สาวเขียนหนังสือ เล่าชีวิตนรกวัยเด็ก ยายฝึกให้เป็นโสเภณี แม่พาออกขายตัวตั้งแต่ 7 ขวบ ก่อนขายลูกทิ้งเอาเงินกิน เผยเคยโดนข่มขืน แต่แม่ไม่สนใจ ย้อนถามซ้ำ ทำไมยอมมีเซ็กส์ฟรี ๆ
หนังสือของ เอลิสก้า แทนเซอร์ : ภาพจาก amazon
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2563 เว็บไซต์เดลี่สตาร์ รายงานเรื่องราวของ เอลิสก้า แทนเซอร์ หญิงสาวชาวสโลวาเกีย ที่ได้ออกมาบอกเล่าประสบการณ์ชีวิตวัยเด็กที่แสนสลดใจผ่านหนังสือ The Girl From Nowhere โดยเธอและญาติรุ่นราวคราวเดียวกัน ถูกยายฝึกให้เรียนรู้การเป็นโสเภณีตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ด้วยการเอากล้วยยัดลงคอ เพื่อเลียนแบบการใช้ปากสำเร็จความใคร่ ก่อนจะถูกพาเข้าสู่โลกแห่งการค้าบริการทางเพศ ซึ่งคนที่เป็นธุระจัดการทุกอย่างคือแม่แท้ ๆ ของเธอเอง
เอลิสก้าเติบโตขึ้นในอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ เก่าโทรมสไตล์โซเวียต ในเมืองหนึ่งทางตะวันออกของประเทศสโลวาเกีย ผู้หญิงทุกคนในครอบครัวของเธอประกอบอาชีพค้าประเวณี ยายเป็นแม่เล้า แม่ ป้า และน้า ทุก ๆ คนหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นโสเภณีด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งทุกคนก็คาดหวังให้ลูกหลานเจริญรอยตาม
โดยตอนที่เอลิสก้าอายุ 7 ขวบ แม่พาเธอไปขายตัวด้วย แต่ตอนนั้นเอลิสก้าไม่ได้ทำอะไร นอกจากแก้ผ้าและเต้นรำ ในขณะที่แม่ทำงานของตัวเอง และหลังจากนั้นแม่ก็มักจะพาเธอไปด้วยเสมอ
หญิงสาวเล่าย้อนถึงอดีตในครั้งนั้นว่า ลูกค้าบางคนไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวเธอ แต่จะสำเร็จความใคร่ตอนมองดูเธอเต้นรำขณะเปลือยเปล่า ลูกค้าบางคนก็ไม่ชอบใจที่แม่พาเธอไปทำงานด้วย แล้วก็ตะโกนสบถด่าทอ
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ท่ามกลางชีวิตอันน่าหดหู่นี้ คนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือมีเพียงคนเดียว คือพ่อของเอลิสก้า เขาเป็นคนขี้คุก มีประวัติก่ออาชญากรรม แต่เขาก็มีสำนึกรักลูกมากกว่าเมียตัวเอง โดยพ่อของเอลิสก้ามักจะเข้ามาห้ามไม่ให้ยายส่งเธอออกไปทำงาน และไม่อยากยุ่งกับเรื่องพวกนี้ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้มาก
ด้วยความไร้เดียงสาและอยู่กับเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก เอลิสก้าจึงไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกอะไร และเธอก็ชอบเวลาอยู่กับแม่ เธอชอบเต้นรำ และแม่ก็มีความสุขทุกครั้งที่เหล่าลูกค้าผู้ชายโยนเงินใส่เธอ ซึ่งมันทำให้เอลิสก้ารู้สึกว่าตัวเองมีค่า รู้สึกเป็นคนพิเศษสำหรับแม่
เธอเล่าว่าแม่มักจะตะโกนด่าเธอด้วยถ้อยคำหยาบคายอยู่เสมอ ด่าว่าเป็นปลิงสูบเลือดและไม่อยากเห็นหน้าเธออีก แต่เธอก็ยังรักแม่ แม้ว่าจะเจ็บปวด เธอคิดว่าแม่รักเธอ จนกระทั่งถึงวันที่ชีวิตต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอด...
