สาวไปฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มแรก เจอฉีดเข็มเปล่า-เปลี่ยนเข็มกลางคัน พยาบาลอ้างเข็มใหญ่ไปเลยเปลี่ยนให้ เจ้าตัวเครียดหนักหวั่นเป็นเข็มใช้แล้ว ต้องกินยาต้านไวรัสเป็นเดือน โรงพยาบาลช่วยเต็มที่ แต่พยาบาลมือฉีดยังเงียบ
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2564 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Kanom'Tarn Suraprasert ได้โพสต์คลิปวิดีโอขณะฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มแรก โดยระหว่างฉีดนั้น พยาบาลได้นำเข็มปักลงไปที่แขนแต่ไม่มีวัคซีนอยู่ในนั้น ก่อนจะถอนเข็มออกแล้วฉีดเข็มใหม่ ทำให้เจ้าของคลิปถึงกับต้องถามว่าเธอต้องเจ็บตัวสองรอบเลยเหรอ ทางด้านพยาบาลก็อ้างว่าเข็มแรกใหญ่ เลยเปลี่ยนเข็มใหม่ให้ ซึ่งเจ้าของคลิประบุว่าตนกลับมาดูคลิปอีกรอบก็ยังงง ๆ ว่าทำไมถึงโดนฉีดสองรอบ
ต่อมา เจ้าของคลิปได้ระบายความรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่ระมัดระวังตัวเองมาก ๆ ดูแลตัวเองดีมาตลอดเพราะกลัว คิดว่าจะไม่ฉีดวัคซีนโควิด 19 เด็ดขาดเพราะกลัว แต่พอรวบรวมความกล้ามาฉีดกลับต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ ทำให้เธอต้องกินยาต้านไวรัสหลายเม็ด ได้รับผลข้างเคียงอย่างรุนแรง นอนไม่ได้ ทั้งถ่าย ทั้งอาเจียน ทั้งหมดมาจากความประมาทจากคนคนเดียว ถ้าไม่มีคลิปเป็นหลักฐานแล้ววันหนึ่งเกิดป่วยขึ้นมาคงจะต้องตายฟรี ๆ ทำไมต้องโกหกตั้งแต่ตอนที่ผิดพลาด ทำไมไม่อธิบายความจริง
ล่าสุดวันที่ 28 ตุลาคม 2564 เจ้าของคลิปได้ชี้แจงรายละเอียดที่เกิดขึ้นในวันที่ฉีดวัคซีนดังนี้
15.34 น. พยาบาลฉีดเข็มแรกพบว่าไม่มีวัคซีน ซึ่งไม่รู้เข็มของใคร ไม่รู้เข็มใหม่หรือเข็มออะไร ก่อนจะดึงออกแล้วฉีดเข็มใหม่ที่มีวัคซีน จึงถามไปว่าทำไมถึงโดนสองเข็ม พยาบาลบอกว่าเข็มแรกมัยใหญ่เลยเอาเข็มเล็กมาเปลี่ยนให้ ซึ่งระหว่างที่นั่งรออาการก็ยังไม่สบายใจ กลับบ้านมาดูคลิปอีกครั้งถึงรู้ว่าเข็มเหมือนกันแต่เข็มแรกไม่มีวัคซีน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าเหมือนเข็มที่ใช้แล้วก่อนหน้าแต่ไม่ได้ทิ้ง กลับวางไว้ที่โต๊ะ เพราะเข็มที่ต้องฉีดยังอยู่ในตะกร้า
17.11 น. ยังไม่สบายใจ จึงปรึกษาหลาย ๆ คน น้องที่รู้จักที่เป็นพยาบาลบอกให้มาโรงพยาบาลต้องกินยาต้านไวรัส
18.00 น. มาถึงโรงพยาบาลนำคลิปให้พยาบาลดูก่อนจะมีการประสานงานส่งคลิปเข้าโรงพยาบาล
19.00 น. มีการเจาะเลือด และให้กลับบ้าน แต่ก็ยังคาใจว่าไม่ต้องกินยาเหรอ พยาบาลบอกว่ามีผลข้างเคียงรุนแรง และถามกลับว่าจะกินไหม จึงยังไม่ได้รับยามากิน ก่อนจะกลับบ้าน แต่ก็ยังคาใจ จอดรถที่ปั๊มน้ำมันเพื่อปรึกษาเพื่อนที่มีแฟนเป็นหมอ ก็ได้รับคำตอบว่ายังไงก็ต้องได้รับยาต้านไวรัส เพราะไม่รู้ว่าเข็มนั้นใช้ไปแล้วหรือยัง
19.26 น. พยาบาลโทร. มาประสานงานให้ไปรับยา ติดตามผล
20.00 น. แวะกินข้าว
20.28 น. คนรู้จักแจ้งมาว่ารู้ว่าว่าพยาบาลที่ฉีดทำงานอยู่ที่ไหน ทีมสอบสวนได้ดำเนินการให้แล้ว หลังจากนั้นเจ้าของเรื่องก็ได้เดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ต่อมาพยาบาลได้โทร. มาสอบถามอาการและประสานงาน ยืนยันว่าดำเนินเรื่องให้อยู่ และติดต่อพยาบาลคนที่ฉีดได้แล้ว เขาแจ้งว่าเข็มนั้นไม่ใช่เข็มที่ฉีดไปแล้ว ซึ่งเจ้าของคลิประบุว่าตนจะเชื่อใจได้ไหมเพราะตอนแรกยังโกหกเลย
22.00 น. กินยาต้านไวรัสชนิดรุนแรงมาก พร้อมกับปรึกษาตำรวจที่สถานีตำรวจถึงแนวทางในเรื่องนี้ที่ตนต้องมากินยาต้านไวรัสโดยที่พยาบาลคนนั้นทำงานโดยประมาท
00.00 น. กลับบ้าน มีอาการเวียนหัว ไม่มีแรง อาเจียน ถ่าย ผลข้างเคียงจากยาต้านไวรัส แทบนอนไม่ได้ จนถึง 04.00 น. เพลียมากจนกระทั่งหลับไป
09.00 น. กินยาและหลังจากนั้น 1 ชั่วโมงก็เกิดพะอืดพะอม ไม่มีแรง และถ่าย
14.30 น. ไปฟังผลเลือดที่โรงพยาบาล พบว่าผลเลือดปกติแต่ต้องกินยาต้านไวรัสไปอีก 28 วัน และนัดเจาะเลือดอีก 3 ครั้ง
16.00 น. ทีมแพทย์ทางโรงพยาบาลสระบุรีได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการรักษาในการกินยาต้านไวรัส และ ปรึกษาหารือเรื่องวัคซีนที่ฉีดเข้าจะมีผลต่อการต้านยาไวรัสหรือไม่ ส่วนคนที่ฉีดยังไม่ติดต่อมา และยังไม่ได้รับอธิบายในเรื่องเข็มฉีดยานั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Kanom'Tarn Suraprasert
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2564 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Kanom'Tarn Suraprasert ได้โพสต์คลิปวิดีโอขณะฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มแรก โดยระหว่างฉีดนั้น พยาบาลได้นำเข็มปักลงไปที่แขนแต่ไม่มีวัคซีนอยู่ในนั้น ก่อนจะถอนเข็มออกแล้วฉีดเข็มใหม่ ทำให้เจ้าของคลิปถึงกับต้องถามว่าเธอต้องเจ็บตัวสองรอบเลยเหรอ ทางด้านพยาบาลก็อ้างว่าเข็มแรกใหญ่ เลยเปลี่ยนเข็มใหม่ให้ ซึ่งเจ้าของคลิประบุว่าตนกลับมาดูคลิปอีกรอบก็ยังงง ๆ ว่าทำไมถึงโดนฉีดสองรอบ
ต่อมา เจ้าของคลิปได้ระบายความรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่ระมัดระวังตัวเองมาก ๆ ดูแลตัวเองดีมาตลอดเพราะกลัว คิดว่าจะไม่ฉีดวัคซีนโควิด 19 เด็ดขาดเพราะกลัว แต่พอรวบรวมความกล้ามาฉีดกลับต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ ทำให้เธอต้องกินยาต้านไวรัสหลายเม็ด ได้รับผลข้างเคียงอย่างรุนแรง นอนไม่ได้ ทั้งถ่าย ทั้งอาเจียน ทั้งหมดมาจากความประมาทจากคนคนเดียว ถ้าไม่มีคลิปเป็นหลักฐานแล้ววันหนึ่งเกิดป่วยขึ้นมาคงจะต้องตายฟรี ๆ ทำไมต้องโกหกตั้งแต่ตอนที่ผิดพลาด ทำไมไม่อธิบายความจริง
ล่าสุดวันที่ 28 ตุลาคม 2564 เจ้าของคลิปได้ชี้แจงรายละเอียดที่เกิดขึ้นในวันที่ฉีดวัคซีนดังนี้
15.34 น. พยาบาลฉีดเข็มแรกพบว่าไม่มีวัคซีน ซึ่งไม่รู้เข็มของใคร ไม่รู้เข็มใหม่หรือเข็มออะไร ก่อนจะดึงออกแล้วฉีดเข็มใหม่ที่มีวัคซีน จึงถามไปว่าทำไมถึงโดนสองเข็ม พยาบาลบอกว่าเข็มแรกมัยใหญ่เลยเอาเข็มเล็กมาเปลี่ยนให้ ซึ่งระหว่างที่นั่งรออาการก็ยังไม่สบายใจ กลับบ้านมาดูคลิปอีกครั้งถึงรู้ว่าเข็มเหมือนกันแต่เข็มแรกไม่มีวัคซีน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าเหมือนเข็มที่ใช้แล้วก่อนหน้าแต่ไม่ได้ทิ้ง กลับวางไว้ที่โต๊ะ เพราะเข็มที่ต้องฉีดยังอยู่ในตะกร้า
17.11 น. ยังไม่สบายใจ จึงปรึกษาหลาย ๆ คน น้องที่รู้จักที่เป็นพยาบาลบอกให้มาโรงพยาบาลต้องกินยาต้านไวรัส
18.00 น. มาถึงโรงพยาบาลนำคลิปให้พยาบาลดูก่อนจะมีการประสานงานส่งคลิปเข้าโรงพยาบาล
19.00 น. มีการเจาะเลือด และให้กลับบ้าน แต่ก็ยังคาใจว่าไม่ต้องกินยาเหรอ พยาบาลบอกว่ามีผลข้างเคียงรุนแรง และถามกลับว่าจะกินไหม จึงยังไม่ได้รับยามากิน ก่อนจะกลับบ้าน แต่ก็ยังคาใจ จอดรถที่ปั๊มน้ำมันเพื่อปรึกษาเพื่อนที่มีแฟนเป็นหมอ ก็ได้รับคำตอบว่ายังไงก็ต้องได้รับยาต้านไวรัส เพราะไม่รู้ว่าเข็มนั้นใช้ไปแล้วหรือยัง
19.26 น. พยาบาลโทร. มาประสานงานให้ไปรับยา ติดตามผล
20.00 น. แวะกินข้าว
20.28 น. คนรู้จักแจ้งมาว่ารู้ว่าว่าพยาบาลที่ฉีดทำงานอยู่ที่ไหน ทีมสอบสวนได้ดำเนินการให้แล้ว หลังจากนั้นเจ้าของเรื่องก็ได้เดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ต่อมาพยาบาลได้โทร. มาสอบถามอาการและประสานงาน ยืนยันว่าดำเนินเรื่องให้อยู่ และติดต่อพยาบาลคนที่ฉีดได้แล้ว เขาแจ้งว่าเข็มนั้นไม่ใช่เข็มที่ฉีดไปแล้ว ซึ่งเจ้าของคลิประบุว่าตนจะเชื่อใจได้ไหมเพราะตอนแรกยังโกหกเลย
22.00 น. กินยาต้านไวรัสชนิดรุนแรงมาก พร้อมกับปรึกษาตำรวจที่สถานีตำรวจถึงแนวทางในเรื่องนี้ที่ตนต้องมากินยาต้านไวรัสโดยที่พยาบาลคนนั้นทำงานโดยประมาท
00.00 น. กลับบ้าน มีอาการเวียนหัว ไม่มีแรง อาเจียน ถ่าย ผลข้างเคียงจากยาต้านไวรัส แทบนอนไม่ได้ จนถึง 04.00 น. เพลียมากจนกระทั่งหลับไป
09.00 น. กินยาและหลังจากนั้น 1 ชั่วโมงก็เกิดพะอืดพะอม ไม่มีแรง และถ่าย
14.30 น. ไปฟังผลเลือดที่โรงพยาบาล พบว่าผลเลือดปกติแต่ต้องกินยาต้านไวรัสไปอีก 28 วัน และนัดเจาะเลือดอีก 3 ครั้ง
16.00 น. ทีมแพทย์ทางโรงพยาบาลสระบุรีได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการรักษาในการกินยาต้านไวรัส และ ปรึกษาหารือเรื่องวัคซีนที่ฉีดเข้าจะมีผลต่อการต้านยาไวรัสหรือไม่ ส่วนคนที่ฉีดยังไม่ติดต่อมา และยังไม่ได้รับอธิบายในเรื่องเข็มฉีดยานั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Kanom'Tarn Suraprasert
