สาวแชร์ประสบการณ์ทำคางวีไลน์ ตัดกราม แทนที่จะสวยสมใจ แต่ผลออกมาเหมือนเป็นตราบาป มีแผลเป็นใหญ่ลึกที่ใต้คาง ทั้งที่ รพ. ไม่เคยแจ้งก่อน พอโพสต์ลงกลุ่มก็โดนไล่ลบ แถมเตะออกจากกลุ่ม
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เจ๊ม้อยv plus
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 สาวผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้แชร์ประสบการณ์สุดแสนทรมานจากการทำศัลยกรรม โดยให้สัมภาษณ์ผ่าน กระปุกดอทคอม ว่า เธอได้ทำคางเพื่อปรับรูปหน้ากับโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี รวมค่าใช้จ่าย 204,000 บาท แต่ทางโรงพยาบาลลดให้เหลือ 185,000 บาท เพื่อขอถ่ายเป็นเคสรีวิว
ภายหลังการทำปรากฏว่ามีแผลเป็นใหญ่และลึกอยู่บริเวณใต้คาง ซึ่งเธอไม่ทราบมาก่อนว่าจะมีแผลเป็นแบบนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งก่อน จนเธอรู้สึกว่าการปรับรูปหน้าครั้งนี้เป็นเหมือนตราบาปของเธอเลยทีเดียว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เจ๊ม้อยv plus
พร้อมกับโพสต์เรื่องราวเตือนลงโซเชียล ระบุว่า ทั้งนี้ สาวคนนี้เผยว่า เธอได้ไปคุยกับคุณหมอและเซลล์เสริมความงานที่คลินิกแห่งหนึ่ง เพื่อตัดกราม กรอกราม และทำวีไลน์ ซึ่งเธอไม่ทราบมาก่อนว่าหากทำแล้ว จะเกิดแผลภายนอก จนกระทั