x close

ดร.เจษฎ์ ส่องม็อบนักเรียน ชี้อย่าใช้เสรีภาพล่วงล้ำผู้อื่น แนะหยุดคุกคามทั้ง 2 ฝ่าย

 
 
          รศ. ดร.เจษฎ์ โทณวณิก แนะม็อบนักเรียนไม่ควรล่วงล้ำเสรีภาพผู้อื่น ส่วนกลุ่มปลดแอก ควรงดหยาบคาย พาดพิงสถาบัน ชี้ต้องไม่คุกคามกันทั้ง 2 ฝ่าย

ม็อบนักเรียน-กลุ่มปลดแอก

          วันที่ 5 กันยายน 2563 รายการ ถามสุดซอย ได้สัมภาษณ์ รศ. ดร.เจษฎ์ โทณวณิก นักวิชาการอิสระ กรณี 2 ม็อบที่เตรียมชนรัฐบาล พร้อมจี้ให้รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการทำตามข้อเรียกร้อง ถ้าทำไม่ได้ให้ลาออกไปนั้น

เรื่องม็อบนักเรียน เขาเรียกตัวเองว่านักเรียนเลว เขาตั้งกันเองไหม ?

         รศ. ดร.เจษฎ์ : เขาคงตั้งกันเองและคงมองจากหลาย ๆ อย่าง เช่น มองจากเสียงสะท้อน อาจมีผู้ใหญ่บอกว่าเรียนไปเถอะ อย่าออกมาชุมนุม อย่าออกมาประท้วง ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายในบ้านเมือง ถ้ายังเรียนได้ไม่ดีหรือไม่สามารถหางานทำ มีเงินเข้ามาสนับสนุนบ้านเมือง ก็อย่าทำความเดือดร้อนให้คนอื่น เขาก็คงรู้สึกว่าพอได้ยินเสียงแบบนี้มาก ๆ เป็นนักเรียนเลวก็ได้ แต่เดี๋ยวสักพักเขาจะบอกว่าเป็นนักเรียนเลวที่สร้างความดีงามให้บ้านเมือง จะทำให้บ้านเมืองไปสู่การพัฒนา หรือเขามาบอกว่าไม่รู้นักเรียนเลว หรือผู้ใหญ่เป็นหรือทหาร มันคงเป็นลูกเล่น เหมือนทำแฮชแท็กมากระตุก

          ซึ่งโดยทั่วไปอย่าเรียกตัวเองว่าเป็นอย่างนั้นเลย การที่คุณมีความคิดเห็นหรือออกมาชุมนุมก็ไม่ใช่เรื่องดีเลวอะไรหรอก เพียงแต่ว่าในบ้านเมืองทุกคนอยากอยู่อย่างสงบ ก็ทำอยู่ในกรอบที่จะไม่ไปรบกวนความสงบสุขของผู้อื่น มีความคิดเห็นก็แสดงออกมา แต่ว่าในความเป็นเด็กและเยาวชน เราต้องรู้นะว่าวันหน้าเราจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ต่อไป เราก็ต้องมองดูว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเดี๋ยวนี้มันจะติดตัวไปเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดเด็กก็จะมาถามเรา ทำไมตอนนั้นทำแบบนั้น ทำแล้วเกิดอะไรขึ้น ทำแล้วได้ผลอะไรไหม แต่ถ้าทำแล้วจะเกิดอะไรไป เกิดผลลบ เกิดผลกระทบความเสียหายก็อย่าไปทำ

          ยิ่งลูกหลานถามเรา พ่อแม่ถูกเขาหลอกไปหรือเปล่า แล้วถ้าถูกหลอกไปจริง ๆ วันนั้นจะไปตอบลูกหลานได้ยังไง เรื่องเหล่านี้ต้องคิดให้มาก นักเรียนก็มีสิทธิ์ เพราะต้องคิดอย่างนี้ บรรดาผู้ใหญ่ทั้งหลายที่ไปสกัดเขาก็อย่าไปทำ ถ้าผู้ใหญ่วันนี้ทุจริตโกงกิน ฉ้อราษฎร์บังหลวง และไม่ทำมาหากิน ทำให้บ้านเมืองเดินไปทางสุจริต ต่างคนต่างทำอะไรบิดเบือน หากินทุจริตหมด ฉะนั้นเขาก็ต้องมีสิทธิ์ เพราะบ้านเมืองนี้เขาต้องอยู่ต่อไป

          แต่ไม่ใช่หมายความว่าเด็กเหล่านี้จะมีสิทธิ์ทำอะไรกับบ้านเมืองก็ได้ เสรีภาพที่ใช้ก็ไม่ต้องไปล่วงล้ำเสรีภาพคนอื่น การเรียกร้องก็ต้องเรียกร้องพอเหมาะพอควรกับสถานะความเป็นประชาชนร่วมกัน เราจะไม่มาคุยกันหรอกว่าเด็กอย่ามาเสนอเรื่องเหล่านี้เกินตัว แต่ต้องอยู่บนความเหมาะสม ไม่ใช่ฉันเป็นเด็ก ฉันจะอยู่นานกว่าพวกเธอ ฉันมีสิทธิ์พูดมากกว่าในเมื่อฉันเป็นเยาวชน อายุฉันน้อย อายุเธอมาก วันหนึ่งเธอตายฉันก็จะอยู่แทน ต้องรับข้อเรียกร้องฉันไป ซึ่งไม่จริงเสมอไป เด็กเสียชีวิตก่อนคนแก่ก็มี คนแก่จำนวนหนึ่งอยู่ยาวกว่าเด็ก อย่ามาใช้แค่เรื่องอายุ หรือความเป็นเด็ก เป็นผู้ใหญ่ ว่าฉันต้องเป็นเจ้าของบ้านเมืองนี้สืบต่อไป ต้องฟังฉัน เป็นไปไม่ได้

นักเรียนจาก 50 โรงเรียน คิดว่าเป็นพลังบริสุทธิ์หรือเปล่า ?


         รศ. ดร.เจษฎ์ : เบื้องต้นต้องบอกว่าข้อสันนิษฐานประการแรก ต้องบอกเขาว่าเป็นพลังบริสุทธิ์ ประการที่สอง อาจมีคนมาคุย คอยให้คำแนะนำ บอก สอน หรือให้ข้อมูล อันนี้เป็นไปได้ สาม คือมีคนอยู่เบื้องหลัง ข้อสันนิษฐานประการที่สี่ จริงไม่จริงไม่รู้ แต่อาจมีความเป็นไปได้ คือมีคนใช้น้อง ๆ เหล่านี้เป็นเครื่องมือ ถ้าพลังบริสุทธิ์ถูกใช้ไปด้านลบ ก็จะไม่เป็นผลดีกับบ้านเมือง เราจะทำยังไงให้พลังบริสุทธิ์เหล่านี้ถูกสร้างเป็นพลังในด้านบวก ต้องคอยฟังเขาดู

         แล้วข้อสอง สาม สี่ ถ้าให้ข้อมูลในด้านลบต้องขจัดออกไป ยิ่งคนหนุนหลังให้เขาทำสิ่งไม่ดี รวมถึงคนที่ใช้เขาเป็นเครื่องมือ เราต้องแทรกเข้าไป หาวิธีขจัดออกไป ทุกข้อเรียกร้องเป็นไปได้หมดแหละ เรื่องที่เขาบอกว่าเขาถูกคุกคาม คุกคามคืออะไร มันอาจเกิดผลกระทบกับเขาจริง สมมติเขาขึ้นเวที แล้วมีคนใส่ครึ่งท่อนมากอดอกฟัง พอเขาลงจากเวทีก็ถามเบอร์โทร. เขา ไม่รู้เอาไปใช้ด้านไหน เขารู้สึกถูกคุกคาม

         ก็ลองคุยกันดูว่าจะหาทางออกร่วมกันยังไง ถ้าคอยสอดส่องดูแลไม่ให้เกิดความเสียหายก็ไปคอยดู อย่าไปตามเขา ขี่รถตามเขาถึงบ้าน ข้อสอง สาม ที่เขาขอ เขาบอกว่าแก้รัฐธรรมนูญดีไหม ? ท้ายที่สุดได้รับธรรมนูญมาแล้วยุบสภาก็ว่ากันไป ส่วนข้อต้องห้ามที่เขาไม่เอา คือไม่ให้มีปฏิวัติรัฐประหาร ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ มันก็ฟังได้ และเขามีความฝันที่จะมีระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ อันนี้ก็ฝันร่วมกันได้ เพียงแต่รายละเอียดความฝันเป็นยังไง

ม็อบนักเรียน-กลุ่มปลดแอก


ข้อที่สองยกเลิกกฎระเบียบล้าหลัง ?

         รศ. ดร.เจษฎ์ : ถ้าเป็นกฎระเบียบนักเรียนโดยตรง นักเรียนก็ต้องมาคิดว่าอะไรล้าหลัง จริงหรือไม่ ก็ต้องนั่งคุยกับผู้ใหญ่ เพราะเท่าที่นั่งคุยนั่งฟังในหลาย ๆ เรื่อง วันนี้เราอาจมองว่าไร้สาระ แต่ผมเคยคุยกับนักเรียนว่าวันหน้าเราจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องสมเหตุสมผล เช่น เด็กนักเรียนผู้ชายอยากไว้ผมยาวอย่างโน้นอย่างนี้ ผมยกตัวอย่างตอนสมัยคุณพ่อ ก็เล่าให้ฟังว่าตอนเป็นนักเรียนก็อยากไว้ผมยาว แต่พอมาเป็นสมัยเรา คุณพ่อบอกว่าตัด ๆ ไปเหอะ มันไม่มีอะไรหรอก อ้าว ทำไมคุณเปลี่ยนความคิด ตอนเราก็เหมือนกัน ตอนเป็นนักเรียนเราก็อยากไว้ผมยาว แต่พอมีลูก เราก็บอกว่าไว้ ๆ ไปเหอะ ไม่เห็นเป็นไร

         บางทีกฎระเบียบที่ว่าล้าหลัง มันไม่มีอะไรมากหรอก เพียงแต่ว่าเรารู้สึกว่า ณ อายุเท่านี้มันไม่ใช่ ใส่ชุดนักเรียนเรารู้สึกว่าใส่เชยมาก อยากใส่อะไรก็ได้มา แต่พอวันหนึ่งคุณเป็นผู้ปกครองคุณมองย้อนมา ลูกบอกว่าอยากใส่ชุดไพรเวตไป ยิ่งโตมาเป็นวัยรุ่นก็อยากแต่งสวย แต่งหล่อ เสื้อผ้าทั้งหลายก็ไปหามา แต่ชุดนักเรียนใส่เหมือนกันหมด ไม่ต้องแข่งกัน ไปถึงบ้านก็ซักง่ายกว่า รีดง่ายกว่า ผ้าที่เป็นชุดนักเรียนเขาออกแบบมาแล้ว มันยับยาก ถ้าไปใส่เสื้ออื่นมันยับง่าย ใส่เช้าตกบ่ายก็ดูไม่ดีแล้ว ถ้าเป็นเรื่องพวกนี้อย่าไปคิดกันมากเลย มันเป็นความระเบียบเรียบร้อยทั่วไป แล้วไม่ใช่การกดขี่ข่มเหงอะไรหรอก การมีเครื่องแบบมันเป็นระเบียบเรียบร้อย การตัดผมสั้นมันดูแลง่าย เดี๋ยวพอไปรั้วมหาวิทยาลัยก็ทำไป อย่าไปคิดกันมากเลย

         แต่ถ้าเป็นกฎระเบียบอื่นในบ้านในเมืองต้องมานั่งคุยกันว่าอะไร เช่น บอกว่าต้องยกมือไหว้กัน เพลงชาติขึ้นต้องเคารพธงชาติ ทำไมไปดูมหรสพต้องมีการเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี พวกนี้เป็นวัฒนธรรม เป็นขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามร่วมกัน เราต้องศึกษาต่อยอดว่าที่ผ่านมาทำไมรุ่นก่อนปู่ย่าตายายเราเขาทำมา แล้วมีความงดงามในสิ่งเหล่านี้ไหม จริงเหรอบ้านเมืองอื่นเขาไม่ทำ เสรีประชาธิปไตยไม่ยืนเคารพธงชาติเหรอ จริงหรือเปล่า เสรีประชาธิปไตยทั้งหลายเขาไม่มีการเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีเหรอ ถ้าเขามีสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ต้องไปดูเรื่อย ๆ และเราจะพบเอง

         ส่วนเรื่องการปฏิรูปการศึกษา ถ้าจะบอกว่าให้ผู้ใหญ่ปฏิรูปการศึกษา ใช่ โครงสร้างหลักผู้ใหญ่เป็นคนคิด แต่ลองไปดูสิ ผู้ใหญ่ที่คิด ๆ กันมา กระทรวงศึกษาธิการคิดหลักสูตรเป็นยังไงบ้าง วันนี้เรามีกระทรวงการอุดมศึกษาฯ เมื่อก่อนเรามีทบวงมหาวิทยาลัย แต่ไปเลิกทบวงมหาวิทยาลัย มาทำเป็นคณะกรรมการอุดมศึกษา แล้วทำมาทำไปมาตั้งเป็นกระทรวงการอุดมศึกษาฯ อีกแล้ว ตกลงมันไม่เหมือนกันเหรอ ต้องดูว่าผู้ใหญ่คิดในโครงสร้างของผู้ใหญ่ ลืมวันเวลาที่ตัวเองเคยเรียน ก็ต้องมาถามเด็ก เช่น มี 2-3 เรื่อง รัฐบาลพยายามปรับ แต่ท้ายที่สุดปรับแล้วก็ต้องถามนักเรียน ถามนิสิต นักศึกษา เขาบอกว่าปรับเวลาเรียนเป็นเวลารู้มันคืออะไร

ม็อบนักเรียน-กลุ่มปลดแอก

         วันก่อนได้คุยกับนักเรียน มองว่าคนที่อยู่ในวงการดูแลเรื่องการศึกษากลับไม่เข้าใจเด็ก เด็กเขาบอกว่าอยากเรียนรู้ทางปฏิบัติเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากเรียนในตำรา ผู้ใหญ่บอกว่าพูดจาแบบนี้ทำให้ผู้ใหญ่เสียหายนะ ทำให้รู้สึกว่าผู้ใหญ่สอนไม่ดี ครูสอนไม่ได้เรื่องเหรอพวกเธอถึงอยากเรียนนอกตำรา วันนี้ตำราเดี๋ยวนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เมื่อก่อนเด็กที่ถือดิกชันนารีเดินไปเดินมาคือเด็กเก่ง เด็กฉลาด เดี๋ยวนี้เด็กเดินถือดิกชันนารีคือเด็กเชย ต้องดูความแตกต่างกัน ถ้าผู้ใหญ่มองแต่ในกรอบผู้ใหญ่ สอนอยู่แต่ในกรอบในตำรา เด็กเขาไปถึงไหนแล้ว ตำราที่ผู้ใหญ่มาสอนในกูเกิลมีหมด จะมานั่งสอนกันทำไม พาเขาไปปฏิบัติสิ ถ้าพาเขาไปทำได้ นั่นแหละกูเกิลทำไม่ได้ เขาจะเรียนอะไรก็แล้วแต่ แม้แต่เรียนเลข บางโรงเรียนเดี๋ยวนี้เขาไม่มานั่งสอน หนึ่งบวกหนึ่ง สองบวกสอง เขาให้สตางค์เด็กไป 10 บาท ซื้อของราคา 5 บาท แล้วหนูเอาเงินมาคืนคุณครู แล้วมาดูกันว่าจะคืนครูเท่าไหร่

         นี่คือทางปฏิบัติ หากมานั่งเรียนสิบลบห้ามันไม่เกิดภาพจริง แบบนี้แหละที่นักเรียนเขาอยากได้ในการปฏิรูปการศึกษา ก็ฟังเขา เพราะเขาคือคนเรียน แต่ไม่ใช่นักเรียนจะออกมาแล้วบอกว่าครูเชย ครูงี่เง่า ครูบ้าบอ สอนอะไรไม่รู้ ไม่อยากเรียน ออกไปนั่งข้างนอกดีกว่า แบบนี้ก็ไม่ใช่ ปฏิรูปการศึกษาคือการที่เราปรับเข้าหากัน ผู้สอนก็ต้องฟังว่าผู้เรียนอยากเรียนอะไร แต่ผู้เรียนก็ต้องฟังผู้สอน เพราะผู้สอนมีโครงสร้าง มีการกำหนดวางมาเพื่อพัฒนาอะไร เขามีการศึกษาทำวิจัยมา ว่าเรียนแบบนี้พัฒนาสมองส่วนไหน เรียนแบบนั้นทำให้เกิดความเข้าใจอย่างไร เมื่อเอา 2 อย่างมาประกอบกัน ผู้เรียนและผู้สอนพบกัน เราก็จะหาทางออกของการศึกษาได้ มันก็คือการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งแบบนี้เราก็คุยกันได้ นักเรียนต้องหาทางอธิบายกับครู ครูก็ต้องหาทางอธิบายกับนักเรียน แบบนี้มันถึงจะเรียนไปด้วยกันได้

ข้อเรียกร้องม็อบปลดแอก 3 ข้อ ?

         รศ. ดร.เจษฎ์ : เรื่องนักเรียนความละเอียดอ่อนเป็นแบบหนึ่ง แต่เรื่องผู้ใหญ่อาจเป็นความละเอียดอ่อนอีกแบบ ผู้ใหญ่อาจไปถึงขั้นใช้ตัวบทกฎหมาย ทำแบบนี้ไม่ได้ ชุมนุมต้องขออนุญาต พูดจาไม่ดี พูดจาไม่เหมาะสม เขาก็อาจกำหนดโทษ ตำรวจมาจับหรือทหารมาคุม ขณะเดียวกันที่บอกว่าหยุดคุกคาม มันต้องหยุดคุกคามทั้ง 2 ฝ่าย ประชาชนปลดแอกบางกลุ่ม บางพวก บางคน พูดไปจนกระทั่งเกินเลย ยกเอาเรื่องที่เป็นประวัติความเป็นมาของบ้านเมือง บางคนพูดถึงล้นเกล้าในรัชกาลที่ 9 ในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง ต้องคิดถึงว่าอันนี้กระทบจิตใจคนไทยโดยรวม คุณอาจไม่รู้สึก ไม่รักใคร่ก็ได้ แต่ต้องนึกถึงจิตใจประชาชนคนอื่น

         การที่คุณบอกว่าให้รัฐบาลหยุดคุกคามคุณ ใช่ เห็นด้วย แต่ถ้าคุณใช้สิทธิเสรีภาพของคุณอยู่ในกรอบที่เหมาะสม ไม่ไปล่วงล้ำสิทธิเสรีภาพคนอื่น รัฐบาลก็ไม่ควรไปคุกคามใช้กฎหมายทำร้ายทำลายคุณ ขณะเดียวกันคุณพูดก็ต้องนึกถึงจิตใจคนไทยทั้งหลาย คุณอยากปรับเปลี่ยนอะไรในบ้านเมืองก็ต้องนึกถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชาติบ้านเมืองนี้ ต้องนึกถึงคนระดับพ่อแม่ปู่ย่าตายายของคุณ และต้องนึกถึงคนร่วมชาติที่เขาอาจคิดแตกต่างจากคุณ ผมเชื่อว่าทุกคนอยากเป็นประชาธิปไตยหมด และทุก ๆ คนอยากมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และทุก ๆ คนก็คิดถึงเรื่องว่าพระมหากษัตริย์ทรงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ

         เช่นเดียวกันนั่นแหละ พระองค์ก็ทรงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 ทรงปฏิบัติพระองค์และดำรงพระองค์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญมาโดยตลอด การที่คุณจะเรียกร้อง คุณก็ต้องคิดว่าระบอบนี้ความเป็นมาเป็นอย่างไร ระบอบนี้ทุกวันนี้เป็นอย่างไร แล้วถ้าจะลุกขึ้นมาพูดก็ค่อยว่ากัน ดังนั้น เรื่องคุกคามก็ต้อง 2 ฝ่าย เขาไม่คุกคามคุณ คุณก็ต้องไม่คุกคามเขา การพูดจาหยาบคาย ด่าทอว่ากล่าวกัน ทุกคนอาจมองว่าแค่นี้พูดถึงพระมหากษัตริย์ไม่ได้เหรอ ไม่ใช่แค่พระมหากษัตริย์ วันนี้อยู่ดี ๆ ใครเดินมาด่าผม หรืออยู่ดี ๆ เอาเรื่องโน้นเรื่องนี้คุณธัญญ่าไปพูดเป็นความจริงที่ไม่ควรจะพูดมันก็หมิ่นประมาท นี่ขนาดเราเป็นคนธรรมดา ฉะนั้นพระมหากษัตริย์ก็ต้องได้รับความคุ้มครองเช่นเดียวกัน การที่คุณไปว่ากล่าวพูดในทางที่ไม่เหมาะสม ไม่ใช่เป็นเพราะคุณหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอะไรหรอก แต่คุณหมิ่นประมาทท่าน เหมือนกับที่คุณหมิ่นประมาทคนอื่นไม่ได้ เรื่องแบบนี้ก็คุกคาม คุณก็ต้องดูว่าสิ่งที่คุณทำ คุณคุกคามเขาหรือเปล่า ถ้าคุณหยุดคุกคามเขา เขาก็จะหยุดคุกคามคุณ

ม็อบนักเรียน-กลุ่มปลดแอก
 
รัฐบาลต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่มาจากเจตจำนงประชาชนเพื่อสาธารณชนอย่างแท้จริง ?

         รศ. ดร.เจษฎ์ : เจตจำนงประชาชนนี่ต้องมาคุยกัน เจตจำนงของผมก็อาจเป็นอีกแบบหนึ่ง เจตจำนงของคุณธัญญ่าก็อาจอีกแบบหนึ่ง แล้วจะฟังประชาชนไหน เจตจำนงอยู่ที่ไหน เวลาท่านพูด พูดคำง่าย คำใหญ่ ฟังดูใหญ่โตโอฬาร แล้วเจตจำนงประชาชนคืออะไร ทุกวันนี้รัฐบาลแม้กระทั่งฝ่ายค้านและหลาย ๆ ฝ่าย พยายามหาทางลงร่วมกัน ถ้าเขาไปจัดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ จัดให้มีคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ แล้วหาทางให้รัฐธรรมนูญมีหน้าตาที่เหมาะสม แล้วเราใช้ด้วยกัน สมัยนี้รับฟังความคิดเห็นเรียลไทม์ได้ เจตจำนงพี่น้องประชาชนท้ายที่สุดคือประโยชน์สาธารณะ แล้วสาธารณะนั้นคือใคร อันนี้ต้องมาคุยกัน หาทางออกร่วมกัน

รัฐบาลต้องยุบสภา เพื่อให้ประชาชนแสดงเจตจำนงในการเลือกผู้แทนของตนอีกครั้ง ?

