ศรีสุวรรณ เอาจริง เตรียมเดินหน้าเอาผิดแกนนำม็อบ 19 กันยา ปมฝังหมุดคณะราษฎร กลางสนามหลวง ชี้ผิดฐานบุกรุก ทำลายโบราณสถาน ฝ่าฝืนระเบียบกรุงเทพมหานคร จี้เจ้าหน้าที่รีบทุบทิ้ง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศรีสุวรรณ จรรยา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศรีสุวรรณ จรรยา
วันที่ 20 กันยายน 2563 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ศรีสุวรรณ จรรยา ระบุว่า ตามที่กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการเมือง ได้ฝ่าฝืนกฎหมายโดยการบุกรุกเข้าใช้สนามหลวงโดยไม่ได้ขออนุญาตจาก กทม. และมีการตัดทำลายรั้วซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางราชการออกเมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา และเมื่อเช้ามืดวันที่ 20 กันยายน 2563 ได้ทำการเจาะพื้นสนามหลวงให้เสียหาย และได้ทำพิธีฝังหมุดคณะราษฎร หมุดที่ 2 ลงในพื้นที่สนามหลวง ตามที่ได้มีการเตรียมการไว้แล้วนั้น
ทั้งนี้ สนามหลวง ได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ มาตั้งแต่ปี 2520 มีชื่อว่า "โบราณสถานทุ่งพระเมรุ (สนามหลวง)" โดยที่ ม.32 ของ พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 แก้ไขเพิ่มเติม 2535 ระบุว่า ผู้ใดบุกรุกโบราณสถาน หรือทําให้เสียหาย ทําลาย ทําให้เสื่อมค่า หรือทําให้ไร้ประโยชน์ซึ่งโบราณสถาน ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 7 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และโทษของการบุกรุกและทำลายโบราณสถานจะหนักขึ้นเป็นจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ilaw
ดังนั้น การตัดทำลายรั้วเพื่อนำมวลชนบุกรุกเข้าไปตั้งเวทีชุมนุมปราศรัย และได้เจาะพื้นสนามหลวงให้เสียหาย โดยทำพิธีฝังหมุดคณะราษฎร หมุดที่ 2 ลงในพื้นที่สนามหลวงที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว ของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการเมือง จึงถือเป็นกรรมหนัก ที่จะปล่อยให้ลอยนวลต่อไปมิได้
นอกจากนั้น กรุงเทพมหานคร (กทม.) ยังได้ออกระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยการใช้ บำรุงและการดูแลพื้นที่ท้องสนามหลวง 2555 เพื่อให้ใช้พื้นที่ท้องสนามหลวงเพื่อการจัดงานได้เพียง 4 ประเภทเท่านั้น คือ งานพระราชพิธี งานรัฐพิธี งานประเพณีสำคัญของชาติโดยหน่วยงานของรัฐ และการจัดการแข่งขันกีฬาไทยประจำปี โดยห้ามการแสดงกิจกรรมหรือข้อความหรือการกระทำด้วยประการใดที่ไม่เหมาะสม ขัดกฎหมาย หรือในลักษณะเป็นการดูหมิ่นชาติ ศาสนา หรือสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยหรือของประเทศอื่น รวมทั้งต้องไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีและประเพณีไทย และการจัดงานต้องไม่มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองไม่ว่าด้วยประการใด และไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
ด้วยเหตุดังกล่าว การที่กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการเมือง ได้ฝ่าฝืนกฎหมายหลายบท หลายกรรมดังกล่าว จึงมิอาจปล่อยให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีต่อเยาวชนและประชาชนต่อไปได้ สมาคมจึงจะนำความไปร้องเรียนต่ออธิบดีกรมศิลปากร และ ผอ.เขตพระนคร ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ในการสั่งการให้ทุบรื้อทิ้งเสียซึ่งหมุดคณะราษฎร หมุดที่ 2 ดังกล่าวเสีย พร้อมเร่งแจ้งความดำเนินคดีเพื่อเอาผิดผู้ที่บังอาจกระทำการฝ่าฝืนดังกล่าวข้างต้นโดยเร็ว
โดยสมาคมจะเดินทางไปยื่นคำร้องในวันจันทร์ที่ 21 กันยายน 2563 เวลา 10.00 น. ณ กรมศิลปากร (วังหน้าพระลาน) จากนั้นในเวลา 11.00 น. จะไปร้องเรียนที่สำนักงานเขตพระนคร ถ.สามเสน
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ศรีสุวรรณ จรรยา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศรีสุวรรณ จรรยา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศรีสุวรรณ จรรยา
วันที่ 20 กันยายน 2563 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ศรีสุวรรณ จรรยา ระบุว่า ตามที่กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการเมือง ได้ฝ่าฝืนกฎหมายโดยการบุกรุกเข้าใช้สนามหลวงโดยไม่ได้ขออนุญาตจาก กทม. และมีการตัดทำลายรั้วซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางราชการออกเมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา และเมื่อเช้ามืดวันที่ 20 กันยายน 2563 ได้ทำการเจาะพื้นสนามหลวงให้เสียหาย และได้ทำพิธีฝังหมุดคณะราษฎร หมุดที่ 2 ลงในพื้นที่สนามหลวง ตามที่ได้มีการเตรียมการไว้แล้วนั้น
ทั้งนี้ สนามหลวง ได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ มาตั้งแต่ปี 2520 มีชื่อว่า "โบราณสถานทุ่งพระเมรุ (สนามหลวง)" โดยที่ ม.32 ของ พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 แก้ไขเพิ่มเติม 2535 ระบุว่า ผู้ใดบุกรุกโบราณสถาน หรือทําให้เสียหาย ทําลาย ทําให้เสื่อมค่า หรือทําให้ไร้ประโยชน์ซึ่งโบราณสถาน ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 7 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และโทษของการบุกรุกและทำลายโบราณสถานจะหนักขึ้นเป็นจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ilaw
ดังนั้น การตัดทำลายรั้วเพื่อนำมวลชนบุกรุกเข้าไปตั้งเวทีชุมนุมปราศรัย และได้เจาะพื้นสนามหลวงให้เสียหาย โดยทำพิธีฝังหมุดคณะราษฎร หมุดที่ 2 ลงในพื้นที่สนามหลวงที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว ของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการเมือง จึงถือเป็นกรรมหนัก ที่จะปล่อยให้ลอยนวลต่อไปมิได้
นอกจากนั้น กรุงเทพมหานคร (กทม.) ยังได้ออกระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยการใช้ บำรุงและการดูแลพื้นที่ท้องสนามหลวง 2555 เพื่อให้ใช้พื้นที่ท้องสนามหลวงเพื่อการจัดงานได้เพียง 4 ประเภทเท่านั้น คือ งานพระราชพิธี งานรัฐพิธี งานประเพณีสำคัญของชาติโดยหน่วยงานของรัฐ และการจัดการแข่งขันกีฬาไทยประจำปี โดยห้ามการแสดงกิจกรรมหรือข้อความหรือการกระทำด้วยประการใดที่ไม่เหมาะสม ขัดกฎหมาย หรือในลักษณะเป็นการดูหมิ่นชาติ ศาสนา หรือสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยหรือของประเทศอื่น รวมทั้งต้องไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีและประเพณีไทย และการจัดงานต้องไม่มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองไม่ว่าด้วยประการใด และไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
ด้วยเหตุดังกล่าว การที่กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการเมือง ได้ฝ่าฝืนกฎหมายหลายบท หลายกรรมดังกล่าว จึงมิอาจปล่อยให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีต่อเยาวชนและประชาชนต่อไปได้ สมาคมจึงจะนำความไปร้องเรียนต่ออธิบดีกรมศิลปากร และ ผอ.เขตพระนคร ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ในการสั่งการให้ทุบรื้อทิ้งเสียซึ่งหมุดคณะราษฎร หมุดที่ 2 ดังกล่าวเสีย พร้อมเร่งแจ้งความดำเนินคดีเพื่อเอาผิดผู้ที่บังอาจกระทำการฝ่าฝืนดังกล่าวข้างต้นโดยเร็ว
โดยสมาคมจะเดินทางไปยื่นคำร้องในวันจันทร์ที่ 21 กันยายน 2563 เวลา 10.00 น. ณ กรมศิลปากร (วังหน้าพระลาน) จากนั้นในเวลา 11.00 น. จะไปร้องเรียนที่สำนักงานเขตพระนคร ถ.สามเสน
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ศรีสุวรรณ จรรยา