สรุปคดีลูกในไส้ยักยอกเงินแม่ อาม่าฮวย VS ลูกสาว คดียืดเยื้อนาน 7 ปี ตั้งแต่ต้นจนจบเกิดอะไรขึ้นบ้าง จนวันนี้ศาลตัดสินจำคุกลูก 12 ปี คืนความยุติธรรมให้อาม่า

เป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจไม่น้อย สำหรับมหากาพย์เงินก้อนโตของ อาม่าฮวย ศรีวิรัตน์ ที่เงินหายไปจากธนาคาร แต่สุดท้ายคนที่ยักยอกทรัพย์ไปนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนไกล เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของอาม่านั่นเอง ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ทำไมลูกสาวถึงขโมยเงินแม่ได้มากมายขนาดนี้ ซึ่งทำให้แม่กับลูกต้องมาฟ้องร้องกันเอง ตามไปดูสรุปตั้งแต่ต้นจนศาลชั้นต้นตัดสิน ดังต่อไปนี้...

ข้อมูลส่วนตัวของอาม่าฮวย

ยักยอกเงินแม่ได้อย่างไร
อาม่าฮวยป่วยด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ต้องเจาะคอ มือเท้าอ่อนแรง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเอง ลูกสาวรวมหัวกับพนักงานธนาคารอีก 4 คน แอบโอนเงินในบัญชีออกไปขณะที่อาม่านอนป่วย โดยแอบเปลี่ยนเงื่อนไขการเบิกถอนเงินเดิมในบัญชีออมทรัพย์จากการลงลายมือชื่อ เป็นพิมพ์ลายนิ้วมือ และปลอมหนังสือมอบอำนาจ เพื่อนำไปใช้ในการเบิก-ถอนเงิน และสั่งจ่ายเช็คแทนในบัญชีกระแสรายวัน ถอนเงินออกจากบัญชี นอกจากนี้ยังถอนเงินออกจากกองทุนเปิดของอาม่าฮวย 24.7 ล้านบาท และถ่ายโอนทรัพย์สินอื่น ๆ ออกไปจนหมดเกลี้ยง

อาม่าฮวยรู้ได้อย่างไร
หลังออกจากโรงพยาบาล อาม่าซึ่งขณะนั้นอายุ 76 ปี เดินทางกลับมาที่บ้าน จึงตรวจสอบทรัพย์สินต่าง ๆ ของตัวเองว่าอยู่ครบหรือไม่ แต่เมื่อเปิดตู้เซฟดูกลับพบว่าสมุดบัญชีของอาม่าหายไป จึงไปสอบถามกับธนาคาร แต่พนักงานกลับไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ทำให้อาม่าแปลกใจอย่างมาก สุดท้ายจึงทราบว่าเงินในบัญชี 24.7 ล้าน ถูกโอนออกไปหลายร้อยครั้งจนหมดบัญชี จากฝีมือของลูกสาวที่รวมหัวกับพนักงานธนาคาร โดยการแอบพิมพ์ลายนิ้วมือขณะที่อาม่านอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล

จุดเริ่มต้นแม่แจ้งความจับลูกในไส้
หลานสาวของอาม่าซึ่งเข้ามาช่วยติดต่อประสานงานเรื่องคดีให้ เปิดเผยว่า หลังจากที่นางมาวดีเอาเงินไปแล้วก็มาหาอาม่าไม่กี่ครั้ง ซึ่งเธอเคยถามว่าทำไมถึงทำแบบนี้ นางมาวดีตอบกลับมาว่า "เงินแม่กู กูจะใช้" และเมื่ออาม่าทวงเงิน ก็บอกว่าใช้ไปหมดแล้ว อยากได้ให้ไปฟ้องเอา จนเกิดทะเลาะกันขึ้น
หลังจากนั้นอาม่าเดินทางไปแจ้งความในปี 2557 ที่ สน.อุดมสุข แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้า จนกระทั่งได้ติดต่อจ้างทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ต่อมาทนายได้ลงพื้นที่ไปติดตามเรื่องให้จนคดีคืบหน้าอย่างมาก
ต่อมาวันที่ 30 ตุลาคม 2562 พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญาพระโขนง 3 ศาลอาญาพระโขนง ได้ฟ้องคดีลูกสาวในไส้และพนักงานธนาคาร จำนวน 4 คน เป็นคดีอาญา ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม
ในระหว่างที่คดียังไม่ไปถึงไหน ตรวจสอบพบว่า อาม่าฮวย มีบัญชีเงินฝากอยู่ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ อีกจำนวน 24 ล้านบาท ซึ่งนางมาวดีได้ถอนเงินจากบัญชีไปซื้อกองทุน ซื้อประกันชีวิต และโอนเข้าบัญชีตัวเอง อาม่าฮวยจึงได้ฟ้องลูกสาวอีกในข้อหาลักทรัพย์

ลูกสาวไม่ยอมรับ จนคดีความยืดเยื้อ
นางมาวดี ลูกสาวของอาม่าฮวย แถลงข่าวพร้อมทนายความ ยืนยันความบริสุทธิ์ว่าไม่ใช่ลูกเนรคุณ และไม่ได้โกงเงินแม่ รวมทั้งเงินในบัญชีทั้งหมดก็มีราว 120 ล้านบาทเท่านั้น เรื่องทั้งหมดมาจากบุคคลที่สาม คือครอบครัวของพี่ชาย ยืนยันว่าไม่ใช่ลูกเนรคุณ ซึ่งหลังถูกแม่ฟ้องร้องก็ได้เจอแม่ล่าสุดที่ศาล แต่กลับถูกกีดกันจากหลานและพี่สะใภ้ไม่ให้เข้ากอดแม่และปรับความเข้าใจกัน เชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นถูกใส่ร้าย เพราะฝ่ายพี่ชายอยากจะได้มรดกที่แบ่งกันแล้วเอาไว้คนเดียว
ศาลคืนความยุติธรรมให้อาม่า
คดีความยืดเยื้อมานาน 7 ปี ปัจจุบันอาม่าฮวยอายุ 84 ปี ล่าสุด วันที่ 17 สิงหาคม 2564 ศาลอาญาพระโขนง อ่านคำพิพากษาและตัดสินนางมาวดี มีความผิดมาตรา 334 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้จำคุก 6 กระทง กระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 12 ปี
การกระทำความผิดของจำเลยเป็นการกระทำต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุพการี โดยใช้โอกาสที่จำเลยเป็นผู้ดูแลระหว่างโจทก์เจ็บป่วย ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ อีกทั้งเงินที่จำเลยลักไปเป็นเงินจำนวนสูง 24.7 ล้านบาท นับเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ก็ไม่เป็นเหตุให้รอการลงโทษ