ขับรถชนนักเรียน ม.5 สมองบวม ไม่ลงมาช่วย อ้างเด็กตัดหน้า เจอหลักฐานมัดเต็ม ๆ

          จับตัวแล้ว คนขับเก๋งปาดไปปาดมา ชนนักเรียนนาฏศิลป์ข้ามถนน อ้างเด็กวิ่งตัดหน้า จึงเบรกไม่ทัน ส่วนคนถูกชนอาการเจ็บสาหัส สมองบวม ไม่รู้สึกตัว ต้องรักษาตัวในไอซียู

          จากกรณีที่กลุ่มนักเรียนกลุ่มหนึ่ง ถูกรถยนต์โตโยต้า วีออส ที่ขับมาด้วยความเร็ว ปาดซ้าย ปาดขวา พุ่งชนจนกระเด็น มีผู้บาดเจ็บ 2 คน คือ นักเรียนหญิงชั้น ม.5 ของวิทยาลัยนาฏศิลป ศาลายา โดยมีคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วย ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายรชตกร ฮวดยิ่ง วัย 41 ปี

          ทั้งนี้ ในคลิปดังกล่าวจะเห็นภาพของรถนายรชตกรที่อยู่เลนซ้าย ตีไฟเลี้ยวเข้าเลนขวา จากนั้นก็ปาดมาเลนซ้ายอีก และปาดไปเลนขวาซ้ำ โดยตรงนั้นเป็นโรงเรียน แหล่งชุมชน แต่กลับขับรถปาดไปปาดมาจนกระทั่งรถชนเด็ก ม.5 ในที่สุด
          ในตอนแรก นายรชตกร บอกว่า ที่ชนเป็นเพราะเด็กตัดหน้ารถ แต่จากภาพวงจรปิดค่อนข้างชัดว่าเป็นการขับรถปาดไปปาดมา

          ล่าสุด วันที่ 24 กันยายน 2563 เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า นางการะเกตุ คำชู แม่ของน้องมดดำ วัย 16 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส กล่าวว่า ตอนนี้น้องมดดำยังรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู หมอระบุว่า สมองบวม ไม่รู้สึกตัว ซึ่งครอบครัวก็ทำใจไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น และยังไม่พบกับคู่กรณีโดยตรง มีแค่อีกฝ่ายโทรศัพท์มาขอโทษ ขอรับผิดชอบตามขั้นตอนเท่านั้น ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

          ขณะที่ น้องนีโม วัย 16 ปี ผู้บาดเจ็บอีกคน กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล กล่าวว่า วันเกิดเหตุ หลังเลิกเรียน ตนเดินข้ามถนนตรงทางม้าลายกับเพื่อนรวม 3 คน คือ มดดำ และเพื่อนผู้ชายอีก 1 คน เพื่อไปกินข้าวและขึ้นรถเมล์กลับบ้าน ซึ่งตอนที่โดนชน ตนจำเหตุการณ์ไม่ได้ จำได้แค่ยืนอยู่ตรงเกาะกลางถนนกับเพื่อนเท่านั้น มารู้ตัวอีกทีตอนมีคนเอายาดมมาให้แล้วก็สลบไป รู้ตัวอีกครั้งตอนอยู่บนรถพยาบาล

          อาการตอนนี้คือ ปวดหัวตลอดเวลา เจ็บแขนและขาทั้ง 2 ข้าง หมอบอกให้ดูอาการที่โรงพยาบาลอีก 1 วัน ส่วนเรื่องมดดำ ตนเป็นห่วงเพื่อนมาก อยากเจ็บแทนเพื่อน ส่วนเพื่อนผู้ชายกระโดดหลบทัน จึงไม่บาดเจ็บ


          ส่วน นายสุชาติ วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า หลังผู้ก่อเหตุขับรถชนก็ไม่ลงจากรถมาดูแลหรือช่วยเหลือเด็ก ๆ ได้ยินคุยโทรศัพท์ตลอดเวลา แม้ตำรวจมาเรียกก็ไม่ยอม บอกว่าจะรอประกัน ต้องใช้เวลาเกลี้ยกล่อมนานมากถึงยอมลงจากรถ ส่วนสภาพเด็กคนหนึ่งนอนนิ่ง มีเลือดออกศีรษะและหู ทั้งนี้ ตนมองว่าเป็นการขับรถที่แย่มาก คันอื่นเขาจอดให้เด็กข้ามหมดแล้ว แต่คันนี้ไม่ยอมจอด

          ด้านพนักงานสอบสวน สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม กล่าวว่า ผู้ต้องหาให้การว่า ขณะเกิดเหตุ กำลังขับรถไปรับเพื่อน แต่เด็กวิ่งตัดหน้ารถจึงเบรกไม่ทัน ซึ่งก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะให้การยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน รอผลวินิจฉัยอาการบาดเจ็บจากแพทย์ จึงจะแจ้งข้อหาผู้ต้องหาได้

ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้