เสี่ยเจ้าร้านเฟอร์นิเจอร์ชื่อดังในเมืองหาดใหญ่ เครียดปัญหาหนี้สิน พยายามประคับประคองแล้วแต่ไม่รอด ตัดสินใจจบชีวิตพร้อมภรรยา สุดสลด..สภาพศพนอนกอดกันอยู่บนเตียงนอน
วันที่ 9 กรกฎาคม 2563 สำนักข่าวไทย รายงานว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้รับแจ้งพบศพผู้เสียชีวิต 2 ราย ภายในร้านเฟอร์นิเจอร์ชื่อดังใน อ.หาดใหญ่ จึงรุดตรวจสอบพร้อมทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่กู้ภัย
โดยจุดเกิดเหตุอยู่บนห้องนอนชั้น 3 มีร่างของชายหญิงนอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่บนเตียงนอน ทราบชื่อ นายสมศักดิ์ อายุ 55 ปี และนางณัฐริกา อายุ 60 ปี ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน และเป็นเจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์ดังกล่าว สภาพศพฝ่ายชายนอนอยู่บนเตียง มีร่างของฝ่ายหญิงนอนกอดอยู่ ทั้งคู่มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่กลางศีรษะคนละนัดในลักษณะจ่อยิง
จากการตรวจสอบภายในห้อง ไม่มีร่องรอยของการรื้อค้นหรือการต่อสู้ พบปืนสั้นขนาด .22 ตกอยู่ที่พื้น และที่มือซ้ายของฝ่ายชายยังมีคราบเขม่าดินปืน เบื้องต้นคาดว่า เป็นการยิงตัวตาย โดยฝ่ายชายยิงภรรยาก่อน แล้วยิงตัวตายตาม
ทั้งนี้ พี่ชายของผู้ตาย ซึ่งเข้ามาที่ร้านและพบศพเป็นคนแรก เผยว่า กลางดึกที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ น้องชายไลน์มาหา บอกให้ช่วยมาหาที่ร้าน โดยจะเปิดประตูหลังร้านรอไว้ จากนั้นช่วงเช้าตนเลยเข้ามาที่ร้านแต่ภายในเงียบผิดปกติ เรียกไม่มีใครตอบ จึงขึ้นไปบนห้องนอนก็พบร่างทั้งสองคนนอนเสียชีวิตอยู่บนเตียง จึงรีบแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ
ส่วนสาเหตุฆ่าตัวตาย คาดว่าน้องชายเครียดเรื่องธุรกิจร้านเฟอร์นิเจอร์ น่าจะถึงจุดที่หาทางออกไม่ได้ จึงตัดสินใจยิงตัวตายพร้อมภรรยาเพื่อจบปัญหา โดยที่ร้านอยู่ด้วยกัน 3 คน คือ น้องชายกับภรรยา และแม่อายุ 90 ปี ซึ่งอยู่อีกห้อง โดยน้องชายมีลูกสาว 2 คน อยู่กรุงเทพฯ กำลังเรียน 1 คน และทำงานแล้ว 1 คน

ภาพจาก สำนักข่าวไทย
โดยเฮียศักดิ์ เปิดใจเล่าปัญหาทั้งหมดเกี่ยวธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ให้ฟัง ซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวกับหนี้สิน และพยายามประคับประคองให้ร้านและพนักงานอีก 8 คน อยู่ให้ได้ ซึ่งเฮียศักดิ์เครียดมาหลายวันแล้ว อยู่แต่บนห้องไม่ค่อยได้ลงมาหน้าร้าน กระทั่งเกิดเหตุสลดดังกล่าว
ทั้งนี้ ในแชตสุดท้ายที่เฮียศักดิ์ส่งไป ระบุว่า "เช้านี้มาหาหม่าม้าด้วยนะ เดี๋ยวเปิดประตูหลังให้" "พี่เป็นคนมีประสบการณ์ สุขุม ปรึกษาถูกคนแล้ว"
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำร่างของทั้งคู่ส่งโรงพยาบาลหาดใหญ่ เพื่อให้แพทย์ชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนมอบให้ญาติรับกลับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป