ดร.เสรี ชี้ ม็อบเยาวชนปลดแอก ไม่ตรงปก เตือนเด็ก ๆ ระวังหางานยาก ยกย่อง เดินเชียร์ลุง รอเวลาค่อยมาชุมนุม ชี้แตกต่างกันมาก ใสกว่าคริสตัล


ภาพจาก kan Sangtong / Shutterstock.com
รายการ "เรื่องลับมาก (no censor)" ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์
เวลา 14.20-15.00 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (20 กรกฎาคม 2563) "ทอม ทศวรรต ทะสุวร" ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ได้สัมภาษณ์ความคิดเห็น "ดร.เสรี วงษ์มณฑา" ประเด็นร้อนทางการเมืองเกี่ยวกับม็อบเยาวชนปลดแอก
ย้อนกลับไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อาจารย์เห็นอะไรในม็อบบ้าง ?
ทีนี้พอถึงวันนั้นที่เกิดขึ้น ขอใช้คำวัยรุ่นว่าไม่ตรงปก (หัวเราะ) เขามากันมีแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ออกหน้า คือ นิสิต นักศึกษา ดูเป็นเยาวชนที่มีความบริสุทธิ์อยากมีปลดแอก ตรงนี้ก็ตั้งคำถามแล้วว่าแอกคืออะไร จะปลดจากอะไร นี่คือคนที่อยู่ข้างหน้า ส่วนคนอยู่ข้างหลัง เราก็เห็น ส.ส.พรรคก้าวไกล บางคนปรากฏตัวอยู่ที่นั่น

ภาพจาก kan Sangtong / Shutterstock.com
ทีนี้พอไปดูป้ายที่เขายก มันไม่เกี่ยวกับนายกฯ เลย ถ้าเทียบกับป้ายที่ระยอง ซึ่งเกี่ยวกับนายกฯ จริง ๆ พอมาถึงป้ายนี้ที่เราต้องเซ็นเซอร์ เพราะในนั้นคือการจาบจ้วงล่วงละเมิดต้องการล้มล้างสถาบันอย่างชัดเจน คุณออกมาคุณบอกว่าคุณต้องการไล่พลเอก ประยุทธ์ ต้องการให้ยุบสภา แต่ป้ายที่คุณยกทุกป้ายหยาบคาย เป็นถ้อยคำที่จาบจ้วงล่วงละเมิด เป็นความตั้งใจ ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่พูด ก่อนมีม็อบมีคนปาฐกถาก็ดี อภิปรายก็ดี ให้สัมภาษณ์ก็ดี เขียนบทความก็ดี มันสอดคล้องกับป้ายที่เขายก แต่ป้ายที่ยกไม่ตรงปกกับสิ่งที่เขามา
ประเด็นให้ยุบสภา ถามว่าสภาผิดอะไร ถ้าคุณอยากไล่นายกฯ คุณต้องเขียนมาว่าข้อที่ 1 เรียกร้องให้นายกฯ ลาออก อันนี้ก็จะเป้าไปที่นายกฯ อันนี้ยุบสภา เฮ้ย แล้วคนที่เขาเพิ่งเป็น ส.ส. เขาทำผิดอะไร สอง หยุดคุกคามประชาชน ถามว่าคุณเดินทางมาทำงาน มีใครคุกคามไหม ไปเที่ยวผับ เที่ยวเธค มีใครไปคุกคามไหม ไปออกกำลังกาย มีใครคุกคามไหม คนเราไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่มีใครทำอะไรเราได้

ข้อ 3 ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ หูมีไหม ตามีไหม รัฐสภาเขาตั้งคณะกรรมการแล้ว ในการแก้รัฐธรรมนูญ เขาให้ไปศึกษา มีมาตราไหนสมควรแก้ไข ทำไมต้องใจร้อนถึงขนาดนั้น ถ้ารัฐบาลเฉยไม่ทำอะไรเลย อันนั้นโวยวายได้ แต่ถามว่าการแก้ของคุณจะไปแก้ตรงไหนอย่างไร บอกได้เลย ถ้าเราไปดูสิ่งที่เกิดคู่ขนานกัน มีคนกลุ่มหนึ่ง เขาต้องการเปลี่ยนประเทศไทยเป็นสาธารณรัฐ เขาแบ่งให้เลย อันนี้รัฐภาคกลาง ประกอบด้วยจังหวัดนี้ นี่รัฐภาคเหนือ ประกอบด้วยจังหวัดนี้ และทำธงแจก ธงสีอะไร สีแดงกับสีขาว สีที่หายไปคือสีน้ำเงิน ซึ่งสีน้ำเงินแทนอะไร แค่นี้ชัดเจน
ถ้าแก้รัฐธรรมนูญมาตราหนึ่งซึ่งเคยเป็นคดีกันแล้วตั้งแต่เขาพูดกันที่ภาคใต้ มาตราหนึ่งบอกว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรหนึ่งเดียว แบ่งแยกไม่ได้ แล้วคุณจะมาคิดให้เป็นสาธารณรัฐเพื่ออะไร แล้วการปกครองของเราในขณะนี้เป็นประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขใต้รัฐธรรมนูญ

ม็อบที่เกิดขึ้น เหตุผลหลัก ๆ เพื่ออะไร ?
เห็นว่ามีความชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้น รายละเอียดเป็นอย่างไร ?
ทีนี้เขาเลือกไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
เพราะต้องการสื่อว่าเขามาเรียกร้องประชาธิปไตย
เพราะฉะนั้นแอกที่อยู่บนหลังเขา ก็เป็นความเป็นเผด็จการที่ครอบงำพวกเขา
อันนี้ต้องโยงไปที่ม็อบเชียงใหม่ ถ้าเอาป้ายที่เชียงใหม่กับกรุงเทพฯ
มารวมกัน เราจะเห็นชัดเจนเลยเป้าประสงค์คืออะไร เขาจะปลดแอกจากอะไร

ทีนี้เบื้องหลังที่ปรากฏ มีคุณเจี๊ยบ อมรรัตน์ ไปอยู่ที่นั่นด้วย คุณโรม ทีนี้มีภาพผู้ชายชุดดำปีนต้นไม้ขึ้นไป เขาจะเอาผ้าดำไปคลุม ซึ่งตอนแรกเขาก็กล่าวหาว่าตำรวจกำลังจะทำการรุนแรงกับประชาชน เลยขึ้นเอาผ้าไปคลุมกล้องวงจรปิด แต่สุดท้ายพวกเดียวกันเขามาโพสต์ว่าไม่ใช่ พวกเดียวกันเอง เขาต้องการมาปิด เพราะถ้าตำรวจเห็นหน้าเห็นตาแล้วไปเช็กว่าใครบ้าง แล้วมีหมายเรียกมันจะชัดเจน ดังนั้น คนที่ไปคลุมเขาไม่อยากให้มีหลักฐานว่าเขาไป แต่ข้อกล่าวหาคือตำรวจจะทำร้ายประชาชน เลยต้องมีการปิดกล้อง เพื่อจะได้ไม่มีหลักฐาน
ทั้งหมดเหล่านี้เราจะเห็นได้เลยว่ามันไม่ใช่เป็นการมาปลดแอกด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่มีการเมืองแอบแฝง อย่างที่บอกว่าก่อนหน้านี้มีคนให้ความคิดเอาไว้ พอจัดก็มีพวกเขาปรากฏตัว พอจบพวกเขาก็มีคำชม ทั้งหมดเหล่านี้ มันแสดงให้เห็นว่าม็อบครั้งนี้ยังไงก็มีนัยทางการเมือง เป็นนัยที่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศไทย

หลักฐานเชิงประจักษ์ ก็มีคำว่าแจกน้ำ แจกพิซซ่า อย่างนี้หรือเปล่า ?
แจกพิซซ่า 112 ชิ้น ?
อีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าถ้าไม่จัดการ นี่คือการขู่รัฐบาล ?
กลุ่มเดินเชียร์ลุงทั่วประเทศบอกว่าหมดโควิดเมื่อไหร่ จะออกมาเดินให้กำลังใจลุง ?
ดร.เสรี : นี่คือสิ่งที่แตกต่างกันอย่างน่ายกย่อง ในเมื่อขณะนี้เรามี
พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เรามีกฎหมายว่าด้วยการห้ามชุมนุม
มีกฎหมายว่าด้วยเรื่องโซเชียล ดิสแทนซิ่ง แล้วคนที่มาเมื่อวันเสาร์
ทำผิดกฎหมายชัดเจน แต่ปรากฏว่ากลุ่มเชียร์ลุง เขาอยากเชียร์ลุงใจจะขาด
แต่เขาเคารพกฎหมาย กติกา เขาถึงบอกว่าแม้ยามนี้อยากเชียร์ลุงใจจะขาด
เขาก็ยังไม่ออกมา กลุ่มนี้น่ารักมาก หยุดโควิดเมื่อไหร่ หยุด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
เมื่อไหร่ เขาจึงจะมา อันนี้บอกได้เลยนี่คือความแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
ระหว่างกลุ่มไล่ลุงกับกลุ่มเชียร์ลุง ซึ่งคิดว่าประชาชนที่เป็นวิญญูชน
มีสติปัญญา ย่อมเห็นความแตกต่างอันนี้ เพราะใสยิ่งกว่าคริสตัล
ไม่มีอะไรมัวซัวเลยของความแตกต่างครั้งนี้

ม็อบเสื้อแดงเป็นช่องว่างระหว่างชนชั้น ตอนนี้เป็นช่องว่างระหว่างวัยและมีการจาบจ้วง ?
ทีนี้พอมาถึงยุคนี้ เขาเห็นแล้วว่าคำว่ากรุงเทพฯ กับต่างจังหวัดไม่เวิร์ก ไพร่กับอำมาตย์ไม่เวิร์กแล้ว เพราะพวกเขาหลายคนที่เคยเรียกตัวเองเป็นไพร่ก็ขึ้นไปเป็นรัฐมนตรี เขาก็มามองดูว่าจริง ๆ ตอนนี้สิ่งที่เป็นปัญหาและสามารถยุยงได้สำเร็จ คือเด็กวัยรุ่นเจนวาย เจนแซด ต่ำกว่า 40 ลงมา ค่อนข้างหงุดหงิดกับผู้ใหญ่ บังคับฉันเกินไปหรือเปล่า ออกกฎระเบียบอะไรมากมายเกินไปหรือเปล่า ฉะนั้นไม่ไหว้ครู ไม่หมอบกราบ ไม่ต้องเคารพนบนอบใคร ไม่ต้องเรียกใครเป็นพี่เป็นน้อง อันนี้เขาคิดได้อย่างดีมาก เขาเก่งว่าข้อความเหล่านี้มันกินใจ เด็กจะบอกว่าใช่เลย กูเบื่อมาก
เขาเลยใช้วิธีการต่อไปนี้ คนแก่ไม่รู้อะไร คร่ำครึ ไดโนเสาร์เต่าล้านปี สมควรตายได้แล้ว อย่ามาชี้นำ ประเทศชาติฉันจะเป็นคนดูแลในอนาคต พวกแกใกล้ตายอย่ามายุ่ง ความรู้สึกนี้เกิดขึ้น วัยรุ่นก็จะบอกว่าอย่ามาว่าฉันไม่รู้ อย่ามาว่าฉันคิดไม่เป็น เพราะฉันเป็นคนเปิดกูเกิล ฉันรู้อะไรดีทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีอะไรมาชี้นำฉัน ฉันเป็นตัวของฉัน ความคิดแบบนี้เกิดขึ้นปั๊บ มันก็เกิดช่องว่างระหว่างวัย
บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ก็ทนไม่ได้กับความหยาบคาย กับความไร้ตรรกะ
ก็ออกมาตักเตือน ขณะเดียวกันกลุ่มวัยรุ่นที่ทนการตักเตือนไม่ได้
ก็ทำตัวเป็นซอมบี้ ไฮยีน่า ก็กัด ๆ ฉีกเนื้อ จนผู้ใหญ่บางคนก็บอกว่า เออ
ตามใจแล้ว ไม่อยากยุ่ง คนพวกนี้หยาบคายถึงขนาดอะไรรู้ไหม พ่อแม่เตรียมถือกะลาขอทานได้ แก่ตัวมาจะไม่เลี้ยง จะไม่ให้สักบาทเลย
ถ้าคิดอย่างนี้ เดี๋ยวเหอะเอาไปส่งบ้านบางแค
มันลามไปถึงขนาดไม่เคารพพ่อแม่แล้ว

ม็อบวันเสาร์เขาบอกว่าไม่ค้างคืน เพราะไม่ปลอดภัย ?
แกนนำกลับยังไง ?
ก็หวังว่าคนที่ถือกฎหมายอยู่ไม่ว่าจะกฎหมายฉบับไหนก็ตาม จะต้องใช้หลักฐานต่าง ๆ แล้วจัดการตามกฎหมาย ตรงนี้ใครก็ตามที่ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ฝ่ายรัฐบาลต้องออกมาชี้แจงล่วงหน้า ในการออกมาทำประชาสัมพันธ์เชิงรุก อธิบายให้เห็นว่าความจำเป็นในการต้องทำตามกฎหมายคืออะไร เพราะต้องเกิดวาทกรรมแน่นอน ปิดปากคนไม่เห็นด้วย ใช้กฎหมายไล่ล่า นี่คือความเป็นเผด็จการ ถ้าไม่อยากให้วาทกรรมนี้เกิดขึ้น ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของรัฐต้องออกมาทำการประชาสัมพันธ์เชิงรุก ในการอธิบายความจำเป็นว่าทำไมต้องทำแบบนี้
ทำไมตำรวจไม่จัดการกับคนที่ยกป้ายอันตรายนี้ ?
