เมืองนรกบนดิน อากาศร้อนปางตาย สาหัสกว่ามนุษย์จะอยู่ได้ แค่แตะพื้นก็เกือบขิต

          เมืองอากาศร้อนสาหัส แค่อยู่ในบ้านก็ทรมานปางตาย แตะพื้นไม่ได้ ผลวิจัยเผย ร้อนเกินกว่ามนุษย์จะทนได้

          เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 เดอะเทเลกราฟ รายงานว่า เมืองจาโคบาบัด ในรัฐสินธ์ ทางตอนใต้ของปากีสถาน ได้รับฉายาว่าเป็น "นรกบนดิน" ที่แท้จริง ไม่ใช่เพราะปัญหาความรุนแรงน่ากลัวอะไรแบบนั้น แต่เป็นเพราะ "ความร้อน" ล้วน ๆ และติดอันดับหนึ่งในเมืองที่ร้อนที่สุดในโลก ชนิดที่ว่าออกจากบ้านอาจถึงตาย แม้อยู่ในบ้านก็ยังเสี่ยงตาย

          จาโคบาบัด เป็นที่รู้จักกันมานานในเรื่องความร้อนรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน และร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยประชากรในเมืองนี้มีอยู่ราว 200,000 คน ระบบสาธารณูปโภคยังไม่ครอบคลุม รวมไปถึงปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้า และน้อยคนมากที่จะมีกำลังพอซื้อเครื่องปรับอากาศ ที่นี่อุณหภูมิพุ่งทะลุสูงถึง 52 องศาเซลเซียส แต่ความรู้สึกจริงมันร้อนกว่านั้น

          ในช่วงนี้ผู้คนเจ็บป่วยเป็นจำนวนมาก โรงพยาบาลในท้องที่เต็มไปด้วยผู้ป่วยจากอาการ Heat stroke หรือ โรคลมร้อน ซึ่งอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

          เมื่อยามความร้อนมาเยือน ชาวบ้านจะไม่ออกไปไหน ทุกคนเก็บตัวอยู่ในบ้าน ถนนร้างไร้ผู้คนและรถ แม้อยู่ในบ้านก็ทรมานเหมือนเตาอบ และทุกสิ่งทุกอย่างร้อนไปหมด

          ซามีร์ ข่าน หนึ่งในชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า มันร้อนชนิดที่ว่าไม่สามารถแม้แต่จะยืนหรือเดินเท้าเปล่าในบ้านได้เลย เพราะพื้นเหมือนเตาย่าง

          บทวิจัยทางวิทยาศาสตร์เผยว่า สถานการณ์แย่ลงอย่างมาก ความร้อนจัดบวกกับความชื้นสูงมารวมตัวกัน ทำให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นประตูนรก โดยล่าสุดจาโคบาบัดกลายเป็น 1 ใน 2 สถานที่ในโลกที่ร้อนเกินกว่าร่างกายมนุษย์จะรับไหว…ร้อนถึงตาย

          นอกจากนี้แล้วด้วยปัญหาภาวะโลกร้อนและพื้นที่ตั้งของเมือง นักวิทยาศาสตร์เกรงว่าสถานการณ์จะรุนแรงขึ้นจนลามไปยังเมืองอื่น ๆ ด้วย และคาดการณ์ว่าในปี 2593 ปัญหานี้จะรุนแรงขึ้นมากจนส่งผลกระทบถึงการทำการเกษตร การเกิดโรค และคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างสาหัส ไม่ใช่แค่เฉพาะจุดนี้ แต่ยังรวมถึงบางพื้นที่ของอินเดีย ปากีสถาน และบังกลาเทศด้วย

          อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านส่วนใหญ่มีฐานะยากจน พวกเขาต่างรู้ดีว่าอากาศร้อนมากและร้อนขึ้น ๆ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ ย้ายที่อยู่ไปไหนก็ไม่ได้ แทบจะไม่มีทางเลือกให้ชีวิต และจำต้องทนต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก The Telegraph