัวออกมา แต่ไม่เคยติดต่อหรือรับผิดชอบเยียวยาใด ๆ นอกจากนี้ นายป๊อบยังเคยถูกจับในคดีเดียวกันมาก่อน เมื่อปี 2559 แต่พอพ้นโทษก็กลับมาทำอีก โดยเขาบอกตำรวจว่าเคยเป็นผู้ช่วยแพทย์ที่คลินิกแห่งหนึ่ง ต่อมาผันตัวมาเป็นหมอเถื่อน และสั่งยาต่าง ๆ มาจากอินเทอร์เน็ต
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทำให้สุขภาพจิตใจตนย่ำแย่มาก ไม่กล้าออกจากบ้าน ไปไหนใครก็กลัว ทำงานไม่ได้หลายเดือน ต้องนอนร้องไห้ทุกคืน หากตนเป็นโรคซึมเศร้าหรือไบโพลาร์ คงฆ่าตัวตายไปแล้ว แต่ตนก็พยายามเข้มแข็งและคิดว่าต้องผ่านมันไปให้ได้ จึงอยากให้กรณีของตนเป็นอุทาหรณ์กับคนอื่นด้วย หากจะทำศัลยกรรมให้ไปทำที่คลินิกที่มีใบอนุญาตถูกต้อง พร้อมฝากถึงนายป๊อบ ให้เขามารับผิดชอบเยียวยาในสิ่งที่เขาทำลงไปด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก