หนุ่ม กรรชัย ตอบปมข่าวลือ ครูไพบูลย์จ่อฟ้อง ลั่น จะฟ้องก็ไม่เป็นปัญหา เป็นสิทธิ์ของเขา ยันไม่ได้หมิ่นอะไร ไม่รู้จะฟ้องตรงไหน แต่ถ้าไม่เป็นอย่างที่กล่าวอ้างก็ขอรักษาสิทธิ์บ้าง แนะครูไพบูลย์ เบาได้ก็เบา สิ่งที่ต้องนึกถึงตอนนี้คือลูก
เรียกได้ว่าเป็นมหากาพย์ดราม่าของวงการลูกทุ่งอินดี้จริง ๆ สำหรับ ครูไพบูลย์ แสงเดือน ที่ฟ้องอดีตภรรยา เอ๋ มิรา ฟ้องหมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหาย 1 ล้านบาท ซึ่งทางด้าน เอ๋ มิรา ก็ฟ้องกลับในข้อหาพรากผู้เยาว์ และเตรียมฟ้องแบ่งสินสมรส 20 ล้านบาท
อ่านข่าว : เอ๋ มิรา จัดหนัก ! เดินหน้าฟ้อง ครูไพบูลย์ ฟันเพิ่มจ่อแบ่งสินสมรส 20 ล้าน !
ล่าสุด (6 ตุลาคม 2564) เอ๋ มิรา ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มิรา ชลวิรัลวานิศร์ ระบุว่าตนเองและทนายจะเดินทางไปออกรายการโหนกระแส
นอกจากนี้ เอ๋ มิรา ก็ได้แชร์ข่าวจากเฟซบุ๊ก คนลูกทุ่ง ซึ่งมีการระบุว่างานนี้ ทางฝ่ายครูไพบูลย์ อาจจะฟ้องบริษัทดีวันดีคืน บริษัทที่ผลิตรายการโหนกระแส และหนุ่ม กรรชัย ผู้ดำเนินรายการอีกด้วย อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนออกมา
ทั้งนี้ในรายการโหนกระแส หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 ได้สัมภาษณ์ เอ๋ มิรา และ ทนายเก่ง นฤบดินทรา ศรีศิวารา เกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าวที่ยังต้องหาข้อสรุปว่าจะไปจบที่ตรงไหน
วันนี้ดูสีหน้าแววตา ไม่เหมือนครั้งก่อน ดูซึมเศร้า หมองเศร้า ?
เอ๋ : เครียดเรื่องฟ้องค่ะ นอนไม่หลับเลยค่ะ เขาฟ้องเรียกค่าเสียหาย 1 ล้าน หมายศาลมาถึงแล้วค่ะ เขาบอกว่าเราไปหมิ่นประมาทแฟนใหม่เขา คือกระต่าย พรรณนิภา และมีวิดีโอที่หนูมารายการโหนกระแส ฟ้องจากเรื่องหนูมารายการโหนกระแส หนูเลยส่งให้ อ.ประจักษ์ชัย ดู อาจารย์บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวจะดูแลให้
ช่วงเช้ามีข่าวว่าครูไพบูลย์จะฟ้องผมด้วย ผมเองไม่ได้มีปัญหาถ้าครูไพบูลย์จะฟ้อง เป็นสิทธิ์ของครูไพบูลย์ ถ้าไปฟ้องก็ต้องไปรักษาสิทธิ์ ต้องมีการขึ้นศาล ถ้าสุดท้ายออกมาแล้วไม่เป็นอย่างที่ครูไพบูลย์กล่าวอ้าง ผมก็จำเป็นต้องรักษาสิทธิ์ด้วยเหมือนกัน แต่จริง ๆ อยู่วงการเดียวกัน เรื่องฟ้องกลับก็ต้องไปพิจารณา เพราะเราเจอกันอยู่แล้ว วันนั้นเราต่อสายหาครูไพบูลย์ ผมว่าเราก็ไม่ได้ไปหมิ่นอะไรแก ก็ไม่รู้จะฟ้องตรงไหน ก็ไม่เป็นไร เป็นสิทธิ์ถ้าจะฟ้องก็ไม่ได้ว่าอะไร เรื่องเดียวกันในวันเดียวกัน ในมุมเอ๋จะยังไงต่อไป ?
ทนายเก่ง : ที่ถูกฟ้องมาจะต่อสู้คดี เพราะการมารายการ เป็นการให้ข้อมูลตามจริง กับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเขาที่ผ่านมา เขาให้ข้อมูลที่เกิดขึ้นจริง ไม่มีเจตนาใส่ความ เป็นการปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง มีการให้การในรายการ ตามที่พี่หนุ่มได้สอบถาม ซึ่งทั้งหมดก็มีส่วนข้อกฎหมายที่เป็นข้อยกเว้น ก็ได้เตรียมตัวเตรียมพร้อมเรื่องพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อต่อสู้คดีในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องที่จังหวัดเลย
วันนั้นที่ฟังเข้าไหม ?
ทนายเก่ง : เข้าข้อยกเว้นทางกฎหมายครับ มันมีบทบัญญัติเรื่องกฎหมาย มาตรา 329 ที่ได้บัญญัติไว้ในลักษณะของการให้การ หรือการกล่าวในลักษณะที่มีการเหมือนพาดพิงบุคคลอื่น แต่การกล่าวนั้นเป็นการกล่าวเพื่อปกป้องตัวเอง เพื่อความเป็นธรรมของตัวเอง กฎหมายก็บัญญัติเอาไว้ ก็เป็นแนวทางในการต่อสู้กันไป
เอ๋ได้คุยกับครูบ้างไหม ?
เอ๋ : ล่าสุดบอกเขาว่าจะเอาลูกมานอนด้วย เขาเลยถามว่าต่อไปจะทำอะไรอีก ก็ถามว่าจะทำอะไร เขาบอกจะจบไหม หนูเลยบอกว่าหนูจบเพราะหนูพูดในสิ่งที่ถูกกล่าวหาไปแล้ว เขาบอกว่าทำไมสามปีที่แล้วไม่พูด หนูบอกว่าหนูพูด ทำไมจะไม่พูด เขาบอกว่าแล้วจะให้ทำอะไร หนูก็เลยบอกว่าถ้ารู้ว่าตัวเองผิดทำไมไม่ขอโทษ และไม่บอกว่าหนูไม่ได้มีชู้ เขาบอกถ้าอยากให้ขอโทษทำไมไม่บอก จะได้จบ ๆ ก็ถามว่าไม่มีจิตใต้สำนึกคิดเองเลยเหรอ ที่จะโพสต์ขอโทษเรา ถ้าหนูบอกหนูคงไม่ได้รู้สึกดีหรอกค่ะ แล้วก็ทะเลาะกัน อันนี้ก่อนมีหมายศาลมาค่ะ
หลังมีหมายศาลมา ได้คุยกันไหม ?
เอ๋ : ไม่ค่ะ
ทำไมเราไม่เจรจาหรือไกล่เกลี่ยกันจะได้จบกันในบ้าน ในมุมพี่ไม่รู้อะไรเกิดขึ้นในครอบครัว คุณถูกกล่าวหาว่ามีคนอื่นเลยต้องเลิก อาจมีการพาดพิงอดีตสามีและภรรยาใหม่เขาด้วย คุณเองฝากไว้สักวันจะโดนแบบพี่ ไปคุยกันไกล่เกลี่ยกันไม่ได้เลยเหรอ ?
เอ๋ : มีเพื่อนแคปข้อความที่เขาตอบแชตว่าผมรอเขามาเคลียร์ทุกวัน หนูเลยรู้สึกว่าหนูผิดเหรอคะ จะให้หนูไปเคลียร์ คุณเป็นคนผิดก็มาเคลียร์กับเราสิคะ หนูก็ต้องปกป้องตัวเองแล้วค่ะ ก็ปรึกษาพี่ทนาย คุยเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบให้พี่ทนายฟัง เลยได้ข้อมูลว่าจะฟ้องค่ะ
มุมเอ๋คิดว่าไม่จำเป็นต้องคุย เพราะเราไม่ได้เป็นคนผิด ?
เอ๋ : ใช่ค่ะ
เขาฟ้อง 1 ล้าน ไม่คุยเลยเหรอ ?
เอ๋ : ถ้าหนูพูดก็เหมือนหนูไปขอร้องให้เขาให้อภัย ทั้งที่หนูไม่ได้ผิด ถ้าถามว่าไม่คิดถึงลูกเหรอ ต้องให้เขาเป็นคนคิดค่ะ ไม่ใช่ให้หนูไปถามว่าฟ้องหนูทำไม ไม่คิดถึงลูกเหรอ หนูคิดว่าถ้าเขาคิดจะฟ้องหนูแล้วคงไม่ได้คิดถึงลูก
อ.ประจักษ์ชัย ว่ายังไงบ้าง ?
เอ๋ : อาจารย์บอกว่าก็ดูไปตามรายละเอียดว่าเป็นยังไง ก็ให้สิทธิ์เอ๋ว่าจะยังไง แต่อาจารย์ดูแล้วเอ๋ไม่ได้ผิด เอ๋พูดในสิ่งที่เจอมา ตอนนี้อาจารย์เป็นผู้จัดการ ถ้าอาจารย์ไม่ช่วยเอ๋ ใครจะช่วย
เคยคุยกับทาง อ.ประจักษ์ชัย เคยโทร. คุยกัน แกบอกว่าครูไพบูลย์เป็นคนดี มีงานมีการก็คุยกันตลอด ช่วยเหลือกันตลอด ทำไมตอนนี้ อ.ประจักษ์ชัยกับ ครูไพบูลย์ เหมือนมีปัญหากัน มันเกิดจากอะไร เกิดขึ้นจากเอ๋หรือเปล่า ?
เอ๋ : หนูก็รู้สึกผิดนะคะ หนูเข้ามาทำให้อาจารย์มีปัญหาหรือเปล่า แต่อาจารย์บอกว่าอาจารย์ไม่ได้อยู่ฝั่งใคร ไม่ได้ทะเลาะกับไพบูลย์ด้วย
รู้ใช่ไหมเขารักกันมาก่อน อ.ประจักษ์ชัย พูดกับครูไพบูลย์ ดีมาก จนมาเห็นข่าวล่าสุดว่ามันเกิดอะไรขึ้น ?
เอ๋ : ตอนอาจารย์เอาหนูมาปั้น อาจารย์ก็พูดตลอดว่าอาจารย์ไม่ได้ทะเลาะกับไพบูลย์ แต่มาพูดเพราะเห็นว่าไม่ได้มีการมีงานทำ อยากช่วยให้มีเงิน แต่ฝั่งครูไพบูลย์ มีการโพสต์แซะโพสต์ว่ามีผู้ใหญ่คอยยุยงให้หนูทำแบบนี้ อ.ประจักษ์ชัย เลยรู้สึกว่าทำไมเขาโพสต์แบบนั้น ส่วนตัวหนูไม่ได้รู้สึกว่ามีใครมายุยง ซึ่งการโพสต์แบบนั้น คุณไม่ไว้หน้าผู้ใหญ่เลย พูดว่า อ.ประจักษ์ชัย เป็นคนอื่น ทำไมต้องมายุ่ง ก็อยากบอกว่าตอนนี้หนูอยู่ในความดูแลของ อ.ประจักษ์ชัย ถ้าเขาไม่ช่วยแล้วใครจะช่วยหนู
เป็นไปได้ไหม สิ่งที่เอ๋เคยออกมาพูด ทำให้ทัวร์ไปลงเขาเยอะ ล่าสุดยังไม่มีข่าวเขาจะฟ้องผม ผมให้ทีมงานติดต่อเชิญแกมาออก แกก็ไม่มา ไม่ได้อยากออกมาชี้แจง พอฝั่งเอ๋พูดฝ่ายเดียวมันก็เป็นประเด็น เพราะคนฟังเอ๋พูดมุมเดียว เรื่องนี้ทนายหนักใจไหม ?
ทนายเก่ง : ด้วยพยานหลักฐาน มีเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง เขาไม่ได้ปั้นแต่งขึ้น ไปใส่ความหรือสร้างข้อเท็จจริง ยุคนี้เป็นยุคโลกออนไลน์ มันมีข้อมูลเก็บย้อนหลังได้ มันมีรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริง แล้วลักษณะคดีดังกล่าว มันมีบัญญัติกฎหมายที่ได้แจ้งไว้แต่ทีแรก มันสามารถต่อสู้คดีในประเด็นนี้ได้ ก็เลยไม่ได้มีความหนักใจในประเด็นนี้เท่าไหร่
พอครูไพบูลย์ฟ้อง ฝั่งนี้ก็ฟ้องเหมือนกัน คดีอะไร ?
ทนายเก่ง : คดีอาญา เป็นการแจ้งความร้องทุกข์พนักงานสอบสวนในท้องที่ ที่ความผิดเกิด ในความผิดฐานกระทำชำเราน้องเอ๋ พรากผู้เยาว์ คือพรากน้องเอ๋ ไปแจ้งแล้วเมื่อวานนี้ ฟ้องเองเรื่องสินสมรส ประเด็นทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างที่อยู่ด้วยกัน รายได้จากยูทูบก็ดี รายได้จากการออกงานก็ดี
ตอนนี้เอ๋อายุเท่าไหร่ ?
เอ๋ : 24 ค่ะ ตอนคบหาเขาอายุ 15-16 ค่ะ
9 ปีมาแล้ว ทำไมไม่ฟ้องตั้งแต่ตอนนั้น ?
เอ๋ : ตอนนั้นหนูคิดว่าเขาเป็นพ่อของลูก อยู่กินด้วยกันมานานแล้ว แม่ก็มีสัญญาไว้
ทำไมเมื่อก่อนไม่ฟ้อง ?
เอ๋ : แม่คิดว่าอยู่กินกันแล้วเขาจะดูแลเรา แต่พอเขาผิดสัญญา ไม่มาชดใช้ตามสัญญา แล้วมาทิ้งหนูอีก
อายุความกี่ปี ?
ทนายเก่ง : 10 ปีครับ
ที่เขาฟ้องหมิ่นประมาท 1 ล้าน ถือว่าติดคุกได้ไหม ?
ทนายเก่ง : ในข้อที่เขาฟ้องมาเป็นคดีอาญา ถ้าเป็นความผิดก็มีโอกาสติดคุกครับ
ถ้าแพ้แล้วติดคุก ทำไง ?
ทนายเก่ง : จริง ๆ เหตุผลหนึ่งหลายคนสงสัย ทำไมเราถึงเพิ่งมาดำเนินคดี ผมรู้จักน้องเอ๋ เนื่องจากรู้จัก อ.ประจักษ์ชัย เข้ามารู้จักในเชิงการทำธุรกิจผลิตภัณฑ์กันและมีการคุยกันเรื่องข้อกฎหมาย ผมก็ปรึกษาอาจารย์ ว่าถ้าเราฟ้อง ก็ฟ้องได้นะ ฟ้องตามที่เราได้แจ้งเรื่องพรากผู้เยาว์ การกระทำความผิด การกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี แต่ได้คำตอบจาก อ.ประจักษ์ชัย จากเอ๋เองว่าไม่อยากฟ้อง ไม่อยากมีคดี แต่สุดท้ายเราถูกฟ้องเลยต้องมีเหตุนี้
พอเขาฟ้องเรามา เราก็ฟ้องอีกเรื่อง มันเป็นการแก้เกี้ยวหรือเปล่า?
ทนายเก่ง : เป็นการใช้สิทธิ์ทางศาล มันเป็นสิทธิ์ที่เราใช้สิทธิ์ได้ เชื่อว่าเป็นคดีตัวอย่างที่หลายคนจับตามอง
ไม่ยืดเยื้อเหรอ ไม่ไปคุยหลังบ้าน ขอโทษกันไป คนวงการเดียวกัน ไม่ฟ้องกันด้วยซ้ำ ?
ทนายเก่ง : ครับ นี่เป็นเหตุนึงที่ อ.ประจักษ์ชัย ออกมาเต็มรูปแบบ เพราะเราคิดว่าไม่น่ามีการฟ้อง โดยเฉพาะเอ๋ ซึ่งทำมาหากินมาด้วยกัน ก่อสร้างค่ายเพลงด้วยกัน
เรื่องเอ๋ไปฟ้อง ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต บอกว่าดูแล้วมันยังไม่เข้า ขอถามความคิดเห็นนิดนึง ที่ทนายบอกว่าดูแล้วไม่น่าจะเข้า มองยังไงเรื่องพรากผู้เยาว์ พรากเอ๋นะ ไม่ใช่พรากกระต่าย ?
ทนายเจมส์ : กรณีพรากผู้เยาว์ ถ้ากรณีเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี แม้จะยินยอมไปด้วยก็ตามก็เป็นความผิด อันนี้หลักกฎหมายเป๊ะ ๆ ประเด็นอยู่ที่ว่าพ่อแม่เขายินยอมด้วยหรือไม่ สอง ผู้ที่พรากผู้เยาว์ มีเจตนาพรากเอาไปคบหากัน เอาไปเป็นเมีย กรณีนี้มันมองดูว่าขาดเจตนาในการพรากผู้เยาว์ ก่อนหน้านี้มีคำพิพากษาคำฎีกาอยู่สองฉบับ เอามาเทียบได้ ฉบับที่หนึ่ง เป็นกรณีของพ่อแม่อนุญาตให้ผู้เยาว์ไปกับผู้อื่น ตรงนี้คบหากันเป็นแฟนกัน เอาไปเป็นเมีย แบบนี้ฎีกาบอกว่าไม่ผิด เนื่องจากขาดเจตนา กับอีกอย่างหนึ่งไปลักษณะเดียวกันเด๊ะ ๆ แต่ผู้ชายมีครอบครัวอยู่แล้ว กรณีนี้ศาลมองว่าคุณไม่มีเจตนาพาเขาไปอยู่ด้วย คุณมีลูกมีเมีย แบบนี้เจตนาพาไปพรากผู้เยาว์ อันนี้คือผิด ผมไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าพ่อแม่ยินยอมหรือไม่ สองตอนพามา เขามีเจตนาพาผู้เยาว์ไปเพื่ออยู่กินกันหรือไม่ ไม่รู้ข้อเท็จจริง
ตอนนั้นพ่อแม่เรายินยอมไหม ?
เอ๋ : ไม่ได้ยินยอมค่ะ พ่อแม่ไม่ได้รับรู้ว่าเราเกินเลยกันหรือคบกัน พอพ่อแม่รับรู้ก็บินมาจากต่างประเทศมาเลย และให้มาเซ็นสัญญา ที่อ.ประจักษ์ชัย ได้โพสต์ไปค่ะ
ครั้งนั้น ตอนเราอายุ 14-15 ตอนนั้นบอกแม่ไหม ?
เอ๋ : ไม่รู้ค่ะ
แม่ไม่อนุญาต พิสูจน์ได้ไหม ?
เอ๋ : พิสูจน์ได้ค่ะ แม่ได้ลงในสัญญาแล้ว ว่าแม่ไม่ได้รับรู้ว่ามีอะไรกันมาก่อน พอแม่รับรู้ว่าหนูเสียหายแล้ว ก็ให้เขามาพูดคุยกัน และให้เขามาเซ็นสัญญา ชดใช้ค่าเสียหาย และมาสู่ขอใน 3 เดือน คือ 1 แสนบาท ถ้าเลยสัญญานี้ไป ก็ให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็น 2 แสน และดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งเขาก็ไม่ได้มาชดใช้ และไม่ได้มาสู่ขอตามสัญญาที่เขียนไว้ค่ะ
เขาบอกทางโน้นไม่ได้จ่าย และไม่ได้สู่ขอ เข้าไหม ?
ทนายเจมส์ : กรณีนี้เท่ากับพ่อแม่ไม่ยินยอม ไม่รู้เห็นด้วย เหมือนไปแอบมีอะไรกัน พอพ่อแม่รู้ ก็มาดำเนินการที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ประเด็นนี้น่าสนใจอย่างหนึ่ง หลังจากเขาไม่จ่ายเงิน ทำไมไม่ดำเนินคดี คำถามต่อมา จะกลายเป็นข้อต่อสู้อีกฝั่งหรือไม่ ว่าถ้าเขาไม่ฟ้องคุณในข้อหาหมิ่นประมาท คุณก็ไม่ดำเนินคดีเขาใช่ไหม เรื่องระยะเวลา และเรื่องการไปแจ้งความ
ที่พูดกับทนายเจมส์เพื่อให้มีสองมุมมอง จะได้เป็นธรรมกับเขาด้วย เอ๋จะตอบยังไง ทำไมทิ้งเวลา เพิ่งมาฟ้อง เพราะเขามาฟ้องเราหรือเปล่า ?
