ดร.เสรี จวก PETA แบนกะทิไทย เพราะใช้ลิงเก็บมะพร้าว ซัดรักสัตว์ดัดจริต

          ดร.เสรี เปิดใจปม PETA แบนกะทิไทย เนื่องจากใช้ลิงเก็บมะพร้าว มองทารุณสัตว์ ฉะแรงรักสัตว์ดัดจริต จริง ๆ ตั้งใจกีดกันหวังลดดุลการค้าไทย


          รายการ เรื่องลับมาก (no censor) ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.20-15.00 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (8 กรกฎาคม 2563) ได้สัมภาษณ์ความคิดเห็น ดร.เสรี วงษ์มณฑา ประเด็นร้อนที่ PETA แบนกะทิไทย เพราะมองว่าการใช้ลิงเก็บมะพร้าวเป็นการทารุณกรรมสัตว์

          โดย ดร.เสรี เปิดเผยว่า "ขอพูด 3 ประเด็น รักสัตว์ ดัดจริต กีดกัน การที่คนเราจะแสดงอาการรักสัตว์ไม่ผิด เราต้องมีใจรักสัตว์ มีความเมตตา อันนี้ถูกต้อง แต่ดัดจริตคือเราต้องเข้าใจระบบนิเวศ วงจรชีวิต สัตว์ทั้งหลาย พืชทั้งหลายที่เกิดมาเป็นสิ่งมีชีวิต มันเกิดมาอยู่ในวงจร คนนั้นทำหน้าที่นั้น คนนั้นทำหน้าที่นี้ ถ้าเราไม่ดัดจริตเกินไป เราไม่มาวุ่นวายกับเรื่องนี้ กินผัก ผักมีชีวิตไหม เราใช้ควายไถนา ขี่ม้าล่าสัตว์ต่าง ๆ เรื่องที่สัตว์ก็ดี พืชก็ดี อยู่ในระบบนิเวศ ใช้กันไปใช้กันมา เอาไส้เดือนไปตกปลา ใช้ม้าตีคลี เยอะแยะ ถ้าคุณจะตัดวงจรทรมานสัตว์คุณดัดจริต เพราะเป็นไปไม่ได้


          อย่างเรามีโรงเรียนสอนลิงแล้วเขาว่าเรา ถามว่าเวลาคุณมีละครสัตว์ คุณมีโรงเรียนสอนสัตว์ไหม เคยดูโชว์โลมาไหม เขาฝึกไหม เคยดูโชว์แมวน้ำไหม เขาฝึกไหม ระหว่างลิงเก็บมะพร้าวกับหมูที่ไปดมเพื่อเอาเห็ดอันนั้นทารุณกว่าอีก เพราะหมูมันจะกิน เขางัดปากมัน การกล่าวหาว่าลิงได้รับการทรมาน ไปคุยกับเขาก่อน เขาเลี้ยงเหมือนลูกเลยจะบอกให้ นี่คือความดัดจริต

          อีกเรื่อง กีดกัน จะบอกว่ากะทิไทยมีส่วนครองตลาดมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะเรามีหลายยี่ห้อ เราไม่ได้ขายดีแค่กะทินะ เรามีน้ำมะพร้าวก็ขายดี น้ำมันมะพร้าวเราเอาทำน้ำยาบ้วนปาก ทำยาสระผม ทำครีมล้างหน้าสารพัด ประเทศไทยเราเก่งมาก เราได้ดุลการค้าประเทศใหญ่ ๆ ฉะนั้นเขาอาจต้องการลดปัญหาเรื่องดุลการค้าก็ได้ เมื่อก่อนเราซื้อสินค้าใหญ่ ๆ จากเขาเป็นสินค้าเทคโนโลยี แต่ปัจจุบันก็รู้ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน มีสินค้าเทคโนโลยีที่เหนือชั้นกว่า เราก็สั่งสินค้าจากประเทศนี้ ทำให้สั่งสินค้าจากเยอรมนี อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ลดลง

          ขณะเดียวกันเรื่องอาหารการกิน ไทยเราเป็นครัวโลก อาหารต่าง ๆ ไม่ว่าจะแปรรูปหรือแช่แข็ง ประเทศไทยเราส่งออกเยอะมาก ตอนนี้ร้านอาหารไทยทั่วโลกเป็นที่นิยมและขายในราคาแพง ๆ ด้วย ฉะนั้นการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ พิจารณากันให้ดี รักสัตว์ดัดจริตหรือกีดกัน คุณเองเนี่ยไปศึกษาหรือยังว่าเขาเก็บมะพร้าวกันยังไง ลิงเก็บได้ทีละลูกนะ แต่ถ้าใช้ไม้สอยหล่นลงมาเป็นทะลาย เราขายดีขนาดนี้ต้องใช้ลิงกี่หมื่นตัวถึงจะสามารถทำได้อย่างนี้ แล้วไปบอกว่าลิงถูกทรมาน คนเลี้ยงลิงเขาโกรธมากเลยนะ เขารักลิงเหมือนลูก แล้วการที่คุณบอกว่าลิงไม่มีความสุข คุณมีจิตวิทยาลิงเหรอ พี่ว่าลิงอาจดีใจก็ได้นะ บิด ๆ ได้ 1 ลูกแล้วดีใจ แล้วคุณไปบอกทรมาน ลิงบอกว่าไม่ใช่ กูภูมิใจ นี่เดาเองนะ"

มี ส.ส. พรรคฝ่ายค้าน คนหนึ่ง ?

          "นี่แหละที่โมโห ถ้าคุณบอกว่าหวังดีกับประเทศไทย กลัวคนอื่นจะมาอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไมไม่ไปคุยกับสมาคมคนทำธุรกิจมะพร้าว คุยกันภายในสิ จะแสดงอาการชังรัฐบาลก็ชังไป แต่นี่คุณกำลังแสดงอาการชังชาติ ที่สำคัญคุณไปเอารูป 10 ปีก็มี รูปอินโดนีเซียก็มี ทำไมไม่หาข้อมูลก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำ ทำเพื่ออะไร ตอนนี้สิ่งที่รัฐบาลต้องทำ คือใครมีปัญหาคุยส่วนตัว สื่อสารสาธารณะเพื่อให้คนทั่วไปรู้ แต่คนมีปัญหากับเราโดยตรง พีต้าก็ดี พวกห้างที่เอาสินค้าเราออกก็ดี ประเทศแบนเราก็ดี คุยส่วนตัว เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำ"

ประเทศไทยเรามีลิงเก็บมะพร้าวตั้งแต่สมัยโบราณมา แต่ทำไม ส.ส.พรรคก้าวไกล ถึงเพิ่งมาเดือดร้อน ?

          "เขาไม่ไกลไง ถ้าเขาไกลจะรู้ว่าตอนนี้มีโรงเรียนฝึกลิง เอาไว้เป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยว เหมือนเราไปดูแมวน้ำ โลมาโชว์ ดูละครสัตว์ ต่างกันตรงไหน แต่ด้านอุตสาหกรรมไม่มีทางใช้ลิง เพราะไม่พอที่จะเอากะทิไปขายได้ทั่วโลกหรอก จะบอกให้"


พ.ร.บ.คู่ชีวิต ที่กำลังผลักดัน มองยังไง ?

          "เห็นด้วยอย่างมาก มีปัญหาเยอะแยะ เอาเรื่องจริงเรื่องหนึ่ง มีคู่ที่รู้จักคู่หนึ่ง กะเทยคนหนึ่งถูกพ่อไล่ออกจากบ้านตั้งแต่พ่อรู้ว่าเขาเป็นกะเทย เขาก็มาเจริญเติบโตของเขา มีเงินมีทองนะ ไม่ใช่ไม่มี สร้างเนื้อสร้างตัวอยู่เป็นคู่ผัวตัวเมียกับผู้ชายคนหนึ่ง ถึงเวลาเขาป่วยมาต้องผ่าตัด เซ็นไม่ได้ เพราะไม่ใช่คู่สมรสและไม่ใช่ญาติ ก็มีปัญหาสิ จะไปตามหาญาติ ญาติก็รังเกียจ พอเสียชีวิต เอาศพออกมาไม่ได้ ต้องเป็นญาติเท่านั้นที่ต้องไปรับศพ"

