x close

ดร.เสรี ชี้ หมอเหรียญทอง มีสิทธิ์ไม่รับ นศ. ม็อบ ซัดจาบจ้วง อันตรายต่อบริษัท หวั่นแพร่เชื้อ


              ดร.เสรี เผย หมอเหรียญทอง กับโครงการอนาคตดับ ไม่รับนักศึกษาร่วมม็อบปลดแอก ชี้พวกจาบจ้วงอันตรายต่อบริษัท ซัดคนเบื้องหลังชักจูง เอายาพิษใส่สมองเด็ก

ดร.เสรี

             รายการ เรื่องลับมาก (no censor) ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.20-15.00 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (30 กรกฎาคม 2563) ทอม ทศวรรต ทะสุวร ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ได้สัมภาษณ์ความคิดเห็น ดร.เสรี วงษ์มณฑา ทุกประเด็นร้อน

หมอเหรียญทอง โพสต์โครงการอนาคตดับ แบล็กลิสต์นักศึกษาที่ไปร่วมม็อบ ?

           "จริง ๆ แล้วมันเกิดขึ้นทั่วโลก เวลาจะรับใครเข้าทำงาน หรือไปเกี่ยวพันกับใคร เขาเริ่มเช็กอยู่ในสิ่งที่ปรากฏอยู่ในพื้นที่มีเดีย ว่าเราเคยโพสต์อะไร เคยเขียนอะไรยังไงบ้าง ตอนนี้เกิดขึ้นทั่วโลกค่ะ ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่หมอเหรียญทองบอกว่าดูหน้าเด็กพวกนี้ไว้ให้ดี เพราะเราไม่ควรรับเข้าทำงาน เพราะมีทัศนคติที่เป็นลบต่อการปกครองของประเทศไทย เพราะสิ่งที่เขายกป้ายก็ดี สิ่งที่เขาอภิปราย ปราศรัยอยู่บนเวทีก็ดี ชัดเจนว่าเขาไม่เห็นด้วยกับการปกครองในปัจจุบันนี้ เขาต้องการการเปลี่ยนแปลงการปกครอง แล้วเขาจะรับคนแบบนี้เข้าไปได้ยังไง"
 
           "พูด 2 เรื่องนะ เรื่องที่หนึ่ง เวลาเขาจะรับใครเข้ารับราชการ หลายหน่วยงานเขียนไว้เลยนะ จะต้องเป็นคนที่ชื่นชมหรือจงรักภักดีกับระบอบการปกครองประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่วนในแง่ของการสอบสัมภาษณ์เด็ก อาจารย์สมัยพี่ ซึ่งสมัยนี้ไม่ทราบ เขาต้องมีการประชุมซักถาม เขาให้ถามทัศนคติของเด็กว่ามีแนวโน้มเป็นคอมมิวนิสต์หรือเปล่า เด็กที่เขาจะรับเข้าเรียนต้องเคารพในการปกครองของประเทศไทย ฉะนั้นเมื่อเด็กเหล่านี้ คุณเขียนป้ายแบบนี้ คุณปราศรัยแบบนี้ หมอเหรียญทองก็เลยบอกว่าอนาคตคุณจะดับ เพราะจะไม่มีคนเขารับเข้าทำงาน เพราะเป็นเงื่อนไขคุณสมบัติที่ถูกกำหนดเอาไว้"

ดร.เสรี

หมอเหรียญทองมีสิทธิ์ไหม ?

           "ก็เขาเป็นเจ้าของบริษัท ถ้าเขาจะรับ เขาก็มีสิทธิ์ ถ้าพูดกันตรง ๆ ถ้าคุณฝักใฝ่อีกลัทธิการปกครองอีกแบบ คุณอย่ามาเสียเวลาสมัครที่บริษัทเราเลย เราไม่รับ หมอเหรียญทองเขาออกจากราชการมาสิบกว่าปีแล้ว โรงพยาบาลเขาก็เป็นเอกชน เขาเป็นซีอีโอ เขาก็มีสิทธิ์ว่าไม่ต้องมา เขาไม่รับ ขณะเดียวกันเขาก็ต้องการรณรงค์คนอื่นด้วยเหมือนกัน ว่าถ้าคุณเป็นคนรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เทิดทูนสถาบัน คุณจะรับคนพวกนี้เข้าไปอยู่ในบริษัทคุณหรือ คนที่มีทัศนคติต่อต้านการปกครอง เอามาทำงานกับเราเหรอ อันตรายกับบริษัทนะ ถ้าเกิดเขามาแพร่เชื้อทำไง ฉะนั้นหมอเหรียญทองมีสิทธิ์"

มีคนบูลลี่หมอเหรียญทอง ?

           "ก็เป็นการตอบโต้ ใครก็ตามที่คิดต่างก็โดนขยี้ขย้ำ เขาเลยบอกว่า เฮ้ย การคิดต่างอย่ามาเป็นแบบนี้ แต่เด็กพวกนี้เป็นแบบนี้เสมอ จนผู้ใหญ่บางคนเลิกพูดไปแล้วค่ะ"

เพจเกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ เขาออกมาบอกว่าขอร้องสื่อมวลชน ตอนชุมนุมอย่าไปฉายให้เห็นหน้าเขาชัด ?

           "(หัวเราะ) กล้าทำก็ต้องกล้ารับเนอะ แต่มีคนถามเหมือนกันว่าเด็กพวกนี้ทำ พ่อแม่เห็นด้วยหรือเปล่า จากการที่เขาเขียนข้อที่ 1 อย่าให้เห็นหน้าชัด เดี๋ยวแม่ไม่ให้เข้าบ้าน แม่ไม่ให้ตังค์ แสดงว่า 1. พ่อแม่ไม่เห็นด้วย 2. ถ้าครูบาอาจารย์ไม่เห็นด้วยก็ไม่มีปัญญาไปเถียงกับครูบาอาจารย์หรอก ก็แปลว่าอาจารย์ก็ไม่เห็นด้วย 3. ที่เขาบอกว่าเป็นอันตรายจะโดนข่มขืน โห หนูจ๋า อยากบอกเลยนะจ๊ะ ฝ่ายตรงข้ามกับหนูไม่ใช้คำรุนแรงแม้กระทั่งวาจา ฉะนั้นความรุนแรงทางกายไม่ต้องห่วงเลย สมมติฝั่งโน้นมีคน 100 คน หยาบคาบ 95 คน แต่ฝั่งนี้สุภาพ 95 หยาบคายแค่ 5 คน ฉะนั้นหยาบคายทางวาจายังไม่มี ทางกายจะอ้างว่าอย่าไปฉายภาพนะอันตราย เดี๋ยวจะโดนข่มขืนต่าง ๆ บอกได้เลยว่าฝ่ายตรงข้ามหนูเขาไม่ทำค่ะ"
 
แต่มีบางกลุ่มบอกว่าร่างกายต้องการการปะทะ ?

           "เพราะเป็นเป้าหมายของกลุ่มที่สนับสนุน หรือชื่นชมเขา ทำอะไรเขาก็ลงเพจต่าง ๆ นานา เขารอสิ่งนี้อยู่ สิ่งนี้เห็นใจข้าราชการมาก ตอนนี้เขาใช้วิธีละมุนละม่อมไปก่อน ไม่อยากให้เกิดความรุนแรง ต้องฟังคำพูดนายกฯ นายกฯ บอกว่าเป็นห่วงเด็ก ๆ เหล่านี้ เขาทำเกินเลยจนประชาชนมองว่าไม่ไหวแล้วควรจัดการ แต่นายกฯ ยังแสดงความห่วงใย ตำรวจ ทหาร ก็ต้องใช้ความละมุนละม่อม"

           "เพราะคำว่าต้องการการปะทะ มันเป็นความต้องการของใครบางคนซึ่งอยู่เบื้องหลังการชุมนุมครั้งนี้ ต้องการให้เกิดความรุนแรง ให้เกิดความวุ่นวาย เพราะเขาต้องการวาทกรรมที่ว่า คุกคามประชาชน แต่ถ้าดูการปราศรัย ดูป้าย ต้องถามว่าใครคุกคามใคร ถ้อยคำคนชุมนุมเหล่านั้นรวมทั้งป้าย คุกคามรัฐบาล และคุกคามสถาบันด้วย ซึ่งข้อความคุกคามเหล่านั้นเด็ก ๆ คุกคามเองหรือมีคนเขียนป้ายให้ มีคนเอาป้ายมามอบให้ ตรงนี้เห็นใจจริง ๆ ว่าเด็กทำเองหรือเด็กเป็นเครื่องมือ แต่อย่าไปว่าเขานะ ถ้าว่าเขา เขาจะบอกทันทีว่าเขาคิดเองเป็น ไม่มีใครไปหลอกเขาได้ ไม่มีใครครอบงำเขาได้ ทุกอย่างเขาคิดเอง เพราะต้องการประชาธิปไตย เขาใช้คำว่าปลดแอก แสดงว่าตอนนี้มีแอกอยู่บนหลังเขา"

ดร.เสรี

วาทกรรมที่เด็กบอกว่าโดนขโมยอนาคต มองยังไง ?

           "มีคนไปเสี้ยมสอนเขาให้เขาพูดว่าอนาคตเป็นของเขา เขาต้องเป็นคนวางแผนอนาคตของเขาเอง การที่มีคนแก่มือเหี่ยว ๆ มาวางแผนให้เป็นการขโมยอนาคตเขา ถามหน่อยว่าการที่เขาโตมา พ่อแม่ขโมยอนาคตของเด็กหรือเตรียมอนาคตให้เด็ก การที่ครูบาอาจารย์สอนให้เด็กมีความรู้ไปประกอบอาชีพได้ มีทั้งความรู้และทักษะความสามารถ อันนี้ครูขโมยอนาคตไหม ขณะเดียวกัน รัฐบาลเวลาทำอะไร เขาทำเพื่อวันนี้เหรอ เขาทำเพื่ออนาคตทั้งสิ้น"

           "ถ้าเด็กพวกนี้เข้าใจ กระแสโลกมีคำคำหนึ่งว่ายั่งยืน แปลว่าจงคิดถึงอนาคตของชนรุ่นหลังที่จะตามมา ก็แปลว่าถ้าเราปล่อยให้พันธุ์พืชหมด เด็กจะไม่ได้เห็นนะ ต้องไปดูในพิพิธภัณฑ์ ถ้าสัตว์สูญพันธุ์ก็ต้องไปดูในพิพิธภัณฑ์ ถ้าใช้ทรัพยากรธรรมชาติจนหมด เด็กจะไม่มีอะไรเหลือ นี่คือการวางแผนอนาคตของเด็ก แต่ปรากฏว่าคนที่ยุยงส่งเสริมเด็กคือ อนาคตเป็นของเธอ เธอจะปล่อยให้คนแก่มาวางอนาคตให้เธอได้ยังไง"

           "ถ้าเธอวางเขาจะขโมยเธอ เธอต้องลุกขึ้นมาเอง คำว่าเด็กสร้างบ้านมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ถ้าเราประสบการณ์ไม่พอ วุฒิภาวะไม่ดีพอ เราจะวางอนาคตของเราเองโดยไม่มีผู้หลักผู้ใหญ่ดูแลให้ได้ยังไง ถ้าคุณพูดอย่างนี้ ต่อไปพ่อแม่ไม่ต้องสอน โรงเรียนคุณก็ไม่ต้องไป รัฐบาลทำอะไรเพื่อคนรุ่นนี้ก็พอ เอางี้ พี่อายุ 72 รัฐบาลก็ทำเพื่อพี่ก็แล้วกัน ไม่ต้องไปคิดว่าเด็กเล็ก ๆ น้อย ๆ มันโตมาจะเป็นยังไง ช่างหัวมึง เพราะถ้าเกิดทำไปแล้วก็หาว่าขโมยอนาคต อยากทำอะไรก็ทำไป เอางั้นไหม ถ้าเขาทำแล้วมีคำว่ายั่งยืนเมื่อไหร่ แสดงว่าเพื่อเจเนอเรชั่น ชนรุ่นหลังที่จะตามมา"

ดร.เสรี

เด็กบอกเอาภาษีเขาไปใช้ ?

           "เอาไปใช้แล้วเอาไปทำอะไร เอาไปใส่กระเป๋าพลเอก ประยุทธ์ เหรอ เอาไปซื้อรถให้ลูกหลานเหรอ ไม่ใช่ เขาเอาไปทำถนน ทำโรงเรียน เขาไปทำโรงพยาบาล ไปสร้างทางรถไฟ ไปทำอะไรหลายอย่าง ภาษีเหล่านั้นอาจรั่วไหลไปกับการคอร์รัปชันบ้าง แต่ไม่ใช่รัฐบาลนี้ การคอร์รัปชันเกิดจากข้าราชการบางคน ถ้าจะโกรธก็โกรธคนพวกนั้นสิ คนที่เขามายุยงส่งเสริม เขาก็บอกว่าเอาไปซื้ออาวุธ ซื้อเรือดำน้ำ"

           "แต่เขาไม่เคยบอกคุณในความเป็นจริงเลยว่า รถไฟเพิ่มขึ้นกี่สาย รถไฟความเร็วสูงเกิดขึ้นที่ไหน อุโมงค์เกิดขึ้นที่ไหน โรงพยาบาลเพิ่มขึ้นกี่โรง โรงเรียนมหาวิทยาลัยเพิ่มกี่ที่ สิ่งเหล่านี้เขาไม่ได้ขโมย เขาเอาไปทำหน้าที่ แต่พวกคุณเสียภาษีมากน้อยแค่ไหน เด็กวัยรุ่นอย่างมากสุดก็เสียภาษี VAT 7 เปอร์เซ็นต์ตอนคุณไปซื้อของ แต่จริง ๆ เงินที่ไปซื้อของเอามาจากไหน ก็เอามาจากพ่อแม่คุณ พ่อแม่คุณก็เสียภาษี แล้วภาษีไม่ได้ถูกขโมย ภาษีถูกนำไปใช้ทำนุบ้านเมือง ถ้าคุณไปฟิตเนส แต่คุณไม่จ่ายเขาสักสลึงเดียว เขาจะมีเครื่องออกกำลังกายมาให้เล่นไหม ฉะนั้นที่เราเสียภาษีเพราะต้องการให้บ้านเมืองเจริญ เงินมาจากไหน ก็มาจากภาษี คนมีรายได้มากก็เสียมาก คนมีรายได้น้อยก็เสียน้อย แค่นั้นเอง"

ดร.เสรี

คุณเปลว สีเงิน บอกว่ามีคนต้องการให้ฟันน้ำนม ปะทะกับฟันปลอม ?

           "ก็นี่ไง กำลังจะเกิด คือเวลานี้พวกพี่คือรุ่นฟันปลอม ขณะเดียวกันเด็กที่เราเรียกว่ายังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม วุฒิภาวะ ความรู้ ประสบการณ์ คนเหล่านี้ปะทะกัน แล้วไม่ได้เกิดโดยอัตโนมัติ มันเกิดขึ้นจากการยุยง ส่งเสริม ครอบงำ"
 
           "เขาเก่ง พี่ชื่นชมเขาอย่าง เขารู้ว่าเด็กพวกนี้อึดอัดเรื่องอะไร เด็กพวกนี้ต้องการอะไร วิธีการพูดจาของเขา เลยพยายามพูดว่าสิ่งที่เด็กอึดอัดเป็นแอก ส่วนการหลุดจากความอึดอัดเรียกว่าปลดแอก ซึ่งมันโดนไปที่หัวใจ ใช่เลย อึดอัดมาก แม่ก็คุม พ่อก็คุม ครูก็คุม รัฐบาล ตำรวจก็คุม คนนั้นก็คุม ในเมื่อเขามาบอกปลดแอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กมัธยมรุนแรง แค่ทรงผมก็ลุกขึ้นมาก่อหวอด กางเกงจะสั้น กางเกงจะยาว กระโปรงจะสั้น กระโปรงจะยาว โอ๊ย มีปัญหามาก"
 
           "แต่พออยู่มหาวิทยาลัย บางคนก็คิดได้ในระดับหนึ่ง ตอนอยู่ระดับมัธยมนี่ร้อนมาก เขาบอก 13-20 เป็นวัยที่ฮึด พลังเยอะ ต้องการใช้พลังให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่อยากให้ใครมากดขี่ข่มเหง ครอบงำ คนอยู่เบื้องหลังเด็กพวกนี้เขาเข้าใจจิตวิทยาเด็กพวกนี้ดีมาก เหมือนเพื่อน อยากตามเพื่อน อยากมีตัวตน อยากให้มีคนชื่นชม มันเลยปลุกกระแสติด"

อาจารย์รู้จักแฮมทาโร่ไหม ?

           "เด็กให้นั่งฟังเฉย ๆ ไม่ได้หรอก ต้องให้แอ็คทีฟหน่อยหนึ่ง เห็นภาพวิ่งกันสนุกสนาน แอ็คทีฟ นี่แหละ พี่ถึงบอกว่าเขาเก่ง ให้เด็กพวกนี้ฟังเฉย ๆ ไม่ได้หรอกเดี๋ยวเบื่อ เขาก็เลยให้วิ่ง วิ่งแล้วเฮฮา แอ็คทีฟ ใครก็ตามที่วางแผนอยู่เบื้องหลัง เขารู้จิตวิทยาเด็กวัยรุ่นเป็นอย่างดี"

ม็อบชนม็อบ ?

           "เป็นสิ่งที่เราหวั่นวิตก แต่ไม่น่าจะเกิดขึ้น อย่างกลุ่มที่เขาจัดในแง่การต่อต้าน ก็อาจบอกว่าเมืองนนท์ไม่ทน ฝั่งธนฯ ไม่ทน แต่กลุ่มประชาธิปไตยที่เป็นกลุ่มอาชีวะ ที่เทิดทูนสถาบัน เขาจะมาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เขามาแล้วจะแถลงการณ์อะไรบางอย่างที่แสดงถึงความจงรักภักดี แล้วเขากลับบ้าน เขาไม่มีการทำอะไรที่รุนแรง ตราบใดที่สถานที่ที่เขาจัดอยู่ห่างไกลกัน การปะทะไม่เกิดขึ้น แต่พี่ว่านายกฯ ก็ฉลาดที่บอกว่าห่วงใยเด็กเหล่านี้ ไม่อยากให้ความรุนแรงเกิดขึ้น แต่พี่คิดว่าถ้าเรายังชงใช้กฎหมายว่าด้วยการชุมนุม ถ้าการอนุญาตไม่ให้ม็อบ 2 กลุ่มนี้อยู่ใกล้กัน การปะทะจะไม่เกิดขึ้น จะเกิดขึ้นแค่การปะทะทางด้านวาทกรรม ซึ่งบอกได้เลยว่าปะทะยาก กลุ่มหนึ่งหยาบคาย กลุ่มหนึ่งสุภาพ เราห่วงได้ แต่มั่นใจว่าไม่เกิด"

เด็กเขารู้ไหมว่าผู้ใหญ่ห่วงใย ?

           "เขามองว่ากีดกัน ขัดขวาง คุกคาม เด็กวัยรุ่นเขาบอกว่าอย่าไปทำนะ ห่วงนะ กลัวอนาคตนะ แต่เด็กบอกว่าคุกคามฉัน กีดกันฉัน ลิดรอนเสรีภาพฉัน ซึ่งคนอยู่เบื้องหลังพยายามใส่หัวเด็กว่าเขากำลังเผด็จการกับคุณ ลิดรอนเสรีภาพคุณ เด็กก็เชื่อตามนั้น"

ดร.เสรี

ปิยบุตรไปไหน ?

           "อยู่ข้างหลังสิคะ เขาเองชื่นชมเรื่องการปฏิวัติในฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก สถาบันกษัตริย์ก็ล้มไป ความตั้งใจของเขาก็คงอยากให้เป็นอย่างนั้น นี่คือการสันนิษฐานจากคำพูดคำจาของเขา แต่การที่เขาไม่ออกมาก็เป็นสิ่งที่ทำให้คนมองว่าคุณใช้เด็กเหรอ ถ้าเด็กพวกนี้ทำผิดกฎหมายเด็กถูกจับนะ แต่คุณซึ่งอยู่ข้างหลังไม่โดนนะ ตรงนี้ก็มีอาจารย์ผู้ใหญ่คนหนึ่งออกมาเตือนเด็ก ถ้ามีคนยุให้เด็กออกมา ต้องถามตัวเขาเองว่าทำไมไม่ออกมาด้วย หรือถ้าเขายุให้ออกมา ก็ถามว่าทำไมตัวลูกเมียเขาไม่ออกมา ครอบครัวเขาก็ไม่ออกมา"

           "เด็กต้องคิดนะ ถ้าเป็นเรื่องดีงามจริง จำเป็นต้องเกิดขึ้น ทำไมพวกเขาเหล่านั้นจึงไม่ออกมา พูดจาเชิญชวนปลุกปั่นให้เด็กออกมา คนเราอยู่ในประเทศไทย ถ้าเข้าใจสถาบันพระมหากษัตริย์ จะไม่มีวันทำตัวอกตัญญู กลายเป็นคนทรยศแผ่นดิน เป็นคนแสดงอาการชังชาติ ประหนึ่งว่าตัวเองไม่ได้เติบใหญ่และรุ่งเรืองอยู่ในประเทศ ซึ่งคิดว่าคนจำนวนมากทนคนคนนี้ไม่ได้ เสียงก่นด่าคนคนนี้ค่อนข้างรุนแรงมาก แต่เหมือนเขาไม่นำพา ยังเดินหน้าต่อไป แล้วไปหยิบเอาปรัญชาเด็กถูกขโมยอนาคต ก็เหมือนหมาอยู่ในกำแพง ที่ไม่สามารถไปโน่นมานี่ได้ ซึ่งคำพูดที่เขาไปคัดมาเพื่อตอกย้ำว่าถ้ายอมพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ มันเหมือนหมาที่ถูกขังอยู่ในกำแพง ที่ไม่มีวันโลดแล่นได้"

พ่อแม่นักเรียนเตรียมอุดมเป็นห่วงลูกมากเขารู้ไหม ?

           "เขารู้ ถึงได้มาเขียนไงว่าอย่าไปใส่หน้าฉันนะ เดี๋ยวแม่ไม่ให้ตังค์ ไม่ให้เข้าบ้าน เขารู้ แต่อย่าลืมนะ มีเด็กคนหนึ่งจะเข้าบ้าน เขาเขียนว่าคุณแม่สลิ่ม คุณพ่อไดโนเสาร์ เปิดประตูให้หน่อย เขาคือนักประชาธิปไตย แต่แม่เป็นสลิ่ม พ่อเป็นไดโนเสาร์ โห ไม่นับถือพ่อแม่แล้ว หรือบางคนโพสต์ว่าเตรียมถือกะลาได้เลย ถ้าคิดแบบนี้ แก่ตัวมาจะไม่เลี้ยงสักบาทเดียว โอ้โห อกตัญญูมากนะ เด็กสมัยนี้ คือพ่อแม่ก็ไม่ได้เรียกร้องว่าต้องมาเลี้ยงดู แต่เขาบอกว่าเตรียมถือกะลาได้เลย เขาจะไม่เลี้ยงดูพ่อแม่เป็นสลิ่ม รังเกียจถึงขนาดนี้ คนเราทำไมถึงได้เลยเถิด จนกลายเป็นคนอกตัญญูได้ขนาดนี้ ต้องถามว่าใครเป็นคนเอาเนื้อหาสาระเหล่านี้ไปใส่สมองเด็ก มันเป็นยาพิษขนาดหนักนะ คนเราเมื่อเกิดมา กตัญญูเหนือสิ่งอื่นใด ถ้าเด็กคนใดไร้ความกตัญญู อย่าหวังว่าชีวิตนี้จะเจริญรุ่งเรือง"


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ดร.เสรี ชี้ หมอเหรียญทอง มีสิทธิ์ไม่รับ นศ. ม็อบ ซัดจาบจ้วง อันตรายต่อบริษัท หวั่นแพร่เชื้อ อัปเดตล่าสุด 31 กรกฎาคม 2563 เวลา 15:02:03 12,844 อ่าน
TOP