สาวฝังชิปใส่มือ เอาไว้ใช้แทนกุญแจ เหตุอยากให้ชีวิตไม่ยุ่งยาก ปลดล็อกอะไรได้ง่าย สะดวก หลายคนเห็นแล้วอึ้ง ถามจำเป็นขนาดนั้นเลย ?
ภาพจาก chipgirlhere
ในชีวิตประจำวันเราต้องใช้กุญแจเพื่อปลดล็อกสารพัดสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นประตูบ้าน ประตูห้อง ประตูรั้ว รถ หรือตู้ต่าง ๆ และอีกมากมาย หลายคนอาจจะเผชิญกับปัญหาลืมกุญแจ หรือทำกุญแจหาย แต่สำหรับหญิงรายนี้เธอไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2564 เว็บไซต์ Indy100 เผยเรื่องราวของหญิงสาวผู้ใช้บัญชี TikTok ชื่อว่า @chipgirlhere โดยเธอเรียกตัวเองว่าเป็น ชิปเกิร์ล (Chip Girl) เนื่องจากเธอฝังตัดสินใจสุดล้ำยุคไปอีกขั้น ด้วยการฝังชิปใส่ในมือของตัวเอง เพื่อที่จะใช้มันแทนการไขกุญแจหรือเสียบคีย์การ์ดแบบเดิม ๆ
ภาพจาก chipgirlhere
โดยสาวชิปเกิร์ลได้โพสต์คลิปวิดีโอขณะไปฝังชิปครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา ก่อนจะถูกแชร์เป็นไวรัลในโซเชียลเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยจะเห็นว่า เธอได้เดินทางไปฝังชิปขนาดเล็กเอาไว้ที่บริเวณหลังมือระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้
โดยภายหลังจากจัดการฝังชิปเสร็จเรียบร้อย เธอก็เดินทางกลับบ้านโดยปลอดภัย และมันก็สามารถใช้งานได้จริง เมื่อเธอลองสาธิตนำมือไปจ่อที่เครื่องอุปกรณ์ติดตั้งเพื่อรักษาความปลอดภัยที่หน้าประตูบ้าน มันก็ปลดล็อกให้ในทันที
ภาพจาก chipgirlhere
สำหรับการตัดสินใจครั้งนี้ เธอบอกว่าเป็นเพราะสามีที่ชื่นชอบเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งเขาก็ฝังชิปด้วยเหมือนกัน ทั้งนี้ เหตุสำคัญเนื่องจากบ้านของเธอมีหลายประตู หลายห้องและตู้เก็บมากมาย เธอจึงต้องการให้ปลดล็อกได้สะดวกและรวดเร็ว นอกจากนี้ เธอยังได้เผยหน้าตาของชุดอุปกรณ์ฝังชิปที่เธอใช้ ที่รวมถึงหัวเข็มฉีดสำหรับการฝังชิปเข้าใต้ผิวหนัง
อย่างไรก็ตาม เธอตัดสินใจที่จะให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนฝังชิปให้ แทนที่จะทำการฝังชิปด้วยตัวเองโดยอุปกรณ์ที่ซื้อมา
ภาพจาก chipgirlhere
หลังจากคลิปถูกแชร์ออกไป มีผู้เข้าไปชมมากกว่า 9 ล้านวิว โดยหลายคนต่างพากันประหลาดใจและตกใจไม่น้อย บางรายก็กลัวว่ามันจะเป็นอันตรายกับร่างกาย บางคนก็ถามว่า "เพื่ออะไร มันดูไม่จำเป็นขนาดนั้น แค่ใช้แทนกุญแจบ้านต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ"
คอมเมนต์รายหนึ่ง กล่าวว่า "ปกติแล้วเราจะเห็นการฝังชิปให้สุนัขเผื่อว่าพวกมันหายตัวไป แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมคนถึงต้องฝังชิปด้วยเช่นนี้" ในขณะเดียวกัน มีบางคนที่ชื่นชอบบอกว่าเป็นไอเดียที่เจ๋ง คิดว่าคงจะสะดวกมาก ๆ
ภาพจาก chipgirlhere
อย่างไรก็ตาม หลายคนรู้สึกเป็นกังวลว่าจะมีการทำเลียนแบบ โดยแนะนำว่าอย่าลองทำเองที่บ้าน ควรได้รับรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ เพราะอาจจะเกิดการติดเชื้อและกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก เว็บไซต์ Indy100
ภาพจาก chipgirlhere
ในชีวิตประจำวันเราต้องใช้กุญแจเพื่อปลดล็อกสารพัดสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นประตูบ้าน ประตูห้อง ประตูรั้ว รถ หรือตู้ต่าง ๆ และอีกมากมาย หลายคนอาจจะเผชิญกับปัญหาลืมกุญแจ หรือทำกุญแจหาย แต่สำหรับหญิงรายนี้เธอไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2564 เว็บไซต์ Indy100 เผยเรื่องราวของหญิงสาวผู้ใช้บัญชี TikTok ชื่อว่า @chipgirlhere โดยเธอเรียกตัวเองว่าเป็น ชิปเกิร์ล (Chip Girl) เนื่องจากเธอฝังตัดสินใจสุดล้ำยุคไปอีกขั้น ด้วยการฝังชิปใส่ในมือของตัวเอง เพื่อที่จะใช้มันแทนการไขกุญแจหรือเสียบคีย์การ์ดแบบเดิม ๆ
ภาพจาก chipgirlhere
โดยสาวชิปเกิร์ลได้โพสต์คลิปวิดีโอขณะไปฝังชิปครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา ก่อนจะถูกแชร์เป็นไวรัลในโซเชียลเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยจะเห็นว่า เธอได้เดินทางไปฝังชิปขนาดเล็กเอาไว้ที่บริเวณหลังมือระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้
โดยภายหลังจากจัดการฝังชิปเสร็จเรียบร้อย เธอก็เดินทางกลับบ้านโดยปลอดภัย และมันก็สามารถใช้งานได้จริง เมื่อเธอลองสาธิตนำมือไปจ่อที่เครื่องอุปกรณ์ติดตั้งเพื่อรักษาความปลอดภัยที่หน้าประตูบ้าน มันก็ปลดล็อกให้ในทันที
ภาพจาก chipgirlhere
สำหรับการตัดสินใจครั้งนี้ เธอบอกว่าเป็นเพราะสามีที่ชื่นชอบเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งเขาก็ฝังชิปด้วยเหมือนกัน ทั้งนี้ เหตุสำคัญเนื่องจากบ้านของเธอมีหลายประตู หลายห้องและตู้เก็บมากมาย เธอจึงต้องการให้ปลดล็อกได้สะดวกและรวดเร็ว นอกจากนี้ เธอยังได้เผยหน้าตาของชุดอุปกรณ์ฝังชิปที่เธอใช้ ที่รวมถึงหัวเข็มฉีดสำหรับการฝังชิปเข้าใต้ผิวหนัง
อย่างไรก็ตาม เธอตัดสินใจที่จะให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนฝังชิปให้ แทนที่จะทำการฝังชิปด้วยตัวเองโดยอุปกรณ์ที่ซื้อมา
ภาพจาก chipgirlhere
หลังจากคลิปถูกแชร์ออกไป มีผู้เข้าไปชมมากกว่า 9 ล้านวิว โดยหลายคนต่างพากันประหลาดใจและตกใจไม่น้อย บางรายก็กลัวว่ามันจะเป็นอันตรายกับร่างกาย บางคนก็ถามว่า "เพื่ออะไร มันดูไม่จำเป็นขนาดนั้น แค่ใช้แทนกุญแจบ้านต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ"
คอมเมนต์รายหนึ่ง กล่าวว่า "ปกติแล้วเราจะเห็นการฝังชิปให้สุนัขเผื่อว่าพวกมันหายตัวไป แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมคนถึงต้องฝังชิปด้วยเช่นนี้" ในขณะเดียวกัน มีบางคนที่ชื่นชอบบอกว่าเป็นไอเดียที่เจ๋ง คิดว่าคงจะสะดวกมาก ๆ
ภาพจาก chipgirlhere
อย่างไรก็ตาม หลายคนรู้สึกเป็นกังวลว่าจะมีการทำเลียนแบบ โดยแนะนำว่าอย่าลองทำเองที่บ้าน ควรได้รับรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ เพราะอาจจะเกิดการติดเชื้อและกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก เว็บไซต์ Indy100