โควิดสะเทือนวงการ แท็กซี่จอดทิ้งร้างเกือบ 50,000 คัน เจ้าของอู่ลั่นอยู่ได้อีก 4 เดือน

 
          สหกรณ์แท็กซี่กระอัก โควิดเล่นงานไม่หยุด โชเฟอร์วิ่งรถไม่คุ้มค่าเช่า ทยอยเลิกขับต่อเนื่อง แม้ลดค่าเช่าลงกว่าครึ่งก็ยังไม่เป็นผล ล่าสุดมีรถจอดไม่ได้ใช้งานกว่า 50,000 คัน วอนรัฐออกมาตรการเยียวยาด่วน

          โดยสาเหตุหลักเกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่สามารถคุมได้ ทำให้ประชาชนเดินทางลดลง ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่กำลังซื้อหดหาย และคู่แข่งรายใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้คนไม่มีเงินมาเช่าแท็กซี่ขับ แม้จะลดค่าเช่าลงจากวันละ 1,000 บาท เหลือ 500 บาท ก็ยังไม่มีคนเช่า ทำให้สหกรณ์แท็กซี่ขาดรายได้เข้ามาหมุนเวียน ขณะที่รายจ่ายยังคงมี ทั้งค่าผ่อนรถที่ยังต้องจ่ายกว่า 2,000 คัน แม้จะขอพักชำระหนี้กับไฟแนนซ์ แต่ก็ยังมีค่าดอกเบี้ย เฉลี่ย 8,000 บาทต่อคัน ยังไม่รวมค่าประกันภัยและค่าบำรุงรักษา ที่รวมแล้วค่าใช้จ่ายต่อเดือน 8-9 ล้านบาท ซึ่งหากสถานการณ์เป็นแบบนี้ ทางสหกรณ์จะมีสภาพคล่องอยู่ได้อีกไม่เกิน 4 เดือนเท่านั้น


          ด้าน นายวิฑูรย์ แนวพาณิช นายกสมาคมการค้าเครือข่ายแท็กซี่ไทย กล่าวว่า ตั้งแต่โควิดรอบแรก มาถึงรอบที่ 3 จำนวนผู้ขับรถแท็กซี่ก็มีจำนวนลดลงเรื่อย ๆ เทียบจากเมื่อปี 2562 มีแท็กซี่ในระบบกว่า 110,000 คัน แต่ในปี 2564 เหลือเพียง 80,000 คัน และมีผู้ให้บริการจริงเพียง 30,000 คันเท่านั้น ที่เหลืออีกกว่า 50,000 คัน ต้องจอดนิ่ง ส่วนคนที่ขับรายได้ต่อวัน จากวันละ 2,000 บาท เหลือไม่ถึง 300 บาท ทำให้คนเลิกอาชีพขับแท็กซี่เป็นจำนวนมาก
          ทั้งนี้ สิ่งที่ผู้ประกอบการแท็กซี่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือระยะเร่งด่วนคือ การตรึงราคาก๊าซแอลพีจีและเอ็นจีวี เพื่อช่วยลดต้นทุน และการเปิดเวทีเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้ เช่น การพักชำระหนี้ การปรับลดดอกเบี้ย เป็นต้น เนื่องจากมาตรการที่เคยออกมา แท็กซี่ไม่สามารถเข้าถึงได้ในทางปฏิบัติ และขอให้รัฐมีมาตรการเยียวยาค่าครองชีพให้ผู้ขับรถแท็กซี่ที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งคนเหล่านี้เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 เช่นกัน โดยเสนอให้จัดงบเยียวยา คนละ 3,000 บาทต่อเดือน นาน 4 เดือน
ขอบคุณข้อมูลจาก  เรื่องเด่นเย็นนี้