เศรษฐีอำนาจเจริญ โดนยัดยาบ้า สู้คดี 5 ปี ปัจจุบันหมดเนื้อหมดตัวไปกว่า 100 ล้าน จนต้องยังชีพด้วยเบี้ยคนชรา เดือนละ 600 คาดเมียเก่าบงการกลั่นแกล้ง เพราะอยู่ระหว่างฟ้องหย่า ล่าสุดหลุดคดียาเสพติดแล้ว ฟ้องเอาคืนตำรวจชุดจับกุม 32 นาย
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 รายการทุบโต๊ะข่าว ช่องอมรินทร์ ทีวี รายงานว่า นายสุวิชชา หนูสิงห์ อายุ 67 ปี เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ. สุทธกาญจน์ ฟักทอง ผกก.สภ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับนายตำรวจชุดจับกุมคดียาเสพติด 32 นาย และพนักงานอัยการจังหวัด 1 ราย ที่เป็นทนายให้ภรรยาของนายสุวิชชา เรื่องฟ้องหย่า ซึ่งร่วมกันทำคดีโดยมิไม่ชอบ ทำให้ตนเองได้รับความเสียหาย
โดยนายสุวิชชา เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นจากเมื่อปี 2533 ครอบครัวของตนให้แต่งงานกับหญิงคนหนึ่งที่ตนไม่รู้จักกันมาก่อน ตนต้องทำคำสั่งครอบครัว จึงแต่งงานอยู่กินเป็นสามีภรรยา และจดทะเบียนสมรสกันในปี 2536 มีลูกชายด้วยกัน 3 คน
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
กระทั่งปี 2555 ภรรยายื่นฟ้องหย่าตน เนื่องจากต้องการไปมีคนใหม่ ตนได้ปรึกษาทนายความส่วนตัวให้ช่วยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สำหรับไทม์ไลน์เรื่องโดนยัดยาเสพติด มีดังนี้
- เวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่ขอตรวจค้นรถ ระบุว่า มีสายรายงานมาเรื่องขนส่งยาเสพติด แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย
- ต่อมาเวลา 18.50 น. ขณะจอดรถเก๋งอยู่ที่ถนนอรุณประเสริฐ ต.นาหว้า อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ ตนเดินออกมาเห็นตำรวจยืนล้อมรถตนอยู่ ตำรวจขอตรวจค้นรถอีกครั้ง
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจค้น และพบยาบ้ารวม 82 เม็ด ถูกพันด้วยเทปพันสายไฟสีดำ ผูกด้วยลวดคล้องติดบริเวณท่อไอเสียรถยนต์ ตนตกใจอย่างมาก ไม่รู้ว่ายาเสพติดดังกล่าวมาอยู่ใต้ท้องรถยนต์ตนตั้งแต่เมื่อไร
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
ทั้งนี้ ตนพยายามสู้คดียาวนานกว่า 5 ปี จนหมดเนื้อหมดตัว สุดท้ายศาลชั้นต้นและศาลอาญายกฟ้อง ตัดสินว่าตนไม่มีความผิด เนื่องจากขณะสอบสวนในชั้นศาล กลุ่มตำรวจคู่กรณีไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ได้ว่าตนเป็นผู้กระทำผิดและเป็นเจ้าของยาเสพติดนั้น
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
นายสุวิชชา เล่าต่อว่า ก่อนหน้านี้ตนมีฐานะถึงขั้นเศรษฐี ทำธุรกิจหลายอย่าง มีซูเปอร์มาร์เกตอยู่ใจกลางเมือง อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ 4 สาขา มีร้านทอง 2 แห่ง และอาคารพาณิชย์ใจกลางเมือง จำนวนทั้งสิ้น 46 ห้อง รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 100 ล้านบาท
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
ขณะที่ตนถูกจับติดคุกคดียาไป 5 เดือน ขณะนั้นศาลได้สั่งฟ้องทรัพย์สินที่มีให้ภรรยาของตนไปเกือบทั้งหมด เหลือเพียงอาคารร้านทอง จำนวน 2 คูหา ให้ตนไว้ซุกหัวนอน แต่ก็ไม่ได้เปิดเป็นร้านทองแล้ว เนื่องจากไม่มีเงินลงทุน จึงปล่อยให้คนเช่าเปิดเป็นร้านโทรศัพท์ เดือนละ 9,000 บาท และทุกวันนี้ต้องรอเงินผู้สูงอายุ 600 บาทไว้ยังชีพ
หลังจากศาลยกฟ้อง ตนจึงอยากขอความเป็นธรรมให้ดำเนินคดีกับคนที่เกี่ยวข้อง และขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชน วิงวอนไปถึงทนายความผู้ใจบุญที่ทราบข่าว ได้โปรดลงมาช่วยเหลือตนเอง ทางด้านคดีความ ดำเนินคดีเอาผิดผู้ที่กระทำให้ตนต้องตกต่ำให้ถึงที่สุด
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ. สุทธกาญจน์ ระบุว่า ได้ให้นายสุวิชชา รวบรวมเอกสารทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน และให้มาติดตามผลทุก 15 วัน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน โดยตำรวจจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายโดยไม่เลือกข้าง ซึ่งมีนายตำรวจชุดจับกุมหลายท่านเกษียณอายุราชการไปแล้ว โดยหากรวบรวมหลักฐานเสร็จจะนำสำนวนส่งสำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก อมรินทร์ ทีวี
*-*** หมายเหตุ แก้ไขข้อมูล เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2563 เวลา 13.30 น.