หญิงบริจาคไต ยื้อชีวิตผู้ป่วยไตวาย สานต่อชีวิตที่ได้สามีผู้ล่วงลับเคยช่วยไว้ เมื่อ 16 ปีก่อน

 
              หญิงบริจาคไต ยื้อชีวิตผู้ป่วยไตวาย สานต่อชีวิตที่ได้สามีผู้ล่วงลับเคยช่วยไว้ เมื่อ 16 ปีก่อน หลังเขาเกิดอาการไตวายซ้ำ ชี้จากการพบกันเมื่อ 16 ปีก่อน สู่มิตรภาพระหว่าง 2 ครอบครัว


             ย้อนกลับไปในปี 2547 ไบรอัน เฮอร์ริงตัน สามีของเทอร์รี ซึ่งทำงานเป็นช่างทำหลังคา เสียชีวิตอย่างน่าเศร้าด้วยวัยเพียง 35 ปี หลังจากที่เขาประสบอุบัติเหตุระหว่างทำงาน จนบาดเจ็บที่สมอง โดยอวัยวะของเขาทั้งหัวใจ ปอด ตับ ตับอ่อน และไต ถูกนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยคนอื่น ๆ ถึง 4 คนด้วยกัน


             หนึ่งในคนที่ได้รับบริจาคอวัยวะจากไบรอัน ก็คือชายที่ชื่อ เจฟฟรีย์ แกรนเจอร์ หรือ เจฟฟ์ ผู้ป่วยที่ต้องทนทุกข์จากภาวะไตวายมานานหลายปี และต้องพึ่งพาการฟอกไต โดยในปีนั้นอาการของเขาทรุดหนักลงมากจนจำเป็นต้องรับการปลูกถ่ายอวัยวะ

             ภายหลังได้รับไตและตับอ่อนมาจากไบรอัน อาการของเจฟฟ์ก็ดีขึ้นอย่างมาก ร่างกายของเขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และในปีต่อมาเขาก็ได้มีโอกาสรู้จักกับครอบครัวของผู้บริจาค

             เดิมทีแล้วผู้รับบริจาคอวัยวะกับครอบครัวของผู้บริจาคควรมีปฏิสัมพันธ์กันโดยไม่ระบุตัวตน แต่สำหรับกรณีของเทอร์รี เธอตัดสินใจส่งจดหมายไปหาผู้บริจาคพร้อมกับเบอร์โทรศัพท์ เพื่อที่จะได้ผูกมิตรและทำความรู้จักกับพวกเขา ซึ่งเจฟฟ์ก็ตัดสินใจโทร. มาหาเธอทันทีที่ได้รับจดหมาย


             มิตรภาพของทั้งคู่เริ่มต้นจากจุดนั้น เจฟฟ์คุยกับเทอร์รีนานร่วม 45 นาที ราวกับเขารู้จักเธอมาทั้งชีวิต ทั้งคู่เข้ากันได้อย่างดีและยังคงติดต่อกันตลอด 15 ปี หลังจากนั้น ทั้งทางโทรศัพท์ โซเชียลมีเดีย รวมถึงแวะเวียนมาหากันบ่อยครั้ง โดยเทอร์รีก็มักจะพาลูก ๆ ไปเยี่ยมบ้านเจฟฟ์ และรับประทานอาหารกับครอบครัวของเขาหลายครั้ง

             เทอร์รี เผยว่า เธอเป็นเพื่อนกับผู้ที่ได้รับอวัยวะจากสามีของเธอทุกคน แต่ไม่มีใครที่เธอจะสนิทเท่ากับเจฟฟ์
             อย่างไรก็ตาม ในปี 2562 เจฟฟ์กลับต้องทราบข่าวร้ายว่าไตที่เขาได้รับมาจากไบรอัน เกิดมีอาการไตวายขึ้น เขาจำเป็นต้องได้รับการฟอกไตและผ่าตัดอีกครั้ง เขาจึงตัดสินใจโทร. หาเทอร์รีเพื่อแจ้งข่าวนี้ให้เธอทราบ โดยไม่คาดคิดเลยว่าสหายคนนี้จะเสนอตัวยินดีบริจาคอวัยวะของเธอแก่เขา

             เทอร์รี เผยว่า เจฟฟ์น่าจะคิดว่าเธอล้อเล่น เขาเลยหยุดคุยเรื่องนี้กับเธอไป จนในเดือนพฤษภาคม 2562 เธอก็เห็นเจฟฟ์โพสต์เฟซบุ๊กประกาศหาผู้บริจาคไตให้แก่เขา ตอนนั้นเองเธอจึงส่งข้อความไปบอกเขาอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าเธอพูดจริงเรื่องที่เธอจะบริจาคไตให้เขาเอง


             อย่างไรก็ตาม การปลูกถ่ายอวัยวะนั้นใช่ว่าจะสามารถทำได้ทันที เทอร์รีต้องเข้ารับการตรวจเลือดและการตรวจอื่น ๆ อีกหลายอย่าง กว่าจะสามารถยืนยันได้ว่าอวัยวะของเธอกับเจฟฟ์จะเข้ากันได้ ซึ่งทั้งคู่ก็ได้รับแจ้งข่าวดีในอีก 5 เดือนถัดมา

             อนึ่ง เดิมทีกำหนดการปลูกถ่ายอวัยวะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2562 แต่เจฟฟ์เกิดมีไข้ต่ำ ๆ ในวันนั้นและต้องเข้ารับการรักษาโรคปอดบวมที่โรงพยาบาล ทำให้พวกเขาจะต้องเลื่อนกำหนดการผ่าตัดออกไป จนกระทั่งในเดือนมีนาคม 2563 จึงได้มีการผ่าตัดขึ้นที่วิทยาลัยแพทย์ของมหาวิทยาลัยฟลอริดา

             ทั้งนี้ ดร.เคนเนธ อันโดรนิ ผู้ช่วยศาสตราจารย์และผู้อำนวยการภาคศัลยกรรมปลูกถ่ายอวัยวะ ยอมรับว่า กรณีแบบเทอร์รีและเจฟฟ์เป็นสิ่งที่หาได้ยาก เพราะแม้จะมีบ้างที่ผู้รับบริจาคกับครอบครัวของผู้บริจาคจะสนิทกันได้ แต่ไม่มีเคสไหนที่ภรรยาของผู้บริจาคเดิมจะยอมยกอวัยวะของตัวเองให้แก่ผู้รับซ้ำเดิมเช่นนี้  

             ขณะนี้ร่างกายของทั้งคู่ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และพวกเขาก็หวังว่าเรื่องราวดังกล่าวจะสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้อื่นให้หันมาบริจาคอวัยวะกันมากขึ้น โดยเจฟฟ์ชี้ว่า ทุก ๆ คนไม่จำเป็นต้องบริจาคอวัยวะให้คนอื่นในตอนที่เรายังมีชีวิตก็ได้ แต่ไม่มีเหตุผลเลยที่เราจะปล่อยให้อวัยวะของเราถูกฝังลงดินไปเฉย ๆ ในขณะที่เรายังสามารถนำมาใช้ช่วยชีวิตผู้อื่นได้

ขอบคุณข้อมูลจาก เดลี่เมล