โศกนาฏกรรมเทศกาลดนตรีในสหรัฐฯ คนดูเหยียบกันดับ 8 ชีวิต ระหว่างคอนเสิร์ต Travis Scott รถฉุกเฉินวิ่งว่อน แต่ศิลปินยังต้องร้องเพลงต่อ

ภาพจาก SUZANNE CORDEIRO / AFP
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2564 เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นและรอยเตอร์ส รายงานเหตุสลดเกิดขึ้นที่เทศกาลดนตรี Astroworld Festival ในเมืองฮูสตัน รัฐเท็กซัส สหรัฐฯ ในคืนแรก ซึ่งมีศิลปินแรปเปอร์ชื่อดัง ทราวิส สก็อตต์ (Travis Scott) เล่นเปิดคอนเสิร์ต คนดูเกิดการเบียดเสียดจนเหยียบกันได้รับบาดเจ็บหนักจนถึงขั้นเสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย และบาดเจ็บอีกหลายสิบชีวิต
คอนเสิร์ตดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมประมาณ 50,000 คน เหตุการณ์เริ่มขึ้นหลังเวลาประมาณ 21.00 น. ฝูงชนเริ่มหลั่งไหลเข้าไปแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นก็ไปแออัดกันที่หน้าเวทีจนแน่นและยิ่งพยายามดิ้นรนก็ยิ่งหายใจไม่ออก จากนั้นผู้คนเริ่มดันกันจนล้มและเหยียบกัน เมื่อคนยิ่งตื่นตระหนกก็กลายเป็นความโกลาหลเกิดขึ้น

ภาพจาก SUZANNE CORDEIRO / AFP
เอมิลี มุนกูยา วัย 22 ปี หนึ่งในผู้อยู่ในเหตุการณ์ เล่านาทีช็อก "ทุกอย่างเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ที่สก็อตต์ขึ้นเวที ฝูงชนบีบอัดกันแน่นมากจนฉันรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก ฉันเริ่มกรีดร้องขอความช่วยเหลือ... ฉันรู้สึกกลัวจนแทบตาย ฉันเห็นคนจำนวนมากนอนเจ็บ หมดสติ เลือดออก และร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง"
คลิปวิดีโอที่โพสต์บนโซเชียลมีเดียแสดงให้เห็นความโกลาหลภายในงาน ผู้เข้าร่วมงาน ทีมงานและเจ้าหน้าที่ พยายามช่วยเหลือและปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บที่หมดสติ มีวิดีโอหนึ่งแสดงให้เห็นว่าแฟน ๆ พยายามบอกให้ทางทีมงานถ่ายภาพทราบว่าเกิดเหตุการณ์อันตราย และอีกวิดีโอหนึ่งแสดงให้เห็นเหล่าผู้คนโบกมือไปทางเวทีส่งเสียงตะโกนว่า "หยุดการแสดง !"
ภายหลังจากมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก จึงได้มีการระงับการจัดงาน คอนเสิร์ตสิ้นสุดลงเวลาประมาณ 22.10 น. เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการสอบสวน ขณะที่ทางผู้จัดเทศกาล Astroworld ได้กล่าวในแถลงการณ์ระบุว่า "เป็นค่ำคืนที่สุดเศร้าสลด และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งถึงครอบครัวของผู้สูญเสียบุคคลที่รักไป"
ทางด้านศิลปินหนุ่ม สก็อตต์ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางโซเชียล ระบุว่า "ผมรู้สึกใจสลายอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสียและได้รับผลกระทบ" พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าจะให้การช่วยเหลือตำรวจในการสืบสวนอย่างเต็มที่ รวมไปถึงขอบคุณเจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินที่ให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว
ขอบคุณข้อมูลจาก CNN, Reuters, BBC