เปิดใจ ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช. สายบู๊ เปิดศึกฟาดปาก ปธ.สารสาสน์ อึ้งโรงเรียนในเครือถูกร้องเรียนร่วม 30 แห่ง เผยเหตุไปบู๊เอง เพราะเห็นโรงเรียนไม่มีความจริงใจ

วันที่ 1 ตุลาคม 2563 รายการ "เรื่องลับมาก (no censor)" ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.20-15.00 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 "ดร.เสรี วงษ์มณฑา" เปิดใจสัมภาษณ์ "ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ตอนนี้มีชื่อเสียงขึ้นมาข้ามคืน จากกรณีครูโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ทำร้ายร่างกายนักเรียนเด็กอนุบาลจนเป็นข่าวฮือฮา โดยได้ฉะประธานเครือสารสาสน์ ด้วยวาทะ "ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่น่านับถือ" จนถูกใจทั้งโซเชียล
- ตอนนี้เป็นซูเปอร์สตาร์ไปแล้ว คนรู้จักทั่วประเทศ รู้สึกยังไง ?
ดร.กนกวรรณ : ยิ่งรู้สึกว่าต้องทำงานให้ประชาชนไว้วางใจให้มากที่สุด ทุกวินาทีต้องทำให้มีความก้าวหน้าและให้เกิดสิ่งที่เป็นผลสัมฤทธิ์ ลูกหลานคนไทยต้องได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด
![เปิดใจ รมช. กนกวรรณ เปิดใจ รมช. กนกวรรณ]()
- การกระทำวันนั้น เขาให้สิบเต็มสิบ กดดันไหม ?
ดร.กนกวรรณ : ก็ไม่นึกว่าจะเป็นลักษณะนั้น ทำด้วยหน้าที่และหัวใจของความเป็นแม่ มาในลักษณะนี้คาดว่าประชาชน ผู้ปกครอง คาดหวัง ต้องทำให้ดีที่สุด
- ได้งานอะไรมาบ้าง ?
ดร.กนกวรรณ : กำกับการดูแลสำนักงานการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ที่เรียกว่า สช. แล้วก็ กศน. และสำนักงานกิจการลูกเสือแห่งชาติค่ะ
- วันนั้นบู๊มาก คิดยังไง ?
ดร.กนกวรรณ : ดิฉันเห็นสถานการณ์ในห้อง และก่อนไปส่งที่ปรึกษาตามที่ได้เรียนผู้ปกครองไปแล้วว่าจะไม่ได้ปล่อยแค่เพียงข้าราชการประจำ แต่ต้องมีผู้แทนรัฐมนตรีไปดูแลทุกขั้นตอน เพื่อให้ผู้ปกครองสบายใจว่าเรารับปากแล้วเราทำค่ะ พอได้รับรายงานมา ดิฉันก็อยู่ใน ครม. พอเห็นก็คิดว่าต้องไปแล้ว เพราะดูสถานการณ์ต้องไปด้วยตนเอง เลยตัดสินใจไปโรงเรียน เพราะสิ่งที่ได้เห็นตลอดคือโรงเรียนไม่มีความจริงใจ ไม่ได้ส่งผู้มีอำนาจตัดสินใจ แล้วไม่ดำเนินการ ไม่ให้ความสำคัญ ดูสถานการณ์แล้วผู้ปกครองไม่สบายใจมาก ๆ เลยคิดว่าเป็นความจำเป็นเร่งด่วนค่ะ
- ดูตรงไหนว่าโรงเรียนไม่จริงใจ ?
ดร.กนกวรรณ : ส่งผู้แทนมา แล้วตอบอะไรผู้ปกครองไม่ได้ชัดเจนเลย เปลี่ยนคนให้มาติดต่อกับผู้ปกครอง นั่นแหละค่ะคือความไม่จริงใจ
- วันนั้นรัฐมนตรีเรียกหาจดหมายแต่งตั้ง ทำไมเรียกหาสิ่งนั้น ?
ดร.กนกวรรณ : จะได้บอกชัดเจนเป็นเอกสารยืนยันตัวตนว่าเขามีอำนาจจริง ๆ ได้รับมอบมาจากผู้มีอำนาจค่ะ
- เรียกหาเอกสารที่ให้เลขาธิการบอกว่าไปดูเอกสารเดี๋ยวนี้ คาดการณ์จะเห็นเอกสารอะไร ?
ดร.กนกวรรณ : เขามอบมาจริงหรือไม่ แล้วในห้องที่มีการเก็บธุรการในฐานะที่ถามเลขาฯ กช. ว่าท่านเป็นพนักงานตามหน้าที่เลยใช่ไหม ท่านก็มีหน้าที่ทำให้ผู้ปกครองสบายใจสิ ตอนนี้มีเจ้าหน้าที่อยู่กี่คน ไปดำเนินการในห้องดูเอกสารอย่างไร ใบประกอบวิชาชีพครู และเอกสารที่เกี่ยวข้องที่เราต้องรู้หน้าที่ว่าเรามาทำอะไร
- ทำไมต้องเอาตำรวจไปด้วย ?
ดร.กนกวรรณ : ต้องบอกว่าติดต่อกันมาต่อเนื่อง ตั้งแต่ผู้ปกครองไม่มีความมั่นใจ ดิฉันไปหาผู้ปกครองด้วยตนเอง ไม่ได้ผ่านภาครัฐนะคะ ติดต่อโดยทีมงานตนเอง และต้องใส่ใจในความรู้สึก ลูกเขาโดนกระทำขนาดนั้น ดิฉันเป็นแม่ก็ทนไม่ได้ ในฐานะกำกับดูแลราชการ เขาอาจมีวันหยุด แต่เรื่องอย่างนี้หยุดไม่ได้ ต้อง 24 ชม. ยิ่งเป็นรัฐมนตรี ทุกวินาทีคือลมหายใจของประชาชน ความรับผิดชอบต้องไม่มีวันหยุดค่ะ
- ทางเจ้าของโรงเรียนบอกว่าเขาเลือกครูบาอาจารย์ที่หน้าตาและต้องไปดูแลสุขภาพด้วยการขูดหินปูน รู้สึกยังไงกับคำแถลงการณ์แบบนี้ ?
ดร.กนกวรรณ : สิ่งที่ท่านพูดรับไม่ได้หรอกค่ะ ทั้งสังคมที่ปรากฏ และดิฉันเองคงไม่ต้องไปตัดสินแล้ว หลังรับฟังที่ท่านพูด ท่านเป็นผู้ใหญ่ ดิฉันไหว้ท่านก่อน แต่สิ่งที่ท่านแสดงออก และคำพูดของท่าน ท่านไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่น่านับถือ และไม่มีความสง่างาม ไม่เหมาะสมที่จะจัดการศึกษา การที่ดิฉันได้มอบหมายให้เลขาธิการ กช. ประสานงานเชิญผู้มีอำนาจมาหารือกัน มาหามาตรการที่เหมาะสม การประสานงานก็เป็นลูกชายกับลูกสาวมา ดิฉันก็ถามว่าคนที่มาต้องมีอำนาจถูกต้องมานะ มาแล้วเราต้องเดินหน้า ต้องมีคำตอบ ให้คนทั้งประเทศรับทราบรับรู้ จะมาแบบว่างเปล่าไม่ได้
ช่วงบ่ายวันนั้น มีผู้ปกครองมาเป็นจำนวนมาก แม้แต่ผู้ปกครองที่ไม่มีลูกเรียนอยู่ในห้องนั้นก็มีความวิตกกังวล ดิฉันก็แก้สถานการณ์เอากระดาษเอสี่ ปากกามาหลาย ๆ ด้าม ผู้ปกครองมีข้อสงสัย หรืออยากให้โรงเรียนปรับปรุงอะไรให้เขียนเลย ลงลายมือชื่อพร้อมเบอร์โทรศัพท์ ดิฉันรวบรวม ถ่ายเอกสารเองและมอบให้โรงเรียนไป 1 ชุด และมีฝ่ายกฎหมายทางโรงเรียน มีตัวแทน กช. และทีมงานดิฉันโดยตรง ไม่มอบ กช. อย่างเดียว ถือคนละชุด เอกสารนั้นก็บอกว่าการบ้านคุณต้องกลับไปทำ ไปเจรจามาเลยนะว่าสิ่งใดที่จะทำได้เลย พรุ่งนี้ต้องบันทึกข้อตกลง สิ่งใดที่จะขอรอ คุณก็บอกว่าอะไรต้องรอ ต้องพร้อมแถลง
- มีอยู่ประเด็นหนึ่ง หลายคนฟังแล้วตกใจ มาเพราะอยากได้เงินใช่ไหม รู้สึกยังไง ?
ดร.กนกวรรณ : ท่านพูดไม่ถูก ดิฉันคิดว่าเป็นคำพูดไม่ให้เกียรติผู้ปกครอง ไม่ต้องมองเคสนี้ ถ้าเราทำผิดแล้วเรามีฐานะที่ดีกว่า เราต้องมีมนุษยธรรม แสดงน้ำใจก่อน แล้วเขาเป็นเจ้าของ ทำไมไม่มีน้ำใจ ต้องแสดงน้ำใจ เราคนไทยต้องแสดงน้ำใจก่อน ดิฉันคิดว่าเป็นความอัดอั้น เหมือนที่เคยเกิดกรณีต่าง ๆ ในสังคม เรียกเงินไป แต่จริง ๆ ไม่ได้อยากได้หรอก เอาเงินไปบริจาคหมด มันเหมือนเมื่อถูกกระทำแบบนี้ก็สมควรต้องเรียกไปก่อน
- ท่านบอกว่าตัวท่านเป็นครูตั้งแต่ 18 ไม่มีใบอนุญาตเลย ?
ดร.กนกวรรณ : ใบประกอบวิชาชีพเกิดทีหลัง แต่วิญญาณความเป็นครู คนที่ต้องมีจิตสำนึกและมีหัวใจ มีจิตวิญญาณสำคัญกว่า ใบประกอบวิชาชีพถ้ามีแล้วประพฤติไม่ดี ก็ไม่ได้บ่งบอกว่าคุณมีคุณลักษณะความเป็นครูของแผ่นดิน ที่จะให้คนเคารพกราบไหว้หรอกค่ะ
- ของเขา 400 กว่าคน มีใบประกอบวิชาชีพไม่ถึง 100 คน ทำอะไรได้บ้าง ?
ดร.กนกวรรณ : ดิฉันได้เรียนยืนยันพี่น้องประชาชนและผู้ปกครองไป เลขาธิการคุรุสภาพร้อมเจ้าหน้าที่ก็ไปแจ้ง มอบให้ฝ่ายกฎหมายไปแจ้งความร้องโทษกล่าวทุกข์แล้ว ถ้าเกิดเจอพบใหม่อีก ซึ่งทางตำรวจผู้กำกับ สภ.ชัยพฤกษ์ ตอนนี้ฮาร์ดดิสก์อยู่ที่ท่าน แล้วทางตำรวจให้ความร่วมมือ อำนวยความสะดวกให้ผู้ปกครองอย่างมาก ผู้ปกครองท่านไหนอยากไปท่านให้เบอร์เลยค่ะ ไปพบประสานงานได้เลย อำนวยความสะดวกให้นั่งดู ถ้าเกิดเหตุแบบนี้อีกพร้อมดำเนินคดีให้เลย
- ผ่านมาหลายวัน กรณีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กระทรวงศึกษาจะจัดการยังไง ?
ดร.กนกวรรณ : วันนี้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการท่านใหม่รับตำแหน่ง แต่อยู่ด้วยกันตั้งแต่เมื่อวาน ทำเรื่องและปรึกษาหารือในส่วนข้าราชการ ข้อกฎหมาย และระเบียบข้าราชการ เรามารวบรวมความคิด แน่นอนยืนยันอีกอย่างเพื่อไม่ให้เกิดว่าเอาอีกแล้ว กระทรวงศึกษาธิการคุยกันเองกับทางโรงเรียน กระทรวงสาธารณสุขมาด้วยค่ะ วันแรกที่ดิฉันเชิญปลัดกระทรวง ท่านอนุทิน รองนายกฯ ท่านรัฐมนตรีท่านสั่งไว้แล้วว่าเรารัฐบาล ทำงานควบคู่กัน ท่านนายกฯ ห่วงใย ท่านไลน์มาบอกว่าทำดีแล้ว ทำต่อไป ทำให้ดีที่สุด โอ้โห รัฐมนตรีว่าการก็ห่วงใย ท่านก็ลงไปที่โรงเรียนเอง คุณหญิงกัลยาก็ให้กำลังใจ ทำดีแล้ว พวกเราทำงานโดยภาพรวม 2 กระทรวงเราร่วมกัน เราเยียวยาจิตใจก่อนค่ะ เราไม่ได้รอให้โรงเรียนจัดการเลย ให้ผู้ปกครอง สังคมได้เห็น เชิญมาทั้งตำรวจ ว่าคดีไปถึงไหน เชิญมาทั้งกระทรวงสาธารณสุข ที่เกี่ยวข้องจิตใจ ทิศทางจะเป็นยังไง ก็เข้าไปในโรงเรียนเรียบร้อย
- มาตรการต่าง ๆ มีอยู่อย่างหนึ่ง เขาบอกว่าคนไม่มีใบอนุญาตไม่ใช่ครู เป็นแค่พี่เลี้ยง แต่รัฐมนตรีบอกว่าไม่มีคำนี้ในสารบบ ?
ดร.กนกวรรณ : คำว่าครูพี่เลี้ยงเป็นคำพูดที่เรียกกันไปเองค่ะ แต่ก็ถือว่ามีความผิด คนที่จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่อย่างนี้ได้ต้องขออนุญาตค่ะ โรงเรียนมีหน้าที่ต้องยื่นขอต่อคุรุสภา โรงเรียนมีความผิดค่ะ
- ผิดขนาดนี้ กระทรวงศึกษาธิการมีอำนาจสั่งปิดโรงเรียนไหม ?
