โรงพยาบาลสิชล นครศรีธรรมราช เผยอุทาหรณ์เตือนระวัง คนไข้เจาะหู มีแผลเป็นคีลอยด์ ต้องมาผ่าตัดเอาก้อนเนื้อที่หูออก ชี้อาจมีปัจจัยด้านพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
วันที่ 9 สิงหาคม 2563 โรงพยาบาลสิชล จ.นครศรีธรรมราช ได้มีการเผยภาพคนไข้ อายุ 35 ปี ที่มีแผลเป็นคีลอยด์ ภายหลังจากเจาะหู โดยระบุว่า คีลอยด์ คือ แผลเป็นชนิดหนึ่งที่มีลักษณะนูนและขนาดอาจขยายใหญ่กว่ารอยแผลที่เกิดขึ้น โดยอาจเกิดขึ้นทันทีที่แผลหายหรือหลังจากแผลหายสักระยะหนึ่งแล้ว แม้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ แต่ก็อาจทำให้รู้สึกเจ็บ คัน ระคายเคือง หรือส่งผลด้านความสวยความงามได้
สาเหตุคีลอยด์เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ผู้ที่มีอายุอยู่ในช่วง 10-30 ปี มีแนวโน้มที่จะเป็นได้มากกว่า และเชื่อว่าอาจมีปัจจัยด้านพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยกว่าครึ่งของผู้ที่เกิดแผลเป็นชนิดคีลอยด์ มีสมาชิกในครอบครัวที่เป็นคีลอยด์มาก่อนเช่นกัน หรือเกิดจากบาดแผลไม่สะอาด ติดเชื้อ
การรักษา การฉีดคอร์ติโซนสเตียรอยด์
เป็นวิธีการรักษาที่ปลอดภัยและไม่เจ็บมาก
โดยจะฉีดสเตียรอยด์ชนิดนี้เข้าที่แผลเป็นทุก ๆ 4-8 สัปดาห์
เพื่อช่วยให้คีลอยด์ยุบตัวลง แต่หากก้อนมีขนาดใหญ่
อาจต้องพิจารณาผ่าตัดเสียก่อน นอกจากนั้นยังมีวิธีอื่น เช่น การเลเซอร์
ใช้ความเย็น แผ่นเจล เป็นต้น
คำแนะนำคือ หากพบว่ามีแนวโน้มจะเป็นก้อนเนื้อคีลอยด์ให้รีบปรึกษาแพทย์ รักษาก่อนที่ก้อนจะมีขนาดโตขึ้น หากในครอบครัวมีความเสี่ยง ก็ไม่ควรไปเจาะ สัก ให้เกิดบาดแผลตามร่างกาย เจอผู้ป่วยบ่อย ๆ ที่ปล่อยทิ้งไว้จนก้อนโตมากแล้ว การรักษาก็ยากขึ้น ผ่าตัดแล้วก็ต้องติดตามการรักษา หลังผ่าก้อนมีโอกาสโตขึ้นมาได้อีก
สาเหตุคีลอยด์เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ผู้ที่มีอายุอยู่ในช่วง 10-30 ปี มีแนวโน้มที่จะเป็นได้มากกว่า และเชื่อว่าอาจมีปัจจัยด้านพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยกว่าครึ่งของผู้ที่เกิดแผลเป็นชนิดคีลอยด์ มีสมาชิกในครอบครัวที่เป็นคีลอยด์มาก่อนเช่นกัน หรือเกิดจากบาดแผลไม่สะอาด ติดเชื้อ
คำแนะนำคือ หากพบว่ามีแนวโน้มจะเป็นก้อนเนื้อคีลอยด์ให้รีบปรึกษาแพทย์ รักษาก่อนที่ก้อนจะมีขนาดโตขึ้น หากในครอบครัวมีความเสี่ยง ก็ไม่ควรไปเจาะ สัก ให้เกิดบาดแผลตามร่างกาย เจอผู้ป่วยบ่อย ๆ ที่ปล่อยทิ้งไว้จนก้อนโตมากแล้ว การรักษาก็ยากขึ้น ผ่าตัดแล้วก็ต้องติดตามการรักษา หลังผ่าก้อนมีโอกาสโตขึ้นมาได้อีก