x close

เปิดใจ รมช. กนกวรรณ ปมฉะ ปธ.สารสาสน์ สุดอึ้ง รร. ในเครือ โดนร้องเกือบ 30 แห่ง !?

          เปิดใจ ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช. สายบู๊ เปิดศึกฟาดปาก ปธ.สารสาสน์ อึ้งโรงเรียนในเครือถูกร้องเรียนร่วม 30 แห่ง เผยเหตุไปบู๊เอง เพราะเห็นโรงเรียนไม่มีความจริงใจ

เปิดใจ รมช. กนกวรรณ

เปิดใจ รมช. กนกวรรณ

          วันที่ 1 ตุลาคม 2563 รายการ "เรื่องลับมาก (no censor)" ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.20-15.00 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 "ดร.เสรี วงษ์มณฑา" เปิดใจสัมภาษณ์ "ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ตอนนี้มีชื่อเสียงขึ้นมาข้ามคืน จากกรณีครูโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ทำร้ายร่างกายนักเรียนเด็กอนุบาลจนเป็นข่าวฮือฮา โดยได้ฉะประธานเครือสารสาสน์ ด้วยวาทะ "ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่น่านับถือ" จนถูกใจทั้งโซเชียล

- ตอนนี้เป็นซูเปอร์สตาร์ไปแล้ว คนรู้จักทั่วประเทศ รู้สึกยังไง ?

           ดร.กนกวรรณ : ยิ่งรู้สึกว่าต้องทำงานให้ประชาชนไว้วางใจให้มากที่สุด ทุกวินาทีต้องทำให้มีความก้าวหน้าและให้เกิดสิ่งที่เป็นผลสัมฤทธิ์ ลูกหลานคนไทยต้องได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด

เปิดใจ รมช. กนกวรรณ

- การกระทำวันนั้น เขาให้สิบเต็มสิบ กดดันไหม ?


           ดร.กนกวรรณ : ก็ไม่นึกว่าจะเป็นลักษณะนั้น ทำด้วยหน้าที่และหัวใจของความเป็นแม่ มาในลักษณะนี้คาดว่าประชาชน ผู้ปกครอง คาดหวัง ต้องทำให้ดีที่สุด

- ได้งานอะไรมาบ้าง ?

           ดร.กนกวรรณ : กำกับการดูแลสำนักงานการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ที่เรียกว่า สช. แล้วก็ กศน. และสำนักงานกิจการลูกเสือแห่งชาติค่ะ

- วันนั้นบู๊มาก คิดยังไง ?

           ดร.กนกวรรณ : ดิฉันเห็นสถานการณ์ในห้อง และก่อนไปส่งที่ปรึกษาตามที่ได้เรียนผู้ปกครองไปแล้วว่าจะไม่ได้ปล่อยแค่เพียงข้าราชการประจำ แต่ต้องมีผู้แทนรัฐมนตรีไปดูแลทุกขั้นตอน เพื่อให้ผู้ปกครองสบายใจว่าเรารับปากแล้วเราทำค่ะ พอได้รับรายงานมา ดิฉันก็อยู่ใน ครม. พอเห็นก็คิดว่าต้องไปแล้ว เพราะดูสถานการณ์ต้องไปด้วยตนเอง เลยตัดสินใจไปโรงเรียน เพราะสิ่งที่ได้เห็นตลอดคือโรงเรียนไม่มีความจริงใจ ไม่ได้ส่งผู้มีอำนาจตัดสินใจ แล้วไม่ดำเนินการ ไม่ให้ความสำคัญ ดูสถานการณ์แล้วผู้ปกครองไม่สบายใจมาก ๆ เลยคิดว่าเป็นความจำเป็นเร่งด่วนค่ะ

เปิดใจ รมช. กนกวรรณ

- ดูตรงไหนว่าโรงเรียนไม่จริงใจ ?

           ดร.กนกวรรณ : ส่งผู้แทนมา แล้วตอบอะไรผู้ปกครองไม่ได้ชัดเจนเลย เปลี่ยนคนให้มาติดต่อกับผู้ปกครอง นั่นแหละค่ะคือความไม่จริงใจ

- วันนั้นรัฐมนตรีเรียกหาจดหมายแต่งตั้ง ทำไมเรียกหาสิ่งนั้น ?

           ดร.กนกวรรณ :
จะได้บอกชัดเจนเป็นเอกสารยืนยันตัวตนว่าเขามีอำนาจจริง ๆ ได้รับมอบมาจากผู้มีอำนาจค่ะ

- เรียกหาเอกสารที่ให้เลขาธิการบอกว่าไปดูเอกสารเดี๋ยวนี้ คาดการณ์จะเห็นเอกสารอะไร ?

           ดร.กนกวรรณ : เขามอบมาจริงหรือไม่ แล้วในห้องที่มีการเก็บธุรการในฐานะที่ถามเลขาฯ กช. ว่าท่านเป็นพนักงานตามหน้าที่เลยใช่ไหม ท่านก็มีหน้าที่ทำให้ผู้ปกครองสบายใจสิ ตอนนี้มีเจ้าหน้าที่อยู่กี่คน ไปดำเนินการในห้องดูเอกสารอย่างไร ใบประกอบวิชาชีพครู และเอกสารที่เกี่ยวข้องที่เราต้องรู้หน้าที่ว่าเรามาทำอะไร

- ทำไมต้องเอาตำรวจไปด้วย ?

           ดร.กนกวรรณ : ต้องบอกว่าติดต่อกันมาต่อเนื่อง ตั้งแต่ผู้ปกครองไม่มีความมั่นใจ ดิฉันไปหาผู้ปกครองด้วยตนเอง ไม่ได้ผ่านภาครัฐนะคะ ติดต่อโดยทีมงานตนเอง และต้องใส่ใจในความรู้สึก ลูกเขาโดนกระทำขนาดนั้น ดิฉันเป็นแม่ก็ทนไม่ได้ ในฐานะกำกับดูแลราชการ เขาอาจมีวันหยุด แต่เรื่องอย่างนี้หยุดไม่ได้ ต้อง 24 ชม. ยิ่งเป็นรัฐมนตรี ทุกวินาทีคือลมหายใจของประชาชน ความรับผิดชอบต้องไม่มีวันหยุดค่ะ

เปิดใจ รมช. กนกวรรณ

- ทางเจ้าของโรงเรียนบอกว่าเขาเลือกครูบาอาจารย์ที่หน้าตาและต้องไปดูแลสุขภาพด้วยการขูดหินปูน รู้สึกยังไงกับคำแถลงการณ์แบบนี้ ?

           ดร.กนกวรรณ : สิ่งที่ท่านพูดรับไม่ได้หรอกค่ะ ทั้งสังคมที่ปรากฏ และดิฉันเองคงไม่ต้องไปตัดสินแล้ว หลังรับฟังที่ท่านพูด ท่านเป็นผู้ใหญ่ ดิฉันไหว้ท่านก่อน แต่สิ่งที่ท่านแสดงออก และคำพูดของท่าน ท่านไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่น่านับถือ และไม่มีความสง่างาม ไม่เหมาะสมที่จะจัดการศึกษา การที่ดิฉันได้มอบหมายให้เลขาธิการ กช. ประสานงานเชิญผู้มีอำนาจมาหารือกัน มาหามาตรการที่เหมาะสม การประสานงานก็เป็นลูกชายกับลูกสาวมา ดิฉันก็ถามว่าคนที่มาต้องมีอำนาจถูกต้องมานะ มาแล้วเราต้องเดินหน้า ต้องมีคำตอบ ให้คนทั้งประเทศรับทราบรับรู้ จะมาแบบว่างเปล่าไม่ได้

           ช่วงบ่ายวันนั้น มีผู้ปกครองมาเป็นจำนวนมาก แม้แต่ผู้ปกครองที่ไม่มีลูกเรียนอยู่ในห้องนั้นก็มีความวิตกกังวล ดิฉันก็แก้สถานการณ์เอากระดาษเอสี่ ปากกามาหลาย ๆ ด้าม ผู้ปกครองมีข้อสงสัย หรืออยากให้โรงเรียนปรับปรุงอะไรให้เขียนเลย ลงลายมือชื่อพร้อมเบอร์โทรศัพท์ ดิฉันรวบรวม ถ่ายเอกสารเองและมอบให้โรงเรียนไป 1 ชุด และมีฝ่ายกฎหมายทางโรงเรียน มีตัวแทน กช. และทีมงานดิฉันโดยตรง ไม่มอบ กช. อย่างเดียว ถือคนละชุด เอกสารนั้นก็บอกว่าการบ้านคุณต้องกลับไปทำ ไปเจรจามาเลยนะว่าสิ่งใดที่จะทำได้เลย พรุ่งนี้ต้องบันทึกข้อตกลง สิ่งใดที่จะขอรอ คุณก็บอกว่าอะไรต้องรอ ต้องพร้อมแถลง

- มีอยู่ประเด็นหนึ่ง หลายคนฟังแล้วตกใจ มาเพราะอยากได้เงินใช่ไหม รู้สึกยังไง ?

           ดร.กนกวรรณ : ท่านพูดไม่ถูก ดิฉันคิดว่าเป็นคำพูดไม่ให้เกียรติผู้ปกครอง ไม่ต้องมองเคสนี้ ถ้าเราทำผิดแล้วเรามีฐานะที่ดีกว่า เราต้องมีมนุษยธรรม แสดงน้ำใจก่อน แล้วเขาเป็นเจ้าของ ทำไมไม่มีน้ำใจ ต้องแสดงน้ำใจ เราคนไทยต้องแสดงน้ำใจก่อน ดิฉันคิดว่าเป็นความอัดอั้น เหมือนที่เคยเกิดกรณีต่าง ๆ ในสังคม เรียกเงินไป แต่จริง ๆ ไม่ได้อยากได้หรอก เอาเงินไปบริจาคหมด มันเหมือนเมื่อถูกกระทำแบบนี้ก็สมควรต้องเรียกไปก่อน

- ท่านบอกว่าตัวท่านเป็นครูตั้งแต่ 18 ไม่มีใบอนุญาตเลย ?

           ดร.กนกวรรณ : ใบประกอบวิชาชีพเกิดทีหลัง แต่วิญญาณความเป็นครู คนที่ต้องมีจิตสำนึกและมีหัวใจ มีจิตวิญญาณสำคัญกว่า ใบประกอบวิชาชีพถ้ามีแล้วประพฤติไม่ดี ก็ไม่ได้บ่งบอกว่าคุณมีคุณลักษณะความเป็นครูของแผ่นดิน ที่จะให้คนเคารพกราบไหว้หรอกค่ะ

เปิดใจ รมช. กนกวรรณ

- ของเขา 400 กว่าคน มีใบประกอบวิชาชีพไม่ถึง 100 คน ทำอะไรได้บ้าง ?

           ดร.กนกวรรณ : ดิฉันได้เรียนยืนยันพี่น้องประชาชนและผู้ปกครองไป เลขาธิการคุรุสภาพร้อมเจ้าหน้าที่ก็ไปแจ้ง มอบให้ฝ่ายกฎหมายไปแจ้งความร้องโทษกล่าวทุกข์แล้ว ถ้าเกิดเจอพบใหม่อีก ซึ่งทางตำรวจผู้กำกับ สภ.ชัยพฤกษ์ ตอนนี้ฮาร์ดดิสก์อยู่ที่ท่าน แล้วทางตำรวจให้ความร่วมมือ อำนวยความสะดวกให้ผู้ปกครองอย่างมาก ผู้ปกครองท่านไหนอยากไปท่านให้เบอร์เลยค่ะ ไปพบประสานงานได้เลย อำนวยความสะดวกให้นั่งดู ถ้าเกิดเหตุแบบนี้อีกพร้อมดำเนินคดีให้เลย

- ผ่านมาหลายวัน กรณีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กระทรวงศึกษาจะจัดการยังไง ?

           ดร.กนกวรรณ : วันนี้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการท่านใหม่รับตำแหน่ง แต่อยู่ด้วยกันตั้งแต่เมื่อวาน ทำเรื่องและปรึกษาหารือในส่วนข้าราชการ ข้อกฎหมาย และระเบียบข้าราชการ เรามารวบรวมความคิด แน่นอนยืนยันอีกอย่างเพื่อไม่ให้เกิดว่าเอาอีกแล้ว กระทรวงศึกษาธิการคุยกันเองกับทางโรงเรียน กระทรวงสาธารณสุขมาด้วยค่ะ วันแรกที่ดิฉันเชิญปลัดกระทรวง ท่านอนุทิน รองนายกฯ ท่านรัฐมนตรีท่านสั่งไว้แล้วว่าเรารัฐบาล ทำงานควบคู่กัน ท่านนายกฯ ห่วงใย ท่านไลน์มาบอกว่าทำดีแล้ว ทำต่อไป ทำให้ดีที่สุด โอ้โห รัฐมนตรีว่าการก็ห่วงใย ท่านก็ลงไปที่โรงเรียนเอง คุณหญิงกัลยาก็ให้กำลังใจ ทำดีแล้ว พวกเราทำงานโดยภาพรวม 2 กระทรวงเราร่วมกัน เราเยียวยาจิตใจก่อนค่ะ เราไม่ได้รอให้โรงเรียนจัดการเลย ให้ผู้ปกครอง สังคมได้เห็น เชิญมาทั้งตำรวจ ว่าคดีไปถึงไหน เชิญมาทั้งกระทรวงสาธารณสุข ที่เกี่ยวข้องจิตใจ ทิศทางจะเป็นยังไง ก็เข้าไปในโรงเรียนเรียบร้อย

- มาตรการต่าง ๆ มีอยู่อย่างหนึ่ง เขาบอกว่าคนไม่มีใบอนุญาตไม่ใช่ครู เป็นแค่พี่เลี้ยง แต่รัฐมนตรีบอกว่าไม่มีคำนี้ในสารบบ ?

           ดร.กนกวรรณ : คำว่าครูพี่เลี้ยงเป็นคำพูดที่เรียกกันไปเองค่ะ แต่ก็ถือว่ามีความผิด คนที่จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่อย่างนี้ได้ต้องขออนุญาตค่ะ โรงเรียนมีหน้าที่ต้องยื่นขอต่อคุรุสภา โรงเรียนมีความผิดค่ะ

- ผิดขนาดนี้ กระทรวงศึกษาธิการมีอำนาจสั่งปิดโรงเรียนไหม ?


           ดร.กนกวรรณ : ในขั้นตอนจะมีระบบของมันค่ะ เรื่องมาตรการต่าง ๆ อะไรก็ตาม เราคิดถึงผู้เรียนก่อน สงสารเด็ก ถ้าเราจะจัดการอะไรปึ๊บปั๊บคงไม่ ณ เวลานี้ปลัดกระทรวงเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรันทรูกันเลยว่าเราจะดำเนินการแบบนี้ แล้วเรียกตรงตามที่มอบหมายว่าหาที่เรียนก่อน ดูว่าโรงเรียนแวดล้อม หลักสูตรตรงกัน แล้วดูว่าจำนวนนักเรียนแต่ละที่เป็นอย่างไร เพราะจริง ๆ แล้วการขออนุมัติหลักสูตรที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษพิเศษแบบนี้ ต้องขออนุมัติมายังท่านรัฐมนตรีว่าการเป็นคนเซ็น แต่ดูแล้วโรงเรียนทำเกิน นี่ก็ผิดอีก เราต้องไปดูว่าโรงเรียนที่อยู่ใกล้เคียงจำนวนต่อห้องเป็นยังไง ถ้าตามมาตรฐานเราจะไปกระจาย ขอแก้ไขเป็นกรณีพิเศษ

- โรงเรียนโดยรอบที่มีหลักสูตรคล้ายคลึงกัน พอจะรองรับเด็ก 3,800 ไหม ?


           ดร.กนกวรรณ : คิดว่าต้องมีค่ะ เพราะโรงเรียนเอกชนในระยะ 10 กม. ผู้ปกครองส่วนหนึ่งเขามีในใจแล้วว่าจะไปที่ไหน เขาเตรียมการของเขาเอง เป็นความพึงพอใจ เขาก็อยากไปเห็นโรงเรียนเอง ไปเจรจาเอง เพื่อความมั่นใจ

- การดำเนินการด้านกฎหมาย กระทรวงศึกษาฯ ก็ดี คุรุสภาก็ดี ดำเนินการเป็นคดีอะไรไปบ้าง ?

           ดร.กนกวรรณ : ส่วนหนึ่งถ้าคดีอาญาเฉพาะคน ตำรวจก็ว่าไป และคดีอาญาเรื่องผู้ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และผู้ที่ไม่มีความชอบธรรมที่จะไปทำการสอน ก็ดำเนินคดีอาญา คุรุสภาเป็นผู้แจ้ง สิ่งใดที่จะดำเนินการโดยปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีความผิดก็ดำเนินการต่อเนื่อง ดูแล้วต้องฟ้องร้องกันแน่นอนค่ะ

- มีชายชุดดำปรากฏที่หน้าโรงเรียน รู้เรื่องนี้ไหม ?

           ดร.กนกวรรณ : ได้แจ้งตำรวจให้ไปสอดส่องดูค่ะ ก็ไม่แน่ใจว่ามีจริง ได้ยินแบบข่าว ก็ประสานงานขอความร่วมมือไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ท่านผู้กำกับบอกว่าไม่ต้องห่วง สถานการณ์เรามีตำรวจคอยดูแลทุกเรื่อง ไม่ต้องไปพูดอะไรกันมาก ท่านรับไปตั้งแต่แรก พอมีสถานการณ์ก็รายงานกันไป ถ้าข่าวลือจะสร้างความไม่สบายใจให้สังคม ดังนั้นคำพูดดิฉันก็ต้องระมัดระวังให้แน่ใจก่อน

- บางคนบอกว่าเรื่องเกิดมา 20 ปีแล้ว เขามี 40 โรงเรียน ถูกร้องเรียนตั้ง 30 โรงเรียน เรื่องก็เงียบหายไป ถ้าไม่มีเรื่องครูจุ๋ม เรื่องราวเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น อันนี้จะอธิบายยังไง ?


           ดร.กนกวรรณ : ตั้งแต่ดิฉันมารับตำแหน่ง เราให้ความสำคัญกับการรับฟังปัญหา ดิฉันลงพื้นที่ครบ 77 จังหวัด ไปดูงานที่กำกับดูแล สิ่งที่รับฟังคือน้ำต้องไม่เต็มแก้ว เราไม่ใช่ผู้รู้ เราต้องเป็นผู้รับฟัง และดิฉันเน้นเรื่องการทำประชาพิจารณ์ ลงไปรับฟังความคิดเห็นจากเด็ก ๆ ลูก ๆ ของเยาวชน เมื่อประเด็นอย่างนี้มา ให้ความสำคัญ อะไรที่เป็นปัญหาเราก็ไล่เรียงกันไป สิ่งที่เราได้เห็นคือ พ.ร.บ.การศึกษาเอกชน และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง พ.ร.บ. ต้องยึดโยงกฎหมายหลัก สิ่งใดที่แก้ไขปรับปรุงได้ต้องแก้ไขและปรับปรุงให้แก้ไขกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป หลายอย่างมีการแก้ไขระเบียบมาก่อนหน้านี้ ยิ่งมีสถานการณ์วิกฤตแบบนี้ถือเป็นโอกาสแบบหนี่งที่จะแก้ไขให้เกิดสิ่งที่เหมาะสม บังคับใช้กฎหมายและป้องปรามสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตค่ะ


เปิดใจ รมช. กนกวรรณ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดใจ รมช. กนกวรรณ ปมฉะ ปธ.สารสาสน์ สุดอึ้ง รร. ในเครือ โดนร้องเกือบ 30 แห่ง !? อัปเดตล่าสุด 2 ตุลาคม 2563 เวลา 11:27:52 15,132 อ่าน
TOP