พระมหาไพรวัลย์ เผย 3 ข้อสันนิษฐาน ชี้สาเหตุใดพระสงฆ์ไทยต้องโกนคิ้ว หลังโซเชียลแชร์ภาพพระร่วมชุมนุม ชูป้ายประท้วง เอาคิ้วเราคืนมา !
ภาพจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้
จากกรณีเฟซบุ๊กหนึ่งได้มีการเผยภาพถ่ายพระสงฆ์รูปหนึ่งที่เข้าร่วมการชุมนุม โดยมีการถือป้ายกระดาษที่เขียนข้อความว่า "เอาคิ้วเราคืนมา" ซึ่งผู้โพสต์ระบุเห็นด้วย พร้อมระบุว่า การโกนคิ้วไม่มีในพุทธบัญญัติ คณะสงฆ์ไทยคิดเองเออเอง ไม่มีพระสงฆ์ที่ใดในโลกโกนคิ้ว คิ้วมีประโยชน์มาก กันเหงื่อไม่ให้ไหลเข้าตา ร่างกายเราออกแบบมาดีแล้ว สนับสนุนพระสงฆ์ไทยทวงคิ้วคืนมาจากมหาเถรสมาคม
เกี่ยวกับเรื่องนี้ (11 พฤศจิกายน 2563) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ รายงานบทสัมภาษณ์ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ถึงเรื่องนี้ หลังสังคมให้ความสนใจและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ระบุว่า ตามประวัติศาสตร์ การโกนคิ้วมีเฉพาะในพระสงฆ์ไทย ในประเทศอื่น ๆ ที่เป็นเถรวาทเช่นเดียวกัน หรือพระฝ่ายมหายานทุกนิกาย ไม่มีธรรมเนียมการโกนคิ้ว
ข้อสันนิษฐานที่ 2 คือ ในช่วงรัชกาลที่ 4 เกิดเหตุการณ์มีพระยักคิ้วให้สีกา เมื่อเรื่องถึงพระสังฆราช จึงออกกฎให้พระไทยต้องโกนคิ้ว
ข้อสันนิษฐานที่ 3 ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นไปได้ที่สุด คือ ในสมัยอยุธยา ช่วงที่ประเทศไทยรบกับพม่า มีทหารพม่าปลอมตัวเป็นพระเข้ามาเป็นไส้ศึก จึงมีคำสั่งให้พระไทยโกนคิ้ว เพื่อต้องการให้สามารถแยกออกได้ระหว่างพระกับไส้ศึก
ทว่าทั้ง 3 ข้อสันนิษฐานไม่ได้มีหลักฐานยืนยันที่ชัดเจน ซึ่งข้อเรียกร้องนี้เป็นเรื่องที่สามารถคุยกันได้ว่าควรยกเลิกกฎการโกนคิ้วหรือไม่ เพราะเรื่องนี้เป็นกฎที่อยู่นอกเหนือพระวินัย และเป็นเพียงธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดกันมา
ส่วนตัวพระมหาไพรวัลย์ มองว่า พระไม่จำเป็นต้องมีคิ้วก็ได้ เพราะคิ้วถือเป็นส่วนหนึ่งของความสวยความงาม ไม่ได้เป็นปัญหาหากไม่มีคิ้ว แต่ก็ต้องฟังความเห็นกันทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหาข้อสรุปต่อไป