นายกฯ วอนพักการเมือง ช่วยกันฟื้น ศก. หวั่นม็อบแพร่โควิด 19 จนต้องล็อกดาวน์อีก !

 

          นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ขอความร่วมมือคนไทยพักเรื่องการเมือง จับมือช่วยกันฟื้นเศรษฐกิจก่อน หวั่นชุมนุมทำ โควิด 19 แพร่หนักจนต้องกลับไปล็อกดาวน์

          วันที่ 17 กันยายน 2563 เดลินิวส์ รายงานว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แถลงการณ์ผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เรื่องการแพร่ระบาดโควิด 19 ระลอกใหม่ในโลก และสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม

          โดยระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด 19 ที่กำลังเกิดขึ้นในโลกไม่ค่อยจะดีนัก และอาจจะส่งผลต่อประเทศไทยในช่วงเวลาข้างหน้านี้ โดยขณะนี้หลายประเทศกำลังเกิดการระบาดของโควิดครั้งใหญ่อีกรอบ

          จากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นรอบ 2 นั้น แสดงให้เห็นว่าโลกกำลังตกอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาด โควิด 19 ครั้งใหญ่ ระลอกใหม่ เมื่อช่วงเริ่มต้นที่เกิดการแพร่ระบาดโควิดบนโลก

          ประเทศไทยเริ่มรับมือและพยายามระงับการแพร่ระบาดในประเทศอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว ทำให้วันนี้ประเทศไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่ถึง 10 คนต่อวัน โดยถือเป็นความสำเร็จของบุคลากรทางการแพทย์ และคนไทยทั้งประเทศ ที่ร่วมแรงร่วมใจกันเป็นหนึ่งเดียวยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิดในประเทศไทย จึงขอให้ประชาชนช่วยกันตั้งการ์ดให้สูงขึ้นอีกครั้ง เพื่อสู้กับโควิด 19 ที่กำลังระบาดรอบใหม่ และเชื่อว่าจะอยู่กับเราอีกนาน
          นอกจากนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ว่า ตนอยากใช้โอกาสนี้พูดกับคนกลุ่มต่าง ๆ ที่ออกมารวมตัวกันประท้วงด้วยเหตุผลต่าง ๆ ว่าการรวมตัวกันเช่นนี้เป็นการเพิ่มความเสี่ยงอย่างมากที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำลายการทำมาหากินของคนไทยอีกหลายสิบล้านคนจากโควิด 19 และจะยิ่งทวีคูณปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไปสู่ระดับที่เรายังไม่เคยเจอมาก่อน จึงขอให้ทุกคนคำนึงถึงเรื่องนี้ให้มาก

          แม้ว่าปัจจุบันประเทศเราไม่สามารถมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศได้ ทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่อย่างน้อยสถานประกอบการต่าง ๆ ก็ยังคงเปิดได้ และคนไทยยังสามารถท่องเที่ยวภายในประเทศได้ ดังนั้น เราจึงไม่ควรทำอะไรก็ตามที่จะเพิ่มความเสี่ยงให้ประเทศไทยต้องกลับไปล็อกดาวน์อีกครั้ง เหมือนเมื่อเดือนมีนาคมและเมษายนที่ผ่านมา เพราะจะยิ่งเป็นการเพิ่มความเดือดร้อนให้มากขึ้น


          ทั้งนี้ ตนขอบอกทุกท่านที่อยากจะออกมาชุมนุมว่า ตนได้ยินทุกปัญหาและข้อข้องใจในเรื่องการเมือง และความไม่พอใจเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ และเคารพความคิดเห็นทุกคน แต่วันนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับเรื่องเร่งด่วนที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดการก่อน นั่นคือการบรรเทาความเสียหายทางเศรษฐกิจจากโควิด 19 ในขณะนี้ เราจึงไม่ควรทำให้สถานการณ์เลวร้ายกว่าเดิม เพราะการชุมนุมจะทำให้การฟื้นเศรษฐกิจเกิดการล่าช้า ทำลายความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ และสร้างความลังเลใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะมาเมืองไทย เมื่อถึงเวลาที่เราพร้อมจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง การชุมนุมจะสร้างความวุ่นวายในประเทศ และปัญหาปากท้องของประชาชน ตนจึงอยากขอให้เราเอาชนะวิกฤตในครั้งนี้ให้ได้ก่อน หลังจากนั้นค่อยกลับมาที่เรื่องการเมือง

           นายกรัฐมนตรี ระบุอีกว่า แม้ว่าทุกวันนี้หลายประเทศจะเริ่มใช้ความเด็ดขาดในการจัดการการประท้วง เพราะไม่สามารถยอมให้มีการเพิ่มความเสี่ยงการแพร่โควิด เช่น ในประเทศเยอรมนี ที่มีผู้ถูกจับดำเนินคดีมากกว่า 300 คน ในคดีทำลายโอกาสของประเทศ ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การศึกษา และสังคม แต่ตนกลับเลือกที่จะกำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติกับผู้ชุมนุมด้วยความนิ่มนวล เพราะยังเชื่อว่าผู้ที่จะออกมาประท้วงจะมีความตระหนักรู้ถึงสิ่งที่ควรต้องระมัดระวัง และอยู่ในขอบเขต

          ทั้งนี้ ขอให้ผู้ชุมนุมทุกคนนึกถึงพี่น้องคนไทยด้วยกันให้มาก ๆ ที่จะได้รับผลกระทบจากการเพิ่มความเสี่ยงโควิด ที่อาจนำไปสู่การกลับไปล็อกดาวน์อีกครั้ง วันนี้ภารกิจที่สำคัญที่สุดของตนคือ การปกป้องคนไทยไม่ให้เกิดความสูญเสียจากโควิด และป้องกันหายนะทางเศรษฐกิจที่จะตามมา จึงอยากให้ทุกคนวางเรื่องการเมืองเอาไว้ก่อน ช่วยกันให้ผ่านพ้นความยากลำบากครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกไปให้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในปัจจุบัน
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์