อานันท์ ปันยารชุน ฝากถึง พล.อ. ประยุทธ์ นายกฯ ได้ยินเสียงผู้ชุมนุมหรือไม่ อ้างกฎหมายไม่จบ เพราะเริ่มต้นผิดมาตลอด 7 ปี มองสันติภาพจะเกิดเมื่อมีความยุติธรรม
วันที่ 29 ตุลาคม 2563 เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาการเมืองในปัจจุบันว่า ที่ผ่านมาพอมีปัญหาทางการเมืองก็มีการรัฐประหาร จากนั้นก็เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ พอเขียนเสร็จก็เลือกตั้งและตั้งรัฐบาล ต่อมาอีก 7-8 ปี ก็วนเวียนกลับมา มันไม่พ้นวงจรนี้ เพราะเป็นเรื่องของการมองผลในระยะสั้น คือความสงบเรียบร้อยจากกฎหมายที่ควบคุม เป็นความสงบที่ผิวเผิน แต่ความสงบที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการบังคับ ไม่ได้มาจากเบื้องบน และไม่ได้มาจากเบื้องล่าง แต่เป็นความสงบที่ทุกฝ่ายพูดคุยกันแล้วยอมรับ ตราบใดที่สังคมไม่มีความยุติธรรม ไม่มีความเสมอภาค มันไม่มีความสงบ อย่างน้อยหากจับเหตุของปัญหาที่ถูกต้อง โอกาสที่เราจะไปสู่สังคมที่มีความยุติธรรมมากขึ้น ความเหลื่อมล้ำน้อย
ความวุ่นวายในปัจจุบันอ่อนดีกรีมากกว่าในอดีต ไม่ว่าจะเป็น 14 ตุลาคม 16 หรือ 6 ตุลาคม 19 ที่เป็นข้อพิพาททางด้านการเมือง ซึ่งทั้ง 2 เหตุการณ์จบด้วยการปะทะกัน ทั้งนี้ การใช้อินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทำให้เกิดปัญหาความไม่เข้าใจเกิดขึ้น ไม่เหมือนพูดคุยกันต่อหน้า จึงต้องเปิดกว้างและรับฟังกันให้มาก สรุปแล้วตนคิดว่าปัญหาของทุกประเทศเป็นเรื่องที่น่าวิตกในเรื่องการสื่อสารสมัยใหม่ จึงเกิดเฟกนิวส์ต่าง ๆ ขึ้น เป็นสิ่งที่ต้องระวังว่าเราจะอ่านหรือจะฟังอะไร เราอย่าเพิ่งไปมีข้อยุติเร็วนักว่าเป็นเพราะเหตุนั้นเหตุนี้ ต้องฟังและพิจารณาอย่างเที่ยงธรรมด้วย และความรุนแรงทางวาจาจะทำให้เกิดความรุนแรงทางกายภาพทันที
ภาพจาก รัฐบาลไทย
ประเด็นเรื่องรัฐธรรมนูญ มีปัญหาคือ เริ่มต้นจากนักกฎหมายไม่ได้เน้นที่ประชาชน มีการหมกเม็ดในเรื่องต่าง ๆ มีผลใช้เมื่อมีกฎหมายลูก โดยให้นักการเมืองเขียน จึงไม่สอดคล้องกับตอนร่าง มองว่าการปรับปรุงรัฐธรรมนูญต้องวางหลักเกณฑ์ว่าควรให้สั้น ไม่ลงรายละเอียดมากเกินไป และต้องดูมาตราที่สร้างปัญหา แน่นอนคือการแต่งตั้ง 250 ส.ว. และให้อำนาจตั้งนายกฯ อันนี้ต้องออกไปแน่ ๆ รวมทั้งมาตรา 112 คุณจะเขียนอย่างไรก็ได้ แต่จะต้องไม่เป็นคดีอาญา คือไม่มีการลงโทษ และเป็นคดีแพ่ง มีค่าปรับเท่านั้น และไม่ใช่ปรับในอัตราที่สูงเกินไป ต้องวางหลักเกณฑ์แน่นอนว่าอยากเห็นอะไร อีกหลายมาตราก็ต้องปรับปรุงกันไป
กรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันว่านายกฯ เป็นตัวปัญหา คนรุ่นใหม่มองว่านายกฯ เป็นคนเดียวที่ปลดล็อกได้ จะเป็นการลาออกหรือไม่ตนไม่ทราบ ก็เป็นสิทธิของท่าน แต่ต้องรู้ว่าเขาเรียกร้องอย่างนั้น ท่าน (นายกฯ) ฟังหรือได้ยินหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ถ้าจะเถียงกับเด็กรุ่นใหม่ โดยอ้างกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ มันไปไม่ถึงไหน เพราะเริ่มต้นมันผิดมาตลอดแล้ว มันผิดมา 7 ปีแล้ว ซึ่งท่านนายกฯ ถามว่าทำอะไรผิด (ถึงต้องลาออก) เป็นการพูดคนละภาษา เด็กพูดภาษาดิจิทัล แต่รัฐบาลยังพูดภาษาอนาล็อก ไม่เคยเจอกันและพูดกันคนละประเด็น ซึ่งมองว่าสังคมโลกพูดกันว่า คุณจะมีสันติภาพไม่ได้ถ้าไม่มีความยุติธรรม และคุณจะไม่มีความยุติธรรมถ้าคุณไม่มีความจริงใจระหว่างกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์ออนไลน์
