ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย จ่อหารือ รมว.คลัง ขอลดราคาภาษี หากใช้โครงสร้างเดิมอาจต้องปิดโรงงานในปี 2564
ภาพจาก การยาสูบแห่งประเทศไทย
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 ไทยโพสต์ รายงานว่า นายภาณุพล รัตนกาญจนภัทร ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เปิดเผยว่า เตรียมหารือกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในเดือนธันวาคมนี้ ให้พิจารณาโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ใหม่ 2 อัตรา คือ 20% และ 40% ซึ่งหากมีการประกาศใช้โครงสร้างเดิมและจัดเก็บที่อัตราเดียว 40% ในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 จะส่งผลให้ ยสท. ไม่สามารถทำธุรกิจต่อไปได้ และอาจจะต้องปิดโรงงาน ซึ่งปัจจุบัน ยสท. มีกำไรจากการขายบุหรี่ที่อัตราภาษีปัจจุบัน ซองละ 67 สตางค์ต่อซอง ปรับลดลงจาก 7 บาทต่อซอง
1. โครงสร้างภาษีใหม่จะไม่เพียงทำให้ ยสท. อยู่รอดเท่านั้น แต่อุตสาหกรรมบุหรี่และภาคเอกชนจะอยู่รอดทั้งหมด
2. การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจะไม่ลดลง
3. ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เช่น ตัวแทนจำหน่าย เกษตรกรผู้ปลูกใบยา มีรายได้เพิ่มขึ้น
4. กองทุนต่าง ๆ จะได้รับเงินจัดสรรเท่าเดิม เช่น สสส.
5. จะไม่มีคนสูบบุหรี่มากขึ้น
ด้าน เฟซบุ๊ก Drama-addict เผยว่า ตอนที่มีการปรับภาษีสรรพสามิต คนก็คาดการณ์ว่าบุหรี่นอกจะปรับราคา ลดฐานภาษี ทำให้คนหันไปสูบบุหรี่จากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น หรือบางคนก็ซื้อบุหรี่ปลอดภาษีจากชายแดน ซึ่งหมายความว่า คนสูบบุหรี่เท่าเดิม แต่เก็บภาษีได้น้อยลง ซึ่งต้องไปปรับลดราคาภาษีอยู่ดี
ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยโพสต์