แม่เห็นลูกตาเข ถ่ายรูปเปิดแฟลชส่องดูตาชัด ๆ เห็นจุดขนาดใหญ่ในตา รีบพาไปหาหมอ ก่อนพบความจริงสุดช็อก น้องป่วยเป็นโรคมะเร็ง
ภาพจาก PA Real Life
แนนซี่ คือเด็กหญิงชาวอังกฤษ วัย 4 ขวบ ที่แข็งแรง น่ารัก และสดใสตามวัยของเธอ เธอไม่มีปัญหาสุขภาพใด ๆ และไม่ใช่เด็กป่วยบ่อย กระทั่งเดือนธันวาคม 2562 ครอบครัวก็สังเกตได้ถึงความผิดปกติ โดยพ่อแม่พบว่า แนนซี่มีอาการตาเหล่ (ตาเข) เล็กน้อยที่ตาซ้าย
แต่ด้วยความที่เธอยังมองเห็น อ่านออกเขียนได้ และเรียนหนังสือได้ตามปกติ พวกเขาจึงไม่คิดอะไรมาก คิดว่าคงเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับเด็กวัยนี้
อย่างไรก็ตาม อาการตาเขของแนนซี่ก็หนักขึ้น จนตาซ้ายเอียงเข้ามาด้านในมากผิดปกติ จนเกือบจะชิดจมูก จนกระทั่งเวลาต่อมา พ่อแม่ก็ได้รับรู้ความจริงสุดช็อกว่าลูกสาวของพวกเขาไม่ได้เป็นเด็กตาเหล่ธรรมดา แต่เป็นมะเร็ง....
แต่ด้วยความที่เธอยังมองเห็น อ่านออกเขียนได้ และเรียนหนังสือได้ตามปกติ พวกเขาจึงไม่คิดอะไรมาก คิดว่าคงเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับเด็กวัยนี้
อย่างไรก็ตาม อาการตาเขของแนนซี่ก็หนักขึ้น จนตาซ้ายเอียงเข้ามาด้านในมากผิดปกติ จนเกือบจะชิดจมูก จนกระทั่งเวลาต่อมา พ่อแม่ก็ได้รับรู้ความจริงสุดช็อกว่าลูกสาวของพวกเขาไม่ได้เป็นเด็กตาเหล่ธรรมดา แต่เป็นมะเร็ง....
ภาพจาก PA Real Life
จากการรายงานของเว็บไซต์ เมโทร เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2563 ระบุว่า หลังจากพบว่าลูกสาวมีอาการตาเข วิกตอเรีย ฮอกก์ วัย 29 ปี ผู้เป็นแม่ ก็ลองหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปใบหน้าลูก โดยเปิดแฟลชเพื่อส่องให้เห็นตาชัด ๆ
วิกตอเรียพบจุดสีสะท้อนแสงในรูม่านตาซ้ายของแนนซี่ วิกตอเรียกังวลมาก เพราะเธอได้ยินมาว่าสิ่งที่เห็นอาจเป็นอาการบ่งบอกถึงมะเร็ง
"ฉันจำได้ว่าเคยอ่านเจอในเฟซบุ๊ก ว่าถ้าเอาไฟส่องตาแล้วเห็นจุดสีขาว ๆ นั่นอาจเป็นสัญญาณของมะเร็ง ฉันเลยลองส่องตาแนนซี่ดู และพบจุดขนาดใหญ่ในตาดำของเธอ ฉันใจหายวาบทันทีตั้งแต่ตอนนั้น แต่ก็พยายามตั้งสติ
ฉันลองเอามือปิดตาซ้ายลูก แล้วชี้สิ่งของต่าง ๆ ในบ้านให้ดู ซึ่งลูกก็บอกได้ปกติ พอเอามือปิดตาขวา แล้วเปิดตาซ้ายให้ดู ลูกก็พูดขึ้นมาว่า แม่ขา หนูมองไม่เห็น" วิกตอเรีย เล่าย้อนถึงวันนั้น
วิกตอเรียพบจุดสีสะท้อนแสงในรูม่านตาซ้ายของแนนซี่ วิกตอเรียกังวลมาก เพราะเธอได้ยินมาว่าสิ่งที่เห็นอาจเป็นอาการบ่งบอกถึงมะเร็ง
"ฉันจำได้ว่าเคยอ่านเจอในเฟซบุ๊ก ว่าถ้าเอาไฟส่องตาแล้วเห็นจุดสีขาว ๆ นั่นอาจเป็นสัญญาณของมะเร็ง ฉันเลยลองส่องตาแนนซี่ดู และพบจุดขนาดใหญ่ในตาดำของเธอ ฉันใจหายวาบทันทีตั้งแต่ตอนนั้น แต่ก็พยายามตั้งสติ
ฉันลองเอามือปิดตาซ้ายลูก แล้วชี้สิ่งของต่าง ๆ ในบ้านให้ดู ซึ่งลูกก็บอกได้ปกติ พอเอามือปิดตาขวา แล้วเปิดตาซ้ายให้ดู ลูกก็พูดขึ้นมาว่า แม่ขา หนูมองไม่เห็น" วิกตอเรีย เล่าย้อนถึงวันนั้น
ภาพจาก PA Real Life
วิกตอเรียพยายามตั้งสติไม่ให้ลูกตกใจ แล้วรีบพาแนนซี่ไปโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเบซิลดัน มณฑลเอสเซ็กส์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ ซึ่งกลายเป็นว่าสิ่งที่วิกตอเรียสงสัยเป็นความจริง และเธอคิดถูกที่รีบพาลูกไปหาหมอตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยไม่ปล่อยปละละเลย
แพทย์เวรที่ห้องฉุกเฉินได้ส่องตรวจดูตาของแนนซี่อย่างละเอียด ก่อนจะบอกวิกตอเรีย ว่าแม้ว่าจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง แต่แพทย์สันนิษฐานว่าอาการของแนนซี่น่าจะเป็นโรคมะเร็ง โดยในวันต่อมา แนนซี่ถูกส่งตัวไปตรวจที่แผนกจักษุวิทยา โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเซาท์เอนด์
แพทย์ยืนยันได้ว่าแนนซี่ป่วยเป็นโรคมะเร็งจอตาในเด็ก (Retinoblastoma) พวกเขาพบว่ามีเนื้อร้ายก้อนใหญ่อยู่หลังดวงตาของเธอ ซึ่งแพทย์จำเป็นต้องผ่าตัดนำออกอย่างเร่งด่วน ก่อนที่เชื้อมะเร็งจะลุกลามไปถึงสมอง รวมทั้งต้องผ่าตัดดวงตาของเธอออกไปด้วย
แพทย์ยืนยันได้ว่าแนนซี่ป่วยเป็นโรคมะเร็งจอตาในเด็ก (Retinoblastoma) พวกเขาพบว่ามีเนื้อร้ายก้อนใหญ่อยู่หลังดวงตาของเธอ ซึ่งแพทย์จำเป็นต้องผ่าตัดนำออกอย่างเร่งด่วน ก่อนที่เชื้อมะเร็งจะลุกลามไปถึงสมอง รวมทั้งต้องผ่าตัดดวงตาของเธอออกไปด้วย
ภาพจาก PA Real Life
พอวิกตอเรียรู้ความจริงก็เดินออกจากห้องไปหาสามีที่รออยู่ข้างนอก และร้องไห้จนเป็นลมล้มทรุดลงไป สามีก็ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดและสงสารลูก แต่พวกเขาก็ฝืนกลั้นน้ำตา ตั้งสติแล้วกลับไปหาหมอด้วยกัน และทำตัวเข้มแข็งให้ลูกเห็น แนนซี่จะได้ไม่ต้องหวาดกลัว
แนนซี่ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลรอยัล ในกรุงลอนดอน ซึ่งมีศูนย์การรักษาโรคมะเร็งจอตาในเด็กโดยเฉพาะ เธอได้รับตุ๊กตาไดโนเสาร์ตาเดียวเป็นของขวัญวันคริสต์มาส เพื่อให้เธอเตรียมใจกับสิ่งที่จะต้องพบเธอ
และแล้วในวันที่ 27 ธันวาคม 2562 เพียง 8 วันหลังจากพบเนื้อร้าย แนนซี่ก็เข้ารับการผ่าตัด ตอนแรกวิกตอเรียคิดว่าลูกจะกลัว แต่แนนซี่ร่าเริงมาก วิ่งไปหาหมอกับพยาบาลด้วยรอยยิ้ม และตอนขึ้นเตียงผ่าตัด แนนซี่ขอหยิบหน้ากากดมยาสลบมาปิดหน้าเอง ซึ่งวิกตอเรียเห็นแล้วหัวใจสลาย
ภาพจาก PA Real Life
หลังจากแนนซี่ฟื้นจากการผ่าตัด เธอกรี๊ดตกใจที่เห็นผ้าพันแผล แต่วันต่อมาก็ดีดเหมือนเดิม และเพียง 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด เธอก็ไปโรงเรียนและวิ่งเล่นกับเพื่อนได้ตามปกติ ซึ่งเพื่อน ๆ ก็ให้การสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้แนนซี่เป็นอย่างดี พร้อมบอกว่าถ้าตาของเธอหลุดออกมา จะรีบไปบอกครูทันที
ด้านพ่อแม่ก็ตัดสินใจให้แนนซี่เข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือให้คีโม ด้วยตัวยาหลายชนิด เพื่อให้มั่นใจว่ามะเร็งจะไม่ย้อนกลับมาอีก
แนนซี่เริ่มใส่ดวงตาเทียมตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเธอชื่นชอบมันมาก เพราะเธอเลือกตาปลอมด้วยตัวเอง
ส่วนวิกตอเรียก็ทำงานร่วมมือกับศูนย์โรคมะเร็งตาเด็ก เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้พ่อแม่ผู้ปกครองในการเฝ้าดูแลบุตรหลาน เพราะโรคมะเร็งสามารถเกิดขึ้นกับได้ทุกเพศทุกวัยจริง ๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก Metro