         รศ. ดร.เจษฎ์ : เจตจำนงการเลือกผู้แทนอีกครั้ง ระบบเลือกตั้ง ณ ขณะนี้ที่เถียงกันมาก ก็บอกว่ายังไม่เป็นระบบเลือกตั้งที่ดีพอ ยังเป็นระบบเลือกตั้งที่เป็นปัญหา อะไรเนี่ยค่าเฉลี่ยโควตา 7 หมื่นกว่า ไอ้คนได้ 3-4 หมื่นที่ได้มา ถ้าท่านให้รัฐบาลยุบสภาตอนนี้ก็กลับไปใช้ระบบเลือกตั้งนี้ ก็เลือกแบบเดิมกันอีก ก็คำนวณแบบที่ด่ากันอีก แล้วก็กลับมาเป็นรัฐบาลแบบที่ไม่รู้ตัวเลขมาจากไหนอีก แล้วท่านจะให้เขายุบสภาไปทำอะไร ต้องดูว่ายุบสภาตามเจตจำนงประชาชน เจตจำนงนั้นคืออะไร ถ้าเจตจำนงคือการได้สภาที่ดี ได้รัฐบาลที่ทำงานได้และทำงานอย่างเหมาะสม มันก็ต้องเริ่มจากรัฐธรรมนูญ มันต้องดูว่าหัวหรือท้ายมาก่อน

         ถ้าท่านเอายุบสภามาเป็นหัว แต่ท้ายไม่เกิด เพราะพอยุบสภาไปแล้วต้องไปเลือกตั้ง แล้วพอเลือกตั้งกลับมาในสภาอีก มีรัฐบาลอีก ยังไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ เพราะยังไม่เกิดกลไกแก้รัฐธรรมนูญ ก็ต้องมานั่งเถียงกันอีก พอรัฐบาลชุดนั้นไม่เป็นที่พอใจก็ยุบสภาไป แล้วเมื่อไหร่จะจบกัน ก็เอาหัวที่ควรจะมามาก่อน ข้อเรียกร้องท่านทำได้ ก็ไปแก้รัฐธรรมนูญ พอแก้แล้วก็เอารัฐธรรมนูญไปประชามติ พอประชามติเสร็จก็ไปเขียนกฎหมายเพื่อใช้ในการเลือกตั้ง จากนั้นก็เลือกตั้ง แล้วมาใช้รัฐธรรมนูญที่ยกร่างร่วมกัน ก็มาตามลำดับ ข้อเรียกร้องท่านมันก็ได้หมดแหละแต่ต้องเป็นตามลำดับ เขาหยุดคุกคามท่าน ท่านก็หยุดคุกคามเขา ยกร่างรัฐธรรมนูญก็ทำด้วยกัน ให้มีหน้าตาแบบที่สามารถเดินไปด้วยกันได้ มีอนาคตด้วยกัน ท้ายที่สุดก็ยุบสภา เลือกตั้งก็เลือกตั้ง แต่ให้อยู่ภายใต้กฎระเบียบที่เรายอมรับกันได้ บ้านเมืองจะได้สงบสุขซะที

         รายการ ถามสุดซอย ออกอากาศวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 22.20 น. ทางเนชั่น ช่อง 22 ดำเนินรายการโดย ธัญญ่า ธัญญาเรศ เองตระกูล



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ดร.เจษฎ์ ส่องม็อบนักเรียน ชี้อย่าใช้เสรีภาพล่วงล้ำผู้อื่น แนะหยุดคุกคามทั้ง 2 ฝ่าย อัปเดตล่าสุด 8 กันยายน 2563 เวลา 22:06:22 5,657 อ่าน
TOP