          "สองกะเทยที่เอ่ยชื่อไป ต้องเป็นที่รู้จัก เป็นกะเทยยิ่งใหญ่ของประเทศไทยคนหนึ่ง เขามีผู้ชายอยู่ด้วยหลายคน แต่ตอนบั้นปลายชีวิตที่เขาป่วยไข้ ผู้ชายคนนี้เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวจนกระทั่งเขาเสียชีวิต ในมรดกเขาก็ได้รับเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ทั้งหมด เขามองว่าโอ้โห ตั้ง 10 ล้าน แต่จริง ๆ มรดกพี่เขามากกว่านั้นเยอะ 10 ล้านนี่จิ๊บจ๊อยเลยทีเดียว แต่คนมองว่าพี่เขาหลงผู้ชาย คนจะเห็นว่าผู้ชายได้อะไร แต่กะเทยที่อยู่กับผู้ชายได้อะไร เป็นเรื่องที่ไม่เปิดเผย รู้กัน 2 คน คนก็จะเห็นว่าได้บ้าน ได้รถ ได้บัตรเครดิต ก็พูดกันไป แต่สิ่งที่กะเทยได้จากผู้ชายเป็นความลับในห้องนอน เป็นเรื่องที่รู้กันแค่ 2 คน กะเทยให้ผู้ชายแค่ไหนอย่าไปดูถูกว่าโง่นะ กะเทยเขาคำนวณเป็น ผู้ชายบางคนกระเป๋าไนท์บาซาร์ กระเป๋าเจเจ บางคนกระเป๋า Hermes เลยนะ คนเข้าใจหรือเปล่าเรื่องนี้"

          "ทีนี้พอเรื่องกฎหมาย ถ้าแต่งงานกันได้ 1. เซ็นผ่าตัดได้ 2. เอาศพออกมาได้ 3. การลดหย่อนภาษีในฐานะเป็นคนที่แต่งงานแล้ว 4. การกู้เงินร่วม อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ ทีนี้เวลานี้หลายคนก็กีดกัน มันตลก ชีวิตจริงยังไม่ทัดเทียม พวก LGBT ยังถูกต่อต้านในสังคม สมมติเกย์คนหนึ่งตาย เขาอยู่มา 20-30 ปี คนที่อยู่กับเขาก่อร่างสร้างตัวไม่ได้สักสลึง ไม่เหมือนชายจริงหญิงแท้ ผู้ชายตาย เมียที่จดทะเบียนสมรส 50 เปอร์เซ็นต์ ลูกอีก 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเกย์ก่อร่างสร้างตัวด้วยกันมา เกิดคนหนึ่งเป็นอะไรขึ้นมา ไม่ได้เขียนพินัยกรรมอะไรเลย อีกคนก็ไม่ได้อะไรเลย ซึ่งมันไม่แฟร์ สนับสนุนให้มีกฎหมายฉบับนี้ แนะนำเกย์นะคะ ให้ทำพินัยกรรมตั้งแต่มีชีวิต ไม่ต้องไปฟังคนนินทาหรอกค่ะ อย่าไปสนใจ"


มีอะไรค้างคาใจอีกไหม ?

          "พี่รู้สึกว่าคนชอบด่ากะเทยว่าโง่ อีนี่สายเปย์นะ อีนี่ชอบทุ่ม กะเทยไม่ได้โง่ค่ะ กะเทยเขามีการคำนวณค่ะ ว่าเขาเสียอะไรไป ผู้ชายให้อะไรเขา จริง ๆ แล้วเวลากะเทยให้อะไรไป ก็เป็นของนอกกาย แต่ผู้ชายให้อะไรมา มันอยู่ในกายนะ (หัวเราะ) รวมทั้งศักดิ์ศรี การที่ผู้ชายคนหนึ่งมีอะไรกับกะเทย ถ้ามีการรับรู้เขาก็เสียศักดิ์ศรี กะเทยเขาก็ต้องดูแลเพราะเขาทำให้เสียหาย อย่าคำนวณแทนกันเลย ตัวเลขใครตัวเลขมัน ผู้ชายบางคนโอเลี้ยงแก้วเดียวยังไม่ยอมจ่ายเลย อย่าไปว่าโง่นะคะ"

คุณช่อกับหมอวรงค์ซัดกันนัว ?

          "คุณช่อเองก็ไปเปิดโอกาสให้หมอวรงค์ตั้งข้อสงสัย หลังบอกว่าจัดคอนเสิร์ตได้เงินบริจาคจะแจกถ้วนหน้า ก็ถ้าไม่มีใครทวง คนก็ถามว่ามันหายไปไหน มันก็เปิดโอกาสให้หมอวรงค์เขาถามหา ทีนี้พอถามหา หมอวรงค์เรียกร้องหาสเตตเมนต์การโอน คุณช่อก็ใช้วิธีให้รายชื่อ หมอวรงค์ก็ไปเช็กรายชื่อว่ามีตัวตนหรือเป็นอวตาร ก็ปรากฏไปพบตัวตนแท้จริงก็ไม่มี ก็ไม่สามารถยืนยันว่าเป็นอวตารหรือเปล่า พอขอดูสเตตเมนต์ คุณช่อก็ให้สเตตเมนต์มา แต่สเตตเมนต์ที่ให้มา มันก็มีบาร์โค้ด ไม่มีบาร์โค้ด เรื่องมันก็วุ่นวาย ผลสุดท้ายปรากฏว่าขู่กันว่าจะฟ้อง แล้วอยากจะดูสเตตเมนต์ไปดูที่ศาล"

          "แต่เรื่องหนึ่งที่พี่ว่าหมอวรงค์พลาด คือมีจุดหนึ่งที่ทำให้คุณช่อเธอหยามได้ ชื่อ 15 รายชื่อที่คุณหมอวรงค์พูดว่าเป็นอวตารหรือเปล่า ปรากฏหลายคนมีตัวตน ไม่ใช่อวตาร มีเลข 13 ตัวที่เป็นบัตรประชาชน มีเพจของเฟซบุ๊กตรงนั้น ตรงนี้จึงไม่ดีเท่าไหร่ คุณช่อก็เลยบอกว่าคุณหมอวรงค์ทำอย่างนี้เพราะต้องการพื้นที่ทางการเมือง เพราะคุณหมอวรงค์แพ้การเลือกตั้งที่พิษณุโลก แล้วคนที่ชนะคือทีมคุณช่อ แล้วเมื่อลงเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็แพ้อีก มาอยู่กับพรรคกำนันสุเทพ เมื่อหม่อมเต่าลาออกจากการเป็นรัฐมนตรี ก็ไม่ได้ไปแทนหม่อมเต่า ทำให้สิ่งที่คุณช่อพูด ถ้าภาษาชาวบ้านก็คือหยาม"


เขาดูถูกแรงมาก ?

          "เขาเรียกว่าหยามไง ก็แล้วแต่ว่าคนอยู่ฝ่ายไหน คนอยู่ฝ่ายคุณช่ออาจสะใจที่หมอวรงค์โดนหยาม คนอยู่ตรงข้ามคุณช่อก็บอกว่าให้คุณช่อหยามแบบนี้ไม่ได้นะ ต้องพิสูจน์ เพราะคุณช่อไปพูดอีกประโยคที่คนเชียร์หมอวรงค์เถียงเลยว่าหมอวรงค์ตั้งแต่ผ่านมาเคยทำประโยชน์อะไรให้ประเทศชาติบ้าง ตายแล้ว เรื่องจำนำข้าว จีทูจี ถ้าไม่ใช่หมอวรงค์เราจะรู้อะไรต่าง ๆ เหล่านี้เหรอ เรารู้ชัดเจนเพราะเป็นฝีมือหมอวรงค์ หมอไปให้การในศาลกี่ครั้งและทุกอย่างก็ชัดเจน จะบอกว่าหมอไม่เคยทำประโยชน์ให้ประเทศชาติคงเป็นไปไม่ได้ ไอ้ส่วนที่แพ้เลือกตั้งก็ใช่ ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็ใช่ ไม่มีใครเถียงคุณช่อ แต่ที่บอกว่าไม่เคยทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ อันนี้ก็พูดเกินไป เพราะหมอวรงค์เขาเป็นพระเอกตัวจริงในเรื่องโครงการจำนำข้าว"


มวยยกนี้ หมอวรงค์ลดเกรดไปทะเลาะกับคุณช่อไหม ?

          "จริง ๆ ตอนหมอวรงค์จัดการจำนำข้าว คู่ชกเขาคือยิ่งลักษณ์ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่วนคุณช่อตำแหน่งอะไรก็ไม่มี เมื่อก่อนคือ ส.ส. คนหนึ่งของพรรคอนาคตใหม่ และมีตำแหน่งเป็นโฆษกพรรค เวลาจับคู่ชกต้องระวังนะ มันมีหลักการคนตัวเล็กอยู่นะ อย่าสู้กับจิ้งจก จงสู้กับจระเข้ ฉะนั้นตรงนี้คนเสียเปรียบคือหมอวรงค์ คนได้เปรียบคือคุณช่อ เหมือนหมอวรงค์เป็นจระเข้ให้คุณช่อ ถ้าคุณช่อฆ่าจระเข้ก็จะขึ้นมาได้ เป็นจระเข้ต้องสู้กับจระเข้ อย่าสู้กับจิ้งจก"