ศาลฎีกา พิพากษายกฟ้อง สินธิ ลิ้มทองกุล - จำลอง ศรีเมือง พร้อมพวกอีก 4 คน ชุมนุมดาวกระจาย ปี 2551 ไล่รัฐบาล สมัคร สุนทรเวช ส่วนอีก 3 แกนนำพันธมิตรฯ โดนสั่งจำคุก 8 เดือน เข้าเรือนจำเลยไม่รอลงอาญา
ภาพจาก nattanan726 / Shutterstock.com
วันที่ 31 สิงหาคม 2564 ไทยโพสต์ รายงานว่า ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีดำหมายเลข อ.3973/2558 ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ชุมนุมดาวกระจายปี 2551 ขับไล่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ซึ่งเป็นคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ ฟ้องอดีตแกนนำ พันธมิตรฯ 9 คน ได้แก่
1. พล.ต. จำลอง ศรีเมือง
2. นายสนธิ ลิ้มทองกุล
3. นายพิภพ ธงไชย
4. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
5. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข
6. นายสุริยะใส กตะศิลา
7. นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์
8. นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือ รัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี
9. นายเทิดภูมิ ใจดี
1. พล.ต. จำลอง ศรีเมือง
2. นายสนธิ ลิ้มทองกุล
3. นายพิภพ ธงไชย
4. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
5. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข
6. นายสุริยะใส กตะศิลา
7. นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์
8. นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือ รัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี
9. นายเทิดภูมิ ใจดี
ร่วมกันเป็นจำเลย 1-9 ในความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใดฯ เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนในหมู่ประชาชนและก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการโดยผู้กระทำคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิก แต่ไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215, 216
ภาพจาก 1000 Words / Shutterstock.com
คดีนี้ศาลอาญา อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2560 ให้ยกฟ้อง พล.ต. จำลอง จำเลยที่ 1 นายสุริยะใส กตะศิลา จำเลยที่ 6 ส่วนนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, นายอมร อมรรัตนานนท์ และนายเทิดภูมิ ใจดี จำเลยที่ 7-9 มีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 แต่เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งเจตนาคดีและเหตุผล ประกอบอายุประวัติ อาชีพ ความประพฤติการศึกษา อบรม และสุขภาพของจำเลยทั้งสองแล้ว เห็นควรรอการกำหนดโทษไว้ 2 ปี
จากนั้นวันที่ 30 มกราคม 2562 ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยเห็นว่า จำเลยที่ 7-9 ไม่มีความผิด จึงพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องทั้ง 3 ด้วย และต่อมาอัยการโจทก์ยื่นฎีกา ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 9 คน
โดยในวันนี้ (31 สิงหาคม 2564) เวลา 11.15 น. ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีที่อัยการโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1-6 เป็นการฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ อ.1877/2558 และคดีหมายเลขแดงที่ อ.1878/2558 ซึ่งเห็นว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการกดดันให้รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ลาออก มีการฟ้องไปแล้ว เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 การที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1-6 อีก ถือว่าเป็นคดีที่มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดไปแล้ว
ส่วนจำเลยที่ 7-9 นั้น ได้ขึ้นปราศรัยเชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาล นอกจากนี้จำเลยที่ 7 ยังเดินทางไปชุมนุมปิดถนนมิตรภาพ จ.นครราชสีมา ส่วนจำเลยที่ 8 นำผู้ชุมนุมไปปิดล้อมที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย การกระทำของจำเลยที่ 7-9 เป็นการร่วมชุมนุมที่มีการปิดกั้นการจราจร
ทั้งนี้ ศาลจึงพิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 7-9 เป็นการมั่วสุมก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามมาตรา 116 ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 116 อนุ 2 และอนุ 3 ซึ่งเป็นบทหนักสุด ให้จำคุกคนละ 1 ปี แต่มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกคนละ 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จังได้ควบคุมตัวจำเลยที่ 7-9 ไปยังเรือนจำ เพื่อรับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกา
จากนั้นวันที่ 30 มกราคม 2562 ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยเห็นว่า จำเลยที่ 7-9 ไม่มีความผิด จึงพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องทั้ง 3 ด้วย และต่อมาอัยการโจทก์ยื่นฎีกา ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 9 คน
โดยในวันนี้ (31 สิงหาคม 2564) เวลา 11.15 น. ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีที่อัยการโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1-6 เป็นการฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ อ.1877/2558 และคดีหมายเลขแดงที่ อ.1878/2558 ซึ่งเห็นว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการกดดันให้รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ลาออก มีการฟ้องไปแล้ว เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 การที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1-6 อีก ถือว่าเป็นคดีที่มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดไปแล้ว
ส่วนจำเลยที่ 7-9 นั้น ได้ขึ้นปราศรัยเชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาล นอกจากนี้จำเลยที่ 7 ยังเดินทางไปชุมนุมปิดถนนมิตรภาพ จ.นครราชสีมา ส่วนจำเลยที่ 8 นำผู้ชุมนุมไปปิดล้อมที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย การกระทำของจำเลยที่ 7-9 เป็นการร่วมชุมนุมที่มีการปิดกั้นการจราจร
ทั้งนี้ ศาลจึงพิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 7-9 เป็นการมั่วสุมก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามมาตรา 116 ซึ่งเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 116 อนุ 2 และอนุ 3 ซึ่งเป็นบทหนักสุด ให้จำคุกคนละ 1 ปี แต่มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกคนละ 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จังได้ควบคุมตัวจำเลยที่ 7-9 ไปยังเรือนจำ เพื่อรับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกา
ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยโพสต์
