เปิดประวัติ นายพลมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด คุมอำนาจ รัฐประหารเมียนมา หรือ ประเทศพม่า เตรียมเกษียณอายุราชการในปีนี้ คนไทยรู้จักในฐานะบุตรชายบุญธรรมของ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์
ภาพ พล.อ.มิน อ่อง หล่าย จาก Ye Aung THU / AFP
วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 กองทัพเมียนมา ก่อการปฏิวัติรัฐประหารเข้ายึดอำนาจ โดยได้ควบคุมตัว นางออง ซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) พร้อมด้วย ประธานาธิบดีวิน มินต์ และแกนนำพรรคทั้งหมด ก่อนจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน 1 ปี และตั้ง มิน ส่วย อดีตนายพล ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีชั่วคราว
ตามรายงานของ บีบีซี ระบุว่า พล.อ.มิน อ่อง หล่าย (Min Aung Hlaing) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมา เป็นผู้นำรัฐประหารในครั้งนี้ โดยเขากำลังจะมีอายุครบ 65 ปี ใน วันที่ 3 กรกฎาคม 2564 ซึ่งตามกฎหมายของเมียนมา ผู้บัญชาการทหารสูงสุดจะต้องเกษียณอายุราชการเมื่ออายุ 65 ปี
ภาพจาก Phyo Hein Kyaw / AFP
ประวัติ มิน อ่อง หล่าย
เฟซบุ๊ก Thai PBS เผยว่า พล.อ.มิน อ่อง หล่าย เกิดที่เมืองทวาย เมื่อปี 2499 ปัจจุบันอายุ 64 ปี ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด เมื่อปี 2554 โดยสืบทอดอำนาจต่อจาก นายพลอาวุโสตาน ฉ่วย
มิน อ่อง หล่าย จบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ย่างกุ้ง จากนั้นศึกษาต่อที่ Defense Service Academy (วิทยาลัยกลาโหม) เข้ารับราชการในกองทัพบกเมื่อปี 2520
มิน อ่อง หล่าย เคยเป็นผู้บัญชาการกองทัพในรัฐมอญ และพื้นที่สามเหลี่ยมในภาคตะวันออกของรัฐฉาน เคยเป็นผู้แทนกองทัพทำหน้าที่เจรจากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยชาติพันธ์ุ และกองกำลังชนกลุ่มน้อยชาติพันธ์ุโกกั้ง
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ มิน อ่อง หล่าย มีบทบาทสำคัญและเป็นที่จับตา คือเป็นผู้นำกองทัพทหารเข้าปราบปราม กองกำลังชนกลุ่มน้อยชาติพันธ์ุโกกั้ง และเขามีจุดยืนชัดเจนว่า กองทัพจำเป็นต้องมีบทบาททางการเมือง
เฟซบุ๊ก Thai PBS เผยว่า พล.อ.มิน อ่อง หล่าย เกิดที่เมืองทวาย เมื่อปี 2499 ปัจจุบันอายุ 64 ปี ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด เมื่อปี 2554 โดยสืบทอดอำนาจต่อจาก นายพลอาวุโสตาน ฉ่วย
มิน อ่อง หล่าย จบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ย่างกุ้ง จากนั้นศึกษาต่อที่ Defense Service Academy (วิทยาลัยกลาโหม) เข้ารับราชการในกองทัพบกเมื่อปี 2520
มิน อ่อง หล่าย เคยเป็นผู้บัญชาการกองทัพในรัฐมอญ และพื้นที่สามเหลี่ยมในภาคตะวันออกของรัฐฉาน เคยเป็นผู้แทนกองทัพทำหน้าที่เจรจากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยชาติพันธ์ุ และกองกำลังชนกลุ่มน้อยชาติพันธ์ุโกกั้ง
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ มิน อ่อง หล่าย มีบทบาทสำคัญและเป็นที่จับตา คือเป็นผู้นำกองทัพทหารเข้าปราบปราม กองกำลังชนกลุ่มน้อยชาติพันธ์ุโกกั้ง และเขามีจุดยืนชัดเจนว่า กองทัพจำเป็นต้องมีบทบาททางการเมือง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Wassana Nanuam
หลายคนได้ยินชื่อของ นายพลมิน อ่อง หล่าย ในฐานะ บุตรชายบุญธรรมของ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งเมื่อครั้ง พล.อ. เปรม ถึงแก่อสัญกรรม ในปี 2562 พล.อ. มิน อ่อง หล่าย ได้เดินทางมาเคารพศพ พล.อ. เปรม ที่พระที่นั่งทรงธรรม วัดเบญจมบพิตรฯ ประเทศไทย
โดยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2562 พล.อ. มิน อ่อง หล่าย เฟซบุ๊ก Wassana Nanuam ได้เผยข้อมูลถึงสาเหตุที่พล.อ. มิน อ่อง หล่าย ขอเป็นบุตรชายบุญธรรมของ พล.อ. เปรม เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ระบุว่า ก่อนหน้านั้น พล.อ. มิน อ่อง หล่าย เคยเห็น พล.อ. เปรม แต่ในข่าว กระทั่งได้มาพบตัวจริงเมื่อปี 2555 ทำให้รู้สึกเหมือคุณพ่อที่ลาจากไปเมื่อปี 2545 จึงขอเป็นลูกบุญธรรม
หลังจากนั้น พล.อ. มิน อ่อง หล่าย ได้มาหา พล.อ. เปรม ที่บ้านสี่เสาเทเวศน์ ทุกปี โดยประทับใจคำสอนและคำพูดต่าง ๆ ของพล.อ. เปรม เกี่ยวกับเรื่องการเมือง ประชาธิปไตยของแต่ละประเทศแตกต่างกันไป เหมาะสมกับประเทศนั้น ๆ และเรื่องตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเกิดของตัวเอง เพราะไม่เช่นนั้นถือว่าทรยศชาติ
