ชูวิทย์ ส่งข้อความสุดท้าย ถึง ธนาธร ไม่มีทางลัดในการเมืองฉบับประชาธิปไตยของไทย อย่าปลุกปั่นพลังบริสุทธิ์ของนักศึกษา ถ้ามันง่าย ประเทศไทยคงไม่มีรัฐประหารมาถึง 13 ครั้ง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
พรรคอนาคตใหม่ นับว่าเป็นน้องใหม่ในเส้นทางการเมืองของไทย ซึ่งนับตั้งแต่ก่อตั้งพรรคมา พรรคอนาคตใหม่เจออุปสรรคมากมาย จนสุดท้ายจบลงที่การถูกยุบพรรค แต่ถึงกระนั้น ส.ส. ของพรรค ก็ได้เข้าร่วมประชุมสภา ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ท้ายที่สุดในวันสุดท้ายของการประชุมสภา นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงความไม่ชอบมาพากลของการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ โดยเฉพาะกลยุทธ์ฟุตบอล ถ่วงเวลา-เตะตัดขา-สับขาหลอก ที่มาจากพรรคฝ่ายค้านด้วยกัน มีการเตะถ่วง สลับผู้ถูกอภิปราย และอื่น ๆ จนกลายเป็นว่ามีรัฐมนตรี 3 คน ที่ไม่ถูกอภิปราย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 2 มีนาคม 2563 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุว่า เป็นข้อความสุดท้ายถึง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เสียดายที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคอนาคตใหม่ไปไม่ถึงสุดทางตามที่ตั้งใจ ตนขอให้กำลังใจ นายธนาธร ในการเรียนรู้การเมืองที่แท้จริงในสภาว่าอย่าไว้ใจใคร มิตรการเมืองพร้อมหักหลังกันได้ทุกเมื่อ ไม่มีทางลัดในการเมืองฉบับประชาธิปไตยของไทย การเปลี่ยนแปลงไม่ได้ง่ายอย่างที่ใฝ่ฝัน
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @Thanathorn_FWP
เสียดายที่ความฝัน ความทะเยอทะยานของนายธนาธร ได้สิ้นสุดไปอย่างง่ายดายและรวดเร็ว เพราะความที่ยังไม่ประสาในการเมืองมากพอ ทำให้พลาดและต้องหยุดพักความปรารถนาทางการเมืองไปอย่างน้อย 10 ปี ซึ่งการที่ออกมาต่อสู้นอกสภานับว่าเป็นสิ่งดี แต่ปัญหาคือ เมื่อพลาดเกมการเมืองไปแล้ว อะไรทำให้มั่นใจว่าประชาชนยังเชื่อใจให้ขับเคลื่อนนอกสภา ขนาดบรรดา ส.ส. อดีตสมาชิกพรรค ยังทรยศหักหลังได้ลงคอภายในระยะเวลาแค่ไม่ถึง 6 เดือน
การปล่อยให้พลังบริสุทธิ์อย่างนักศึกษาต่อสู้ จึงต้องยอมรับผลเสียที่ตามมา หยุดการยุยง ส่งเสริม สนับสนุน ปลุกระดม ลดความอยากเด่นอยากดัง แล้วให้พวกเขาเรียนรู้หน้าถัดไปของประวัติศาสตร์การเมืองไทย ในการต่อสู้กับเผด็จการด้วยตัวเองเสียดีกว่า ไม่อย่างนั้น สิ่งที่จะเลียนแบบเอาอย่างคุณได้ ตอนนี้ก็ได้แต่ตะโกนผ่านไมค์ ปลุกเร้าว่า "เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ" ถ้ามันง่ายอย่างนั้น ประเทศไทยคงไม่มีรัฐประหารมาถึง 13 ครั้งอย่างนี้หรอก