ดร.กนกวรรณ : ในขั้นตอนจะมีระบบของมันค่ะ เรื่องมาตรการต่าง ๆ อะไรก็ตาม เราคิดถึงผู้เรียนก่อน สงสารเด็ก ถ้าเราจะจัดการอะไรปึ๊บปั๊บคงไม่ ณ เวลานี้ปลัดกระทรวงเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรันทรูกันเลยว่าเราจะดำเนินการแบบนี้ แล้วเรียกตรงตามที่มอบหมายว่าหาที่เรียนก่อน ดูว่าโรงเรียนแวดล้อม หลักสูตรตรงกัน แล้วดูว่าจำนวนนักเรียนแต่ละที่เป็นอย่างไร เพราะจริง ๆ แล้วการขออนุมัติหลักสูตรที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษพิเศษแบบนี้ ต้องขออนุมัติมายังท่านรัฐมนตรีว่าการเป็นคนเซ็น แต่ดูแล้วโรงเรียนทำเกิน นี่ก็ผิดอีก เราต้องไปดูว่าโรงเรียนที่อยู่ใกล้เคียงจำนวนต่อห้องเป็นยังไง ถ้าตามมาตรฐานเราจะไปกระจาย ขอแก้ไขเป็นกรณีพิเศษ
- โรงเรียนโดยรอบที่มีหลักสูตรคล้ายคลึงกัน พอจะรองรับเด็ก 3,800 ไหม ?
ดร.กนกวรรณ : คิดว่าต้องมีค่ะ เพราะโรงเรียนเอกชนในระยะ 10 กม. ผู้ปกครองส่วนหนึ่งเขามีในใจแล้วว่าจะไปที่ไหน เขาเตรียมการของเขาเอง เป็นความพึงพอใจ เขาก็อยากไปเห็นโรงเรียนเอง ไปเจรจาเอง เพื่อความมั่นใจ
- การดำเนินการด้านกฎหมาย กระทรวงศึกษาฯ ก็ดี คุรุสภาก็ดี ดำเนินการเป็นคดีอะไรไปบ้าง ?
ดร.กนกวรรณ : ส่วนหนึ่งถ้าคดีอาญาเฉพาะคน ตำรวจก็ว่าไป และคดีอาญาเรื่องผู้ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และผู้ที่ไม่มีความชอบธรรมที่จะไปทำการสอน ก็ดำเนินคดีอาญา คุรุสภาเป็นผู้แจ้ง สิ่งใดที่จะดำเนินการโดยปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีความผิดก็ดำเนินการต่อเนื่อง ดูแล้วต้องฟ้องร้องกันแน่นอนค่ะ
- มีชายชุดดำปรากฏที่หน้าโรงเรียน รู้เรื่องนี้ไหม ?
ดร.กนกวรรณ : ได้แจ้งตำรวจให้ไปสอดส่องดูค่ะ ก็ไม่แน่ใจว่ามีจริง ได้ยินแบบข่าว ก็ประสานงานขอความร่วมมือไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ท่านผู้กำกับบอกว่าไม่ต้องห่วง สถานการณ์เรามีตำรวจคอยดูแลทุกเรื่อง ไม่ต้องไปพูดอะไรกันมาก ท่านรับไปตั้งแต่แรก พอมีสถานการณ์ก็รายงานกันไป ถ้าข่าวลือจะสร้างความไม่สบายใจให้สังคม ดังนั้นคำพูดดิฉันก็ต้องระมัดระวังให้แน่ใจก่อน
- บางคนบอกว่าเรื่องเกิดมา 20 ปีแล้ว เขามี 40 โรงเรียน ถูกร้องเรียนตั้ง 30 โรงเรียน เรื่องก็เงียบหายไป ถ้าไม่มีเรื่องครูจุ๋ม เรื่องราวเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น อันนี้จะอธิบายยังไง ?
ดร.กนกวรรณ : ตั้งแต่ดิฉันมารับตำแหน่ง เราให้ความสำคัญกับการรับฟังปัญหา ดิฉันลงพื้นที่ครบ 77 จังหวัด ไปดูงานที่กำกับดูแล สิ่งที่รับฟังคือน้ำต้องไม่เต็มแก้ว เราไม่ใช่ผู้รู้ เราต้องเป็นผู้รับฟัง และดิฉันเน้นเรื่องการทำประชาพิจารณ์ ลงไปรับฟังความคิดเห็นจากเด็ก ๆ ลูก ๆ ของเยาวชน เมื่อประเด็นอย่างนี้มา ให้ความสำคัญ อะไรที่เป็นปัญหาเราก็ไล่เรียงกันไป สิ่งที่เราได้เห็นคือ พ.ร.บ.การศึกษาเอกชน และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง พ.ร.บ. ต้องยึดโยงกฎหมายหลัก สิ่งใดที่แก้ไขปรับปรุงได้ต้องแก้ไขและปรับปรุงให้แก้ไขกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป หลายอย่างมีการแก้ไขระเบียบมาก่อนหน้านี้ ยิ่งมีสถานการณ์วิกฤตแบบนี้ถือเป็นโอกาสแบบหนี่งที่จะแก้ไขให้เกิดสิ่งที่เหมาะสม บังคับใช้กฎหมายและป้องปรามสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตค่ะ
![เปิดใจ รมช. กนกวรรณ เปิดใจ รมช. กนกวรรณ]()


วันที่ 1 ตุลาคม 2563 รายการ "เรื่องลับมาก (no censor)" ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.20-15.00 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 "ดร.เสรี วงษ์มณฑา" เปิดใจสัมภาษณ์ "ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ตอนนี้มีชื่อเสียงขึ้นมาข้ามคืน จากกรณีครูโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ทำร้ายร่างกายนักเรียนเด็กอนุบาลจนเป็นข่าวฮือฮา โดยได้ฉะประธานเครือสารสาสน์ ด้วยวาทะ "ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่น่านับถือ" จนถูกใจทั้งโซเชียล
- ตอนนี้เป็นซูเปอร์สตาร์ไปแล้ว คนรู้จักทั่วประเทศ รู้สึกยังไง ?
ดร.กนกวรรณ : ยิ่งรู้สึกว่าต้องทำงานให้ประชาชนไว้วางใจให้มากที่สุด ทุกวินาทีต้องทำให้มีความก้าวหน้าและให้เกิดสิ่งที่เป็นผลสัมฤทธิ์ ลูกหลานคนไทยต้องได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด

- การกระทำวันนั้น เขาให้สิบเต็มสิบ กดดันไหม ?
ดร.กนกวรรณ : ก็ไม่นึกว่าจะเป็นลักษณะนั้น ทำด้วยหน้าที่และหัวใจของความเป็นแม่ มาในลักษณะนี้คาดว่าประชาชน ผู้ปกครอง คาดหวัง ต้องทำให้ดีที่สุด
- ได้งานอะไรมาบ้าง ?
ดร.กนกวรรณ : กำกับการดูแลสำนักงานการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ที่เรียกว่า สช. แล้วก็ กศน. และสำนักงานกิจการลูกเสือแห่งชาติค่ะ
- วันนั้นบู๊มาก คิดยังไง ?
ดร.กนกวรรณ : ดิฉันเห็นสถานการณ์ในห้อง และก่อนไปส่งที่ปรึกษาตามที่ได้เรียนผู้ปกครองไปแล้วว่าจะไม่ได้ปล่อยแค่เพียงข้าราชการประจำ แต่ต้องมีผู้แทนรัฐมนตรีไปดูแลทุกขั้นตอน เพื่อให้ผู้ปกครองสบายใจว่าเรารับปากแล้วเราทำค่ะ พอได้รับรายงานมา ดิฉันก็อยู่ใน ครม. พอเห็นก็คิดว่าต้องไปแล้ว เพราะดูสถานการณ์ต้องไปด้วยตนเอง เลยตัดสินใจไปโรงเรียน เพราะสิ่งที่ได้เห็นตลอดคือโรงเรียนไม่มีความจริงใจ ไม่ได้ส่งผู้มีอำนาจตัดสินใจ แล้วไม่ดำเนินการ ไม่ให้ความสำคัญ ดูสถานการณ์แล้วผู้ปกครองไม่สบายใจมาก ๆ เลยคิดว่าเป็นความจำเป็นเร่งด่วนค่ะ

- ดูตรงไหนว่าโรงเรียนไม่จริงใจ ?
ดร.กนกวรรณ : ส่งผู้แทนมา แล้วตอบอะไรผู้ปกครองไม่ได้ชัดเจนเลย เปลี่ยนคนให้มาติดต่อกับผู้ปกครอง นั่นแหละค่ะคือความไม่จริงใจ
- วันนั้นรัฐมนตรีเรียกหาจดหมายแต่งตั้ง ทำไมเรียกหาสิ่งนั้น ?
ดร.กนกวรรณ : จะได้บอกชัดเจนเป็นเอกสารยืนยันตัวตนว่าเขามีอำนาจจริง ๆ ได้รับมอบมาจากผู้มีอำนาจค่ะ
- เรียกหาเอกสารที่ให้เลขาธิการบอกว่าไปดูเอกสารเดี๋ยวนี้ คาดการณ์จะเห็นเอกสารอะไร ?
ดร.กนกวรรณ : เขามอบมาจริงหรือไม่ แล้วในห้องที่มีการเก็บธุรการในฐานะที่ถามเลขาฯ กช. ว่าท่านเป็นพนักงานตามหน้าที่เลยใช่ไหม ท่านก็มีหน้าที่ทำให้ผู้ปกครองสบายใจสิ ตอนนี้มีเจ้าหน้าที่อยู่กี่คน ไปดำเนินการในห้องดูเอกสารอย่างไร ใบประกอบวิชาชีพครู และเอกสารที่เกี่ยวข้องที่เราต้องรู้หน้าที่ว่าเรามาทำอะไร
- ทำไมต้องเอาตำรวจไปด้วย ?
ดร.กนกวรรณ : ต้องบอกว่าติดต่อกันมาต่อเนื่อง ตั้งแต่ผู้ปกครองไม่มีความมั่นใจ ดิฉันไปหาผู้ปกครองด้วยตนเอง ไม่ได้ผ่านภาครัฐนะคะ ติดต่อโดยทีมงานตนเอง และต้องใส่ใจในความรู้สึก ลูกเขาโดนกระทำขนาดนั้น ดิฉันเป็นแม่ก็ทนไม่ได้ ในฐานะกำกับดูแลราชการ เขาอาจมีวันหยุด แต่เรื่องอย่างนี้หยุดไม่ได้ ต้อง 24 ชม. ยิ่งเป็นรัฐมนตรี ทุกวินาทีคือลมหายใจของประชาชน ความรับผิดชอบต้องไม่มีวันหยุดค่ะ

- ทางเจ้าของโรงเรียนบอกว่าเขาเลือกครูบาอาจารย์ที่หน้าตาและต้องไปดูแลสุขภาพด้วยการขูดหินปูน รู้สึกยังไงกับคำแถลงการณ์แบบนี้ ?
ดร.กนกวรรณ : สิ่งที่ท่านพูดรับไม่ได้หรอกค่ะ ทั้งสังคมที่ปรากฏ และดิฉันเองคงไม่ต้องไปตัดสินแล้ว หลังรับฟังที่ท่านพูด ท่านเป็นผู้ใหญ่ ดิฉันไหว้ท่านก่อน แต่สิ่งที่ท่านแสดงออก และคำพูดของท่าน ท่านไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่น่านับถือ และไม่มีความสง่างาม ไม่เหมาะสมที่จะจัดการศึกษา การที่ดิฉันได้มอบหมายให้เลขาธิการ กช. ประสานงานเชิญผู้มีอำนาจมาหารือกัน มาหามาตรการที่เหมาะสม การประสานงานก็เป็นลูกชายกับลูกสาวมา ดิฉันก็ถามว่าคนที่มาต้องมีอำนาจถูกต้องมานะ มาแล้วเราต้องเดินหน้า ต้องมีคำตอบ ให้คนทั้งประเทศรับทราบรับรู้ จะมาแบบว่างเปล่าไม่ได้
ช่วงบ่ายวันนั้น มีผู้ปกครองมาเป็นจำนวนมาก แม้แต่ผู้ปกครองที่ไม่มีลูกเรียนอยู่ในห้องนั้นก็มีความวิตกกังวล ดิฉันก็แก้สถานการณ์เอากระดาษเอสี่ ปากกามาหลาย ๆ ด้าม ผู้ปกครองมีข้อสงสัย หรืออยากให้โรงเรียนปรับปรุงอะไรให้เขียนเลย ลงลายมือชื่อพร้อมเบอร์โทรศัพท์ ดิฉันรวบรวม ถ่ายเอกสารเองและมอบให้โรงเรียนไป 1 ชุด และมีฝ่ายกฎหมายทางโรงเรียน มีตัวแทน กช. และทีมงานดิฉันโดยตรง ไม่มอบ กช. อย่างเดียว ถือคนละชุด เอกสารนั้นก็บอกว่าการบ้านคุณต้องกลับไปทำ ไปเจรจามาเลยนะว่าสิ่งใดที่จะทำได้เลย พรุ่งนี้ต้องบันทึกข้อตกลง สิ่งใดที่จะขอรอ คุณก็บอกว่าอะไรต้องรอ ต้องพร้อมแถลง
- มีอยู่ประเด็นหนึ่ง หลายคนฟังแล้วตกใจ มาเพราะอยากได้เงินใช่ไหม รู้สึกยังไง ?
ดร.กนกวรรณ : ท่านพูดไม่ถูก ดิฉันคิดว่าเป็นคำพูดไม่ให้เกียรติผู้ปกครอง ไม่ต้องมองเคสนี้ ถ้าเราทำผิดแล้วเรามีฐานะที่ดีกว่า เราต้องมีมนุษยธรรม แสดงน้ำใจก่อน แล้วเขาเป็นเจ้าของ ทำไมไม่มีน้ำใจ ต้องแสดงน้ำใจ เราคนไทยต้องแสดงน้ำใจก่อน ดิฉันคิดว่าเป็นความอัดอั้น เหมือนที่เคยเกิดกรณีต่าง ๆ ในสังคม เรียกเงินไป แต่จริง ๆ ไม่ได้อยากได้หรอก เอาเงินไปบริจาคหมด มันเหมือนเมื่อถูกกระทำแบบนี้ก็สมควรต้องเรียกไปก่อน
- ท่านบอกว่าตัวท่านเป็นครูตั้งแต่ 18 ไม่มีใบอนุญาตเลย ?
ดร.กนกวรรณ : ใบประกอบวิชาชีพเกิดทีหลัง แต่วิญญาณความเป็นครู คนที่ต้องมีจิตสำนึกและมีหัวใจ มีจิตวิญญาณสำคัญกว่า ใบประกอบวิชาชีพถ้ามีแล้วประพฤติไม่ดี ก็ไม่ได้บ่งบอกว่าคุณมีคุณลักษณะความเป็นครูของแผ่นดิน ที่จะให้คนเคารพกราบไหว้หรอกค่ะ

- ของเขา 400 กว่าคน มีใบประกอบวิชาชีพไม่ถึง 100 คน ทำอะไรได้บ้าง ?
ดร.กนกวรรณ : ดิฉันได้เรียนยืนยันพี่น้องประชาชนและผู้ปกครองไป เลขาธิการคุรุสภาพร้อมเจ้าหน้าที่ก็ไปแจ้ง มอบให้ฝ่ายกฎหมายไปแจ้งความร้องโทษกล่าวทุกข์แล้ว ถ้าเกิดเจอพบใหม่อีก ซึ่งทางตำรวจผู้กำกับ สภ.ชัยพฤกษ์ ตอนนี้ฮาร์ดดิสก์อยู่ที่ท่าน แล้วทางตำรวจให้ความร่วมมือ อำนวยความสะดวกให้ผู้ปกครองอย่างมาก ผู้ปกครองท่านไหนอยากไปท่านให้เบอร์เลยค่ะ ไปพบประสานงานได้เลย อำนวยความสะดวกให้นั่งดู ถ้าเกิดเหตุแบบนี้อีกพร้อมดำเนินคดีให้เลย
- ผ่านมาหลายวัน กรณีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กระทรวงศึกษาจะจัดการยังไง ?
ดร.กนกวรรณ : วันนี้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการท่านใหม่รับตำแหน่ง แต่อยู่ด้วยกันตั้งแต่เมื่อวาน ทำเรื่องและปรึกษาหารือในส่วนข้าราชการ ข้อกฎหมาย และระเบียบข้าราชการ เรามารวบรวมความคิด แน่นอนยืนยันอีกอย่างเพื่อไม่ให้เกิดว่าเอาอีกแล้ว กระทรวงศึกษาธิการคุยกันเองกับทางโรงเรียน กระทรวงสาธารณสุขมาด้วยค่ะ วันแรกที่ดิฉันเชิญปลัดกระทรวง ท่านอนุทิน รองนายกฯ ท่านรัฐมนตรีท่านสั่งไว้แล้วว่าเรารัฐบาล ทำงานควบคู่กัน ท่านนายกฯ ห่วงใย ท่านไลน์มาบอกว่าทำดีแล้ว ทำต่อไป ทำให้ดีที่สุด โอ้โห รัฐมนตรีว่าการก็ห่วงใย ท่านก็ลงไปที่โรงเรียนเอง คุณหญิงกัลยาก็ให้กำลังใจ ทำดีแล้ว พวกเราทำงานโดยภาพรวม 2 กระทรวงเราร่วมกัน เราเยียวยาจิตใจก่อนค่ะ เราไม่ได้รอให้โรงเรียนจัดการเลย ให้ผู้ปกครอง สังคมได้เห็น เชิญมาทั้งตำรวจ ว่าคดีไปถึงไหน เชิญมาทั้งกระทรวงสาธารณสุข ที่เกี่ยวข้องจิตใจ ทิศทางจะเป็นยังไง ก็เข้าไปในโรงเรียนเรียบร้อย
- มาตรการต่าง ๆ มีอยู่อย่างหนึ่ง เขาบอกว่าคนไม่มีใบอนุญาตไม่ใช่ครู เป็นแค่พี่เลี้ยง แต่รัฐมนตรีบอกว่าไม่มีคำนี้ในสารบบ ?
ดร.กนกวรรณ : คำว่าครูพี่เลี้ยงเป็นคำพูดที่เรียกกันไปเองค่ะ แต่ก็ถือว่ามีความผิด คนที่จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่อย่างนี้ได้ต้องขออนุญาตค่ะ โรงเรียนมีหน้าที่ต้องยื่นขอต่อคุรุสภา โรงเรียนมีความผิดค่ะ
- ผิดขนาดนี้ กระทรวงศึกษาธิการมีอำนาจสั่งปิดโรงเรียนไหม ?
ดร.กนกวรรณ : ในขั้นตอนจะมีระบบของมันค่ะ เรื่องมาตรการต่าง ๆ อะไรก็ตาม เราคิดถึงผู้เรียนก่อน สงสารเด็ก ถ้าเราจะจัดการอะไรปึ๊บปั๊บคงไม่ ณ เวลานี้ปลัดกระทรวงเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรันทรูกันเลยว่าเราจะดำเนินการแบบนี้ แล้วเรียกตรงตามที่มอบหมายว่าหาที่เรียนก่อน ดูว่าโรงเรียนแวดล้อม หลักสูตรตรงกัน แล้วดูว่าจำนวนนักเรียนแต่ละที่เป็นอย่างไร เพราะจริง ๆ แล้วการขออนุมัติหลักสูตรที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษพิเศษแบบนี้ ต้องขออนุมัติมายังท่านรัฐมนตรีว่าการเป็นคนเซ็น แต่ดูแล้วโรงเรียนทำเกิน นี่ก็ผิดอีก เราต้องไปดูว่าโรงเรียนที่อยู่ใกล้เคียงจำนวนต่อห้องเป็นยังไง ถ้าตามมาตรฐานเราจะไปกระจาย ขอแก้ไขเป็นกรณีพิเศษ
- โรงเรียนโดยรอบที่มีหลักสูตรคล้ายคลึงกัน พอจะรองรับเด็ก 3,800 ไหม ?
ดร.กนกวรรณ : คิดว่าต้องมีค่ะ เพราะโรงเรียนเอกชนในระยะ 10 กม. ผู้ปกครองส่วนหนึ่งเขามีในใจแล้วว่าจะไปที่ไหน เขาเตรียมการของเขาเอง เป็นความพึงพอใจ เขาก็อยากไปเห็นโรงเรียนเอง ไปเจรจาเอง เพื่อความมั่นใจ
- การดำเนินการด้านกฎหมาย กระทรวงศึกษาฯ ก็ดี คุรุสภาก็ดี ดำเนินการเป็นคดีอะไรไปบ้าง ?
ดร.กนกวรรณ : ส่วนหนึ่งถ้าคดีอาญาเฉพาะคน ตำรวจก็ว่าไป และคดีอาญาเรื่องผู้ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และผู้ที่ไม่มีความชอบธรรมที่จะไปทำการสอน ก็ดำเนินคดีอาญา คุรุสภาเป็นผู้แจ้ง สิ่งใดที่จะดำเนินการโดยปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีความผิดก็ดำเนินการต่อเนื่อง ดูแล้วต้องฟ้องร้องกันแน่นอนค่ะ
- มีชายชุดดำปรากฏที่หน้าโรงเรียน รู้เรื่องนี้ไหม ?
ดร.กนกวรรณ : ได้แจ้งตำรวจให้ไปสอดส่องดูค่ะ ก็ไม่แน่ใจว่ามีจริง ได้ยินแบบข่าว ก็ประสานงานขอความร่วมมือไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ท่านผู้กำกับบอกว่าไม่ต้องห่วง สถานการณ์เรามีตำรวจคอยดูแลทุกเรื่อง ไม่ต้องไปพูดอะไรกันมาก ท่านรับไปตั้งแต่แรก พอมีสถานการณ์ก็รายงานกันไป ถ้าข่าวลือจะสร้างความไม่สบายใจให้สังคม ดังนั้นคำพูดดิฉันก็ต้องระมัดระวังให้แน่ใจก่อน
- บางคนบอกว่าเรื่องเกิดมา 20 ปีแล้ว เขามี 40 โรงเรียน ถูกร้องเรียนตั้ง 30 โรงเรียน เรื่องก็เงียบหายไป ถ้าไม่มีเรื่องครูจุ๋ม เรื่องราวเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น อันนี้จะอธิบายยังไง ?
ดร.กนกวรรณ : ตั้งแต่ดิฉันมารับตำแหน่ง เราให้ความสำคัญกับการรับฟังปัญหา ดิฉันลงพื้นที่ครบ 77 จังหวัด ไปดูงานที่กำกับดูแล สิ่งที่รับฟังคือน้ำต้องไม่เต็มแก้ว เราไม่ใช่ผู้รู้ เราต้องเป็นผู้รับฟัง และดิฉันเน้นเรื่องการทำประชาพิจารณ์ ลงไปรับฟังความคิดเห็นจากเด็ก ๆ ลูก ๆ ของเยาวชน เมื่อประเด็นอย่างนี้มา ให้ความสำคัญ อะไรที่เป็นปัญหาเราก็ไล่เรียงกันไป สิ่งที่เราได้เห็นคือ พ.ร.บ.การศึกษาเอกชน และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง พ.ร.บ. ต้องยึดโยงกฎหมายหลัก สิ่งใดที่แก้ไขปรับปรุงได้ต้องแก้ไขและปรับปรุงให้แก้ไขกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป หลายอย่างมีการแก้ไขระเบียบมาก่อนหน้านี้ ยิ่งมีสถานการณ์วิกฤตแบบนี้ถือเป็นโอกาสแบบหนี่งที่จะแก้ไขให้เกิดสิ่งที่เหมาะสม บังคับใช้กฎหมายและป้องปรามสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตค่ะ