ตอนที่เอลิสก้าอายุ 13 ปี แม่ตัดสินใจส่งเธอไปอังกฤษ อ้างเหตุผลว่าจะให้เธอไปเรียนหนังสือ จะได้มีความรู้ติดตัว จนกลับมาหางานทำและซื้อบ้านให้ครอบครัวได้ พ่อของเอลิสก้ายินดีมาก เพราะเขาอยากให้ลูกสาวมีการศึกษา เขาจึงยอมตกลงกับความคิดครั้งนี้
ทว่าสิ่งที่เอลิสก้าคาดไม่ถึงก็คือ แม่ขายเธอทิ้งเพื่อแลกกับเงิน แต่โชคดีของเธอ เพราะผู้หญิงที่ซื้อเธอกับเด็กคนอื่นไปเลี้ยงคอยดูแลเธออย่างดี ให้เธอได้เรียนหนังสือ อีกทั้งให้ไปเรียนเต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เอลิสก้าชื่นชอบมาโดยตลอด
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ทว่าเมื่อเอลิสก้าอายุ 16 ปี ชีวิตของเธอก็พบเจอกับนรกของจริง เธอถูกผู้ชาย 3 คน รุมข่มขืน พวกเขาจู่โจมขณะที่เธออยู่ข้างถนน ทำร้ายเธอ อีกทั้งยังถ่ายคลิปเอาไว้ เธอตื่นมาพบว่าตัวเองกรามหัก และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ตำรวจใจร้ายกับเธอมาก เพราะเธอเป็นคนต่างด้าวที่ไม่มีบัตรประชาชน พวกเขาจึงไม่ได้ช่วยเหลือเธอ อีกทั้งไม่มีการจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีใด ๆ ทั้งสิ้น เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เด็กสาวตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าอย่างหนักและอยากตายไปให้พ้น ๆ
เมื่อข่าวนี้ไปถึงหูพ่อ เขาก็บากบั่นเดินทางมาหาลูกสาว กอดปลอบเธอ และพาเธอไปพักที่โรงแรม เขาอาบน้ำให้ลูกสาวที่น่าสงสาร และคอยดูแลเธออย่างดี ในขณะที่แม่ของเธอไม่ใส่ใจเลยสักนิดที่ลูกสาวถูกข่มขืน อีกทั้งยังถามว่าทำไมยอมให้ผู้ชายเหล่านั้นมีเซ็กส์ด้วยฟรี ๆ
อย่างไรก็ตาม พ่อเป็นเหมือนพระมาโปรด เขายืนยันว่าจะให้เอลิสก้าเรียนหนังสือและเรียนเต้นต่อ รวมทั้งจะส่งให้เรียนมหาวิทยาลัย โดยไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเส้นทางชีวิตแบบเดียวกับแม่
ทุกวันนี้ เอลิสก้าไม่ได้เป็นเด็กน่าเวทนาแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เธอมีการศึกษาที่ดี เรียนจบด้านการเขียนด้วยการช่วยเหลือของพ่อ และขยันทำงานอย่างหนักทุกอย่างเพื่อเก็บเงิน รวมทั้งการเป็นพนักงานทำความสะอาด
นอกจากนี้แล้ว เธอยังได้เขียนหนังสือที่เกี่ยวกับชีวิตน่าเศร้าของตัวเอง ซึ่งวางแผงแล้วตอนนี้ เรียกได้ว่าชีวิตของเอลิสก้าพ้นขุมนรกแล้ว แต่ถึงกระนั้นบาดแผลในอดีตก็ยังคงไม่มีวันจางลงไป...