เอ๋ : หนูขอแม่ไว้ค่ะ ตอนนั้นไพบูลย์ยังไม่มีตังค์ แต่พอเริ่มมีตังค์เขาก็ไม่มาขอสักที หนูก็ไม่รู้จะยังไง แม่ก็สงสารหนู ก็คิดว่าเขาคงเลี้ยงดูหนู พอมีตังค์ มีเงินแล้ว ค่อยมาให้แม่ก็ได้ แต่พอเริ่มมีเงินเขาก็มาทิ้งเราแบบนี้ แม่เลยรู้สึกว่าจะทำยังไงได้ นอกจากไปบอกให้เขามาชดใช้ จะดำเนินคดีได้ไหม แม่พูดคุยกับหนูมาตลอด หนูก็ไม่รู้จะปรึกษาใคร จนมาพูดคุยกับ อ.ประจักษ์ชัย และทนาย
ทนายเจมส์ : ถ้าเป็นแบบนี้ ถ้าเขากระทำความผิดต่อกฎหมาย ต่อเขาเอง ต่อพ่อแม่ และเป็นอาญาแผ่นดิน สามารถใช้สิทธิ์ตามกฎหมายได้ ไม่ว่ากัน แต่อีกฝ่ายมีสิทธิ์ต่อสู้ได้เช่นเดียวกัน มองดูมันก็ก้ำกึ่ง กรณีพ่อแม่ตอนแรกเรามองว่าพ่อแม่ไม่ยอม เลยไปทำบันทึกที่ผู้ใหญ่บ้าน แต่พอเขาผิดสัญญาก็ไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย อาจมองดูว่าเป็นการยินยอมโดยปริยายหรือไม่ แต่ทั้งหมดทั้งมวลเป็นความคิดเห็นของผมซึ่งเป็นทนายความ ถ้าเป็นคดีความไปแล้ว ต้องอยู่ที่ศาลเป็นผู้วินิจฉัย
เราคุยกันสองมุมมอง คือทางโน้นไม่ได้มาด้วย เราก็ลำบากใจ เรื่องนี้เป็นอย่างทนายเจมส์พูดไหม ?
ทนายเก่ง : ที่ทนายเจมส์พูดเราก็มีแนวทางที่ตรงกัน ซึ่งเราเป็นนักกฎหมาย เมื่อมีการกระทำความผิดทางอาญาเกิดขึ้น ตัวแม่เขาเป็นผู้เสียหายด้วย และเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ก็ต้องไปว่ากันในกระบวนการ เมื่อวานไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนรับเรื่องนี้แล้ว มีการสอบปากคำพยาน เป็นคดีแรกที่ดำเนินการ
ได้จดทะเบียนกับครูเมื่อไหร่ ?
เอ๋ : จดเมื่อเดือน มิ.ย.ปี 61 จดได้ 3 เดือนก็หย่า ตอนนั้นน่าจะอายุ 19-20
มันผ่านกระบวนการไปแล้วหรือเปล่า เหมือนเขาจดทะเบียนรับผิดชอบไปแล้วหรือเปล่า ?
ทนายเก่ง : จริง ๆ ประเด็นนี้พนักงานสอบสวนก็ได้วิเคราะห์เหมือนกัน ประเด็นนี้ก็สอบให้เห็นว่าการจดทะเบียนสมรสของเขาเป็นประเด็นที่ต้องไปว่ากันในศาล จริง ๆ ทางเราสอบประเด็นนี้เพิ่มอยู่แล้ว
สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นความคิดเห็นส่วนตัว ผมว่าเรื่องนี้ถ้าครูดูอยู่ ผมว่าเบาได้ก็เบา ลองไปคุยกันหลังบ้าน อย่าลืมว่าสุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุดคือลูก การโตขึ้นไป แล้วลูกไปนั่งรับรู้ว่าพ่อฟ้องแม่ แม่ฟ้องพ่อ มันเจ็บปวด คุยกันได้ก็คุย คิดว่าจะมีการพูดคุยกันไหม ?
เอ๋ : ฝั่งเขาดีกว่าค่ะ
ห่วงความรู้สึกลูกไหม ?
เอ๋ : ห่วงมาก ๆ ค่ะ ลูกก็ถามทุกวัน (ร้องไห้) ตอนนี้ลูกก็คงนั่งดูอยู่ หนูบอกเขาว่าหนูมาทำงาน
จะทำยังไงได้ไหม มีโอกาสพูดคุยกันสองฝ่าย ผมไม่รู้ครูไพบูลย์แกแรงขนาดไหน ผมว่าครูไพบูลย์อาจต้องแยก กรณี เอ๋ มิรา เขามาพูดในมุมเขา ที่เขาเจ็บช้ำน้ำใจในมุมนั้น เราก็ต้องแมน ๆ ยอมรับในมุมนั้นด้วย แต่เข้าใจ ครูไพบูลย์กับภรรยาปัจจุบันทัวร์ลงเยอะ อาจกดดันว่าที่เขาทัวร์ลงเพราะต้นตอมาจากฝั่งนี้ เขาอาจต้องมาแก้ตรงนี้ เลยไม่ได้คิดไปอีกมุมว่าหัวจิตหัวใจลูกล่ะ ยังไงนี่ก็แม่ หัวใจของลูกเหมือนถูกขยี้ ผมว่าวันนี้ไปคุยกันดีกว่า ไม่อยากให้กลายเป็นเครื่องมือของอารมณ์ มันเสียกันไปหมด มันคุยกันได้ มันยังไม่สาย แต่ถ้าขึ้นสู่กระบวนการจะไปกันใหญ่ ทนายได้แนะนำบ้างไหม ?
ทนายเก่ง : ทางเราก็คุยกัน อย่างที่พี่หนุ่มบอก อยู่ในวงการเดียวกัน ก็ยังมีโอกาสได้เจอกัน เราอยากให้ออกมาในทิศทางที่ดี ถ้าต่างฝ่ายยังต้องใช้สิทธิ์ทางศาล เราก็จำเป็นต้องใช้สิทธิ์ทางศาลจนกว่าจะสิ้นกระบวนการ แต่ถ้าตกลงกันได้ มันสามารถยุติได้ ไม่ให้เรื่องนี้ไปจนสุดทางได้
วันนี้ต้องมีคนถอยสักก้าว อาจฝั่งเรา หรือฝั่งเขา ผมแนะนำครูไพบูลย์ ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่อยากให้นึกถึงหัวจิตหัวใจลูก สุดท้ายเอ๋อยากบอกอะไรครูไพบูลย์ ?
เอ๋ : ไม่มีอะไรจะบอกค่ะ เพราะตลอดมาเขาก็รับรู้ หนูไม่ควรมานั่งอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำตั้งแต่แรก คุณไม่ควรนอกใจเรา ไม่ควรใส่ร้ายเรา คุณเห็นลูกไหม ถ้าวันนี้คุณไม่นอกใจเรา ครอบครัวเราก็คงสุขสันต์ มีความสุขเหมือนคนอื่น แต่วันนี้นอกจากครอบครัวพังแล้ว พ่อแม่ก็จะมาฟ้องกัน คุณไม่สงสารลูกเหรอ (ร้องไห้) หนูอยากฝากคลิปนี้ไว้ ถ้าลูกโตขึ้น อยากให้เข้าใจว่าสิ่งที่แม่กำลังทำอยู่ แม่ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ (ร้องไห้) แม่ขอโทษที่รักษาครอบครัวไว้ไม่ได้ (ร้องไห้) ถ้าโตขึ้น แม่คิดว่าลูกคงไม่ทำให้ผู้หญิงร้องไห้แบบนี้นะลูก (ร้องไห้)
ขอบคุณข้อมูลจาก รายการโหนกระแส, เฟซบุ๊ก คนลูกทุ่ง
เรียกได้ว่าเป็นมหากาพย์ดราม่าของวงการลูกทุ่งอินดี้จริง ๆ สำหรับ ครูไพบูลย์ แสงเดือน ที่ฟ้องอดีตภรรยา เอ๋ มิรา ฟ้องหมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหาย 1 ล้านบาท ซึ่งทางด้าน เอ๋ มิรา ก็ฟ้องกลับในข้อหาพรากผู้เยาว์ และเตรียมฟ้องแบ่งสินสมรส 20 ล้านบาท
อ่านข่าว : เอ๋ มิรา จัดหนัก ! เดินหน้าฟ้อง ครูไพบูลย์ ฟันเพิ่มจ่อแบ่งสินสมรส 20 ล้าน !
ล่าสุด (6 ตุลาคม 2564) เอ๋ มิรา ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มิรา ชลวิรัลวานิศร์ ระบุว่าตนเองและทนายจะเดินทางไปออกรายการโหนกระแส
นอกจากนี้ เอ๋ มิรา ก็ได้แชร์ข่าวจากเฟซบุ๊ก คนลูกทุ่ง ซึ่งมีการระบุว่างานนี้ ทางฝ่ายครูไพบูลย์ อาจจะฟ้องบริษัทดีวันดีคืน บริษัทที่ผลิตรายการโหนกระแส และหนุ่ม กรรชัย ผู้ดำเนินรายการอีกด้วย อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนออกมา
ทั้งนี้ในรายการโหนกระแส หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 ได้สัมภาษณ์ เอ๋ มิรา และ ทนายเก่ง นฤบดินทรา ศรีศิวารา เกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าวที่ยังต้องหาข้อสรุปว่าจะไปจบที่ตรงไหน
วันนี้ดูสีหน้าแววตา ไม่เหมือนครั้งก่อน ดูซึมเศร้า หมองเศร้า ?
เอ๋ : เครียดเรื่องฟ้องค่ะ นอนไม่หลับเลยค่ะ เขาฟ้องเรียกค่าเสียหาย 1 ล้าน หมายศาลมาถึงแล้วค่ะ เขาบอกว่าเราไปหมิ่นประมาทแฟนใหม่เขา คือกระต่าย พรรณนิภา และมีวิดีโอที่หนูมารายการโหนกระแส ฟ้องจากเรื่องหนูมารายการโหนกระแส หนูเลยส่งให้ อ.ประจักษ์ชัย ดู อาจารย์บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวจะดูแลให้
ช่วงเช้ามีข่าวว่าครูไพบูลย์จะฟ้องผมด้วย ผมเองไม่ได้มีปัญหาถ้าครูไพบูลย์จะฟ้อง เป็นสิทธิ์ของครูไพบูลย์ ถ้าไปฟ้องก็ต้องไปรักษาสิทธิ์ ต้องมีการขึ้นศาล ถ้าสุดท้ายออกมาแล้วไม่เป็นอย่างที่ครูไพบูลย์กล่าวอ้าง ผมก็จำเป็นต้องรักษาสิทธิ์ด้วยเหมือนกัน แต่จริง ๆ อยู่วงการเดียวกัน เรื่องฟ้องกลับก็ต้องไปพิจารณา เพราะเราเจอกันอยู่แล้ว วันนั้นเราต่อสายหาครูไพบูลย์ ผมว่าเราก็ไม่ได้ไปหมิ่นอะไรแก ก็ไม่รู้จะฟ้องตรงไหน ก็ไม่เป็นไร เป็นสิทธิ์ถ้าจะฟ้องก็ไม่ได้ว่าอะไร เรื่องเดียวกันในวันเดียวกัน ในมุมเอ๋จะยังไงต่อไป ?
ทนายเก่ง : ที่ถูกฟ้องมาจะต่อสู้คดี เพราะการมารายการ เป็นการให้ข้อมูลตามจริง กับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเขาที่ผ่านมา เขาให้ข้อมูลที่เกิดขึ้นจริง ไม่มีเจตนาใส่ความ เป็นการปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง มีการให้การในรายการ ตามที่พี่หนุ่มได้สอบถาม ซึ่งทั้งหมดก็มีส่วนข้อกฎหมายที่เป็นข้อยกเว้น ก็ได้เตรียมตัวเตรียมพร้อมเรื่องพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อต่อสู้คดีในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องที่จังหวัดเลย
วันนั้นที่ฟังเข้าไหม ?
ทนายเก่ง : เข้าข้อยกเว้นทางกฎหมายครับ มันมีบทบัญญัติเรื่องกฎหมาย มาตรา 329 ที่ได้บัญญัติไว้ในลักษณะของการให้การ หรือการกล่าวในลักษณะที่มีการเหมือนพาดพิงบุคคลอื่น แต่การกล่าวนั้นเป็นการกล่าวเพื่อปกป้องตัวเอง เพื่อความเป็นธรรมของตัวเอง กฎหมายก็บัญญัติเอาไว้ ก็เป็นแนวทางในการต่อสู้กันไป
เอ๋ได้คุยกับครูบ้างไหม ?
เอ๋ : ล่าสุดบอกเขาว่าจะเอาลูกมานอนด้วย เขาเลยถามว่าต่อไปจะทำอะไรอีก ก็ถามว่าจะทำอะไร เขาบอกจะจบไหม หนูเลยบอกว่าหนูจบเพราะหนูพูดในสิ่งที่ถูกกล่าวหาไปแล้ว เขาบอกว่าทำไมสามปีที่แล้วไม่พูด หนูบอกว่าหนูพูด ทำไมจะไม่พูด เขาบอกว่าแล้วจะให้ทำอะไร หนูก็เลยบอกว่าถ้ารู้ว่าตัวเองผิดทำไมไม่ขอโทษ และไม่บอกว่าหนูไม่ได้มีชู้ เขาบอกถ้าอยากให้ขอโทษทำไมไม่บอก จะได้จบ ๆ ก็ถามว่าไม่มีจิตใต้สำนึกคิดเองเลยเหรอ ที่จะโพสต์ขอโทษเรา ถ้าหนูบอกหนูคงไม่ได้รู้สึกดีหรอกค่ะ แล้วก็ทะเลาะกัน อันนี้ก่อนมีหมายศาลมาค่ะ
หลังมีหมายศาลมา ได้คุยกันไหม ?
เอ๋ : ไม่ค่ะ
ทำไมเราไม่เจรจาหรือไกล่เกลี่ยกันจะได้จบกันในบ้าน ในมุมพี่ไม่รู้อะไรเกิดขึ้นในครอบครัว คุณถูกกล่าวหาว่ามีคนอื่นเลยต้องเลิก อาจมีการพาดพิงอดีตสามีและภรรยาใหม่เขาด้วย คุณเองฝากไว้สักวันจะโดนแบบพี่ ไปคุยกันไกล่เกลี่ยกันไม่ได้เลยเหรอ ?
เอ๋ : มีเพื่อนแคปข้อความที่เขาตอบแชตว่าผมรอเขามาเคลียร์ทุกวัน หนูเลยรู้สึกว่าหนูผิดเหรอคะ จะให้หนูไปเคลียร์ คุณเป็นคนผิดก็มาเคลียร์กับเราสิคะ หนูก็ต้องปกป้องตัวเองแล้วค่ะ ก็ปรึกษาพี่ทนาย คุยเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบให้พี่ทนายฟัง เลยได้ข้อมูลว่าจะฟ้องค่ะ
มุมเอ๋คิดว่าไม่จำเป็นต้องคุย เพราะเราไม่ได้เป็นคนผิด ?
เอ๋ : ใช่ค่ะ
เขาฟ้อง 1 ล้าน ไม่คุยเลยเหรอ ?
เอ๋ : ถ้าหนูพูดก็เหมือนหนูไปขอร้องให้เขาให้อภัย ทั้งที่หนูไม่ได้ผิด ถ้าถามว่าไม่คิดถึงลูกเหรอ ต้องให้เขาเป็นคนคิดค่ะ ไม่ใช่ให้หนูไปถามว่าฟ้องหนูทำไม ไม่คิดถึงลูกเหรอ หนูคิดว่าถ้าเขาคิดจะฟ้องหนูแล้วคงไม่ได้คิดถึงลูก
อ.ประจักษ์ชัย ว่ายังไงบ้าง ?
เอ๋ : อาจารย์บอกว่าก็ดูไปตามรายละเอียดว่าเป็นยังไง ก็ให้สิทธิ์เอ๋ว่าจะยังไง แต่อาจารย์ดูแล้วเอ๋ไม่ได้ผิด เอ๋พูดในสิ่งที่เจอมา ตอนนี้อาจารย์เป็นผู้จัดการ ถ้าอาจารย์ไม่ช่วยเอ๋ ใครจะช่วย
เคยคุยกับทาง อ.ประจักษ์ชัย เคยโทร. คุยกัน แกบอกว่าครูไพบูลย์เป็นคนดี มีงานมีการก็คุยกันตลอด ช่วยเหลือกันตลอด ทำไมตอนนี้ อ.ประจักษ์ชัยกับ ครูไพบูลย์ เหมือนมีปัญหากัน มันเกิดจากอะไร เกิดขึ้นจากเอ๋หรือเปล่า ?
เอ๋ : หนูก็รู้สึกผิดนะคะ หนูเข้ามาทำให้อาจารย์มีปัญหาหรือเปล่า แต่อาจารย์บอกว่าอาจารย์ไม่ได้อยู่ฝั่งใคร ไม่ได้ทะเลาะกับไพบูลย์ด้วย
รู้ใช่ไหมเขารักกันมาก่อน อ.ประจักษ์ชัย พูดกับครูไพบูลย์ ดีมาก จนมาเห็นข่าวล่าสุดว่ามันเกิดอะไรขึ้น ?
เอ๋ : ตอนอาจารย์เอาหนูมาปั้น อาจารย์ก็พูดตลอดว่าอาจารย์ไม่ได้ทะเลาะกับไพบูลย์ แต่มาพูดเพราะเห็นว่าไม่ได้มีการมีงานทำ อยากช่วยให้มีเงิน แต่ฝั่งครูไพบูลย์ มีการโพสต์แซะโพสต์ว่ามีผู้ใหญ่คอยยุยงให้หนูทำแบบนี้ อ.ประจักษ์ชัย เลยรู้สึกว่าทำไมเขาโพสต์แบบนั้น ส่วนตัวหนูไม่ได้รู้สึกว่ามีใครมายุยง ซึ่งการโพสต์แบบนั้น คุณไม่ไว้หน้าผู้ใหญ่เลย พูดว่า อ.ประจักษ์ชัย เป็นคนอื่น ทำไมต้องมายุ่ง ก็อยากบอกว่าตอนนี้หนูอยู่ในความดูแลของ อ.ประจักษ์ชัย ถ้าเขาไม่ช่วยแล้วใครจะช่วยหนู
เป็นไปได้ไหม สิ่งที่เอ๋เคยออกมาพูด ทำให้ทัวร์ไปลงเขาเยอะ ล่าสุดยังไม่มีข่าวเขาจะฟ้องผม ผมให้ทีมงานติดต่อเชิญแกมาออก แกก็ไม่มา ไม่ได้อยากออกมาชี้แจง พอฝั่งเอ๋พูดฝ่ายเดียวมันก็เป็นประเด็น เพราะคนฟังเอ๋พูดมุมเดียว เรื่องนี้ทนายหนักใจไหม ?
ทนายเก่ง : ด้วยพยานหลักฐาน มีเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง เขาไม่ได้ปั้นแต่งขึ้น ไปใส่ความหรือสร้างข้อเท็จจริง ยุคนี้เป็นยุคโลกออนไลน์ มันมีข้อมูลเก็บย้อนหลังได้ มันมีรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริง แล้วลักษณะคดีดังกล่าว มันมีบัญญัติกฎหมายที่ได้แจ้งไว้แต่ทีแรก มันสามารถต่อสู้คดีในประเด็นนี้ได้ ก็เลยไม่ได้มีความหนักใจในประเด็นนี้เท่าไหร่
พอครูไพบูลย์ฟ้อง ฝั่งนี้ก็ฟ้องเหมือนกัน คดีอะไร ?
ทนายเก่ง : คดีอาญา เป็นการแจ้งความร้องทุกข์พนักงานสอบสวนในท้องที่ ที่ความผิดเกิด ในความผิดฐานกระทำชำเราน้องเอ๋ พรากผู้เยาว์ คือพรากน้องเอ๋ ไปแจ้งแล้วเมื่อวานนี้ ฟ้องเองเรื่องสินสมรส ประเด็นทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างที่อยู่ด้วยกัน รายได้จากยูทูบก็ดี รายได้จากการออกงานก็ดี
ตอนนี้เอ๋อายุเท่าไหร่ ?
เอ๋ : 24 ค่ะ ตอนคบหาเขาอายุ 15-16 ค่ะ
9 ปีมาแล้ว ทำไมไม่ฟ้องตั้งแต่ตอนนั้น ?
เอ๋ : ตอนนั้นหนูคิดว่าเขาเป็นพ่อของลูก อยู่กินด้วยกันมานานแล้ว แม่ก็มีสัญญาไว้
ทำไมเมื่อก่อนไม่ฟ้อง ?
เอ๋ : แม่คิดว่าอยู่กินกันแล้วเขาจะดูแลเรา แต่พอเขาผิดสัญญา ไม่มาชดใช้ตามสัญญา แล้วมาทิ้งหนูอีก
อายุความกี่ปี ?
ทนายเก่ง : 10 ปีครับ
ที่เขาฟ้องหมิ่นประมาท 1 ล้าน ถือว่าติดคุกได้ไหม ?
ทนายเก่ง : ในข้อที่เขาฟ้องมาเป็นคดีอาญา ถ้าเป็นความผิดก็มีโอกาสติดคุกครับ
ถ้าแพ้แล้วติดคุก ทำไง ?
ทนายเก่ง : จริง ๆ เหตุผลหนึ่งหลายคนสงสัย ทำไมเราถึงเพิ่งมาดำเนินคดี ผมรู้จักน้องเอ๋ เนื่องจากรู้จัก อ.ประจักษ์ชัย เข้ามารู้จักในเชิงการทำธุรกิจผลิตภัณฑ์กันและมีการคุยกันเรื่องข้อกฎหมาย ผมก็ปรึกษาอาจารย์ ว่าถ้าเราฟ้อง ก็ฟ้องได้นะ ฟ้องตามที่เราได้แจ้งเรื่องพรากผู้เยาว์ การกระทำความผิด การกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี แต่ได้คำตอบจาก อ.ประจักษ์ชัย จากเอ๋เองว่าไม่อยากฟ้อง ไม่อยากมีคดี แต่สุดท้ายเราถูกฟ้องเลยต้องมีเหตุนี้
พอเขาฟ้องเรามา เราก็ฟ้องอีกเรื่อง มันเป็นการแก้เกี้ยวหรือเปล่า?
ทนายเก่ง : เป็นการใช้สิทธิ์ทางศาล มันเป็นสิทธิ์ที่เราใช้สิทธิ์ได้ เชื่อว่าเป็นคดีตัวอย่างที่หลายคนจับตามอง
ไม่ยืดเยื้อเหรอ ไม่ไปคุยหลังบ้าน ขอโทษกันไป คนวงการเดียวกัน ไม่ฟ้องกันด้วยซ้ำ ?
ทนายเก่ง : ครับ นี่เป็นเหตุนึงที่ อ.ประจักษ์ชัย ออกมาเต็มรูปแบบ เพราะเราคิดว่าไม่น่ามีการฟ้อง โดยเฉพาะเอ๋ ซึ่งทำมาหากินมาด้วยกัน ก่อสร้างค่ายเพลงด้วยกัน
เรื่องเอ๋ไปฟ้อง ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต บอกว่าดูแล้วมันยังไม่เข้า ขอถามความคิดเห็นนิดนึง ที่ทนายบอกว่าดูแล้วไม่น่าจะเข้า มองยังไงเรื่องพรากผู้เยาว์ พรากเอ๋นะ ไม่ใช่พรากกระต่าย ?
ทนายเจมส์ : กรณีพรากผู้เยาว์ ถ้ากรณีเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี แม้จะยินยอมไปด้วยก็ตามก็เป็นความผิด อันนี้หลักกฎหมายเป๊ะ ๆ ประเด็นอยู่ที่ว่าพ่อแม่เขายินยอมด้วยหรือไม่ สอง ผู้ที่พรากผู้เยาว์ มีเจตนาพรากเอาไปคบหากัน เอาไปเป็นเมีย กรณีนี้มันมองดูว่าขาดเจตนาในการพรากผู้เยาว์ ก่อนหน้านี้มีคำพิพากษาคำฎีกาอยู่สองฉบับ เอามาเทียบได้ ฉบับที่หนึ่ง เป็นกรณีของพ่อแม่อนุญาตให้ผู้เยาว์ไปกับผู้อื่น ตรงนี้คบหากันเป็นแฟนกัน เอาไปเป็นเมีย แบบนี้ฎีกาบอกว่าไม่ผิด เนื่องจากขาดเจตนา กับอีกอย่างหนึ่งไปลักษณะเดียวกันเด๊ะ ๆ แต่ผู้ชายมีครอบครัวอยู่แล้ว กรณีนี้ศาลมองว่าคุณไม่มีเจตนาพาเขาไปอยู่ด้วย คุณมีลูกมีเมีย แบบนี้เจตนาพาไปพรากผู้เยาว์ อันนี้คือผิด ผมไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าพ่อแม่ยินยอมหรือไม่ สองตอนพามา เขามีเจตนาพาผู้เยาว์ไปเพื่ออยู่กินกันหรือไม่ ไม่รู้ข้อเท็จจริง
ตอนนั้นพ่อแม่เรายินยอมไหม ?
เอ๋ : ไม่ได้ยินยอมค่ะ พ่อแม่ไม่ได้รับรู้ว่าเราเกินเลยกันหรือคบกัน พอพ่อแม่รับรู้ก็บินมาจากต่างประเทศมาเลย และให้มาเซ็นสัญญา ที่อ.ประจักษ์ชัย ได้โพสต์ไปค่ะ
ครั้งนั้น ตอนเราอายุ 14-15 ตอนนั้นบอกแม่ไหม ?
เอ๋ : ไม่รู้ค่ะ
แม่ไม่อนุญาต พิสูจน์ได้ไหม ?
เอ๋ : พิสูจน์ได้ค่ะ แม่ได้ลงในสัญญาแล้ว ว่าแม่ไม่ได้รับรู้ว่ามีอะไรกันมาก่อน พอแม่รับรู้ว่าหนูเสียหายแล้ว ก็ให้เขามาพูดคุยกัน และให้เขามาเซ็นสัญญา ชดใช้ค่าเสียหาย และมาสู่ขอใน 3 เดือน คือ 1 แสนบาท ถ้าเลยสัญญานี้ไป ก็ให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็น 2 แสน และดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งเขาก็ไม่ได้มาชดใช้ และไม่ได้มาสู่ขอตามสัญญาที่เขียนไว้ค่ะ
เขาบอกทางโน้นไม่ได้จ่าย และไม่ได้สู่ขอ เข้าไหม ?
ทนายเจมส์ : กรณีนี้เท่ากับพ่อแม่ไม่ยินยอม ไม่รู้เห็นด้วย เหมือนไปแอบมีอะไรกัน พอพ่อแม่รู้ ก็มาดำเนินการที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ประเด็นนี้น่าสนใจอย่างหนึ่ง หลังจากเขาไม่จ่ายเงิน ทำไมไม่ดำเนินคดี คำถามต่อมา จะกลายเป็นข้อต่อสู้อีกฝั่งหรือไม่ ว่าถ้าเขาไม่ฟ้องคุณในข้อหาหมิ่นประมาท คุณก็ไม่ดำเนินคดีเขาใช่ไหม เรื่องระยะเวลา และเรื่องการไปแจ้งความ
ที่พูดกับทนายเจมส์เพื่อให้มีสองมุมมอง จะได้เป็นธรรมกับเขาด้วย เอ๋จะตอบยังไง ทำไมทิ้งเวลา เพิ่งมาฟ้อง เพราะเขามาฟ้องเราหรือเปล่า ?
เอ๋ : หนูขอแม่ไว้ค่ะ ตอนนั้นไพบูลย์ยังไม่มีตังค์ แต่พอเริ่มมีตังค์เขาก็ไม่มาขอสักที หนูก็ไม่รู้จะยังไง แม่ก็สงสารหนู ก็คิดว่าเขาคงเลี้ยงดูหนู พอมีตังค์ มีเงินแล้ว ค่อยมาให้แม่ก็ได้ แต่พอเริ่มมีเงินเขาก็มาทิ้งเราแบบนี้ แม่เลยรู้สึกว่าจะทำยังไงได้ นอกจากไปบอกให้เขามาชดใช้ จะดำเนินคดีได้ไหม แม่พูดคุยกับหนูมาตลอด หนูก็ไม่รู้จะปรึกษาใคร จนมาพูดคุยกับ อ.ประจักษ์ชัย และทนาย
ทนายเจมส์ : ถ้าเป็นแบบนี้ ถ้าเขากระทำความผิดต่อกฎหมาย ต่อเขาเอง ต่อพ่อแม่ และเป็นอาญาแผ่นดิน สามารถใช้สิทธิ์ตามกฎหมายได้ ไม่ว่ากัน แต่อีกฝ่ายมีสิทธิ์ต่อสู้ได้เช่นเดียวกัน มองดูมันก็ก้ำกึ่ง กรณีพ่อแม่ตอนแรกเรามองว่าพ่อแม่ไม่ยอม เลยไปทำบันทึกที่ผู้ใหญ่บ้าน แต่พอเขาผิดสัญญาก็ไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย อาจมองดูว่าเป็นการยินยอมโดยปริยายหรือไม่ แต่ทั้งหมดทั้งมวลเป็นความคิดเห็นของผมซึ่งเป็นทนายความ ถ้าเป็นคดีความไปแล้ว ต้องอยู่ที่ศาลเป็นผู้วินิจฉัย
เราคุยกันสองมุมมอง คือทางโน้นไม่ได้มาด้วย เราก็ลำบากใจ เรื่องนี้เป็นอย่างทนายเจมส์พูดไหม ?
ทนายเก่ง : ที่ทนายเจมส์พูดเราก็มีแนวทางที่ตรงกัน ซึ่งเราเป็นนักกฎหมาย เมื่อมีการกระทำความผิดทางอาญาเกิดขึ้น ตัวแม่เขาเป็นผู้เสียหายด้วย และเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ก็ต้องไปว่ากันในกระบวนการ เมื่อวานไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนรับเรื่องนี้แล้ว มีการสอบปากคำพยาน เป็นคดีแรกที่ดำเนินการ
ได้จดทะเบียนกับครูเมื่อไหร่ ?
เอ๋ : จดเมื่อเดือน มิ.ย.ปี 61 จดได้ 3 เดือนก็หย่า ตอนนั้นน่าจะอายุ 19-20
มันผ่านกระบวนการไปแล้วหรือเปล่า เหมือนเขาจดทะเบียนรับผิดชอบไปแล้วหรือเปล่า ?
ทนายเก่ง : จริง ๆ ประเด็นนี้พนักงานสอบสวนก็ได้วิเคราะห์เหมือนกัน ประเด็นนี้ก็สอบให้เห็นว่าการจดทะเบียนสมรสของเขาเป็นประเด็นที่ต้องไปว่ากันในศาล จริง ๆ ทางเราสอบประเด็นนี้เพิ่มอยู่แล้ว
สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นความคิดเห็นส่วนตัว ผมว่าเรื่องนี้ถ้าครูดูอยู่ ผมว่าเบาได้ก็เบา ลองไปคุยกันหลังบ้าน อย่าลืมว่าสุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุดคือลูก การโตขึ้นไป แล้วลูกไปนั่งรับรู้ว่าพ่อฟ้องแม่ แม่ฟ้องพ่อ มันเจ็บปวด คุยกันได้ก็คุย คิดว่าจะมีการพูดคุยกันไหม ?
เอ๋ : ฝั่งเขาดีกว่าค่ะ
ห่วงความรู้สึกลูกไหม ?
เอ๋ : ห่วงมาก ๆ ค่ะ ลูกก็ถามทุกวัน (ร้องไห้) ตอนนี้ลูกก็คงนั่งดูอยู่ หนูบอกเขาว่าหนูมาทำงาน
จะทำยังไงได้ไหม มีโอกาสพูดคุยกันสองฝ่าย ผมไม่รู้ครูไพบูลย์แกแรงขนาดไหน ผมว่าครูไพบูลย์อาจต้องแยก กรณี เอ๋ มิรา เขามาพูดในมุมเขา ที่เขาเจ็บช้ำน้ำใจในมุมนั้น เราก็ต้องแมน ๆ ยอมรับในมุมนั้นด้วย แต่เข้าใจ ครูไพบูลย์กับภรรยาปัจจุบันทัวร์ลงเยอะ อาจกดดันว่าที่เขาทัวร์ลงเพราะต้นตอมาจากฝั่งนี้ เขาอาจต้องมาแก้ตรงนี้ เลยไม่ได้คิดไปอีกมุมว่าหัวจิตหัวใจลูกล่ะ ยังไงนี่ก็แม่ หัวใจของลูกเหมือนถูกขยี้ ผมว่าวันนี้ไปคุยกันดีกว่า ไม่อยากให้กลายเป็นเครื่องมือของอารมณ์ มันเสียกันไปหมด มันคุยกันได้ มันยังไม่สาย แต่ถ้าขึ้นสู่กระบวนการจะไปกันใหญ่ ทนายได้แนะนำบ้างไหม ?
ทนายเก่ง : ทางเราก็คุยกัน อย่างที่พี่หนุ่มบอก อยู่ในวงการเดียวกัน ก็ยังมีโอกาสได้เจอกัน เราอยากให้ออกมาในทิศทางที่ดี ถ้าต่างฝ่ายยังต้องใช้สิทธิ์ทางศาล เราก็จำเป็นต้องใช้สิทธิ์ทางศาลจนกว่าจะสิ้นกระบวนการ แต่ถ้าตกลงกันได้ มันสามารถยุติได้ ไม่ให้เรื่องนี้ไปจนสุดทางได้
วันนี้ต้องมีคนถอยสักก้าว อาจฝั่งเรา หรือฝั่งเขา ผมแนะนำครูไพบูลย์ ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่อยากให้นึกถึงหัวจิตหัวใจลูก สุดท้ายเอ๋อยากบอกอะไรครูไพบูลย์ ?
เอ๋ : ไม่มีอะไรจะบอกค่ะ เพราะตลอดมาเขาก็รับรู้ หนูไม่ควรมานั่งอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำตั้งแต่แรก คุณไม่ควรนอกใจเรา ไม่ควรใส่ร้ายเรา คุณเห็นลูกไหม ถ้าวันนี้คุณไม่นอกใจเรา ครอบครัวเราก็คงสุขสันต์ มีความสุขเหมือนคนอื่น แต่วันนี้นอกจากครอบครัวพังแล้ว พ่อแม่ก็จะมาฟ้องกัน คุณไม่สงสารลูกเหรอ (ร้องไห้) หนูอยากฝากคลิปนี้ไว้ ถ้าลูกโตขึ้น อยากให้เข้าใจว่าสิ่งที่แม่กำลังทำอยู่ แม่ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ (ร้องไห้) แม่ขอโทษที่รักษาครอบครัวไว้ไม่ได้ (ร้องไห้) ถ้าโตขึ้น แม่คิดว่าลูกคงไม่ทำให้ผู้หญิงร้องไห้แบบนี้นะลูก (ร้องไห้)
ขอบคุณข้อมูลจาก รายการโหนกระแส, เฟซบุ๊ก คนลูกทุ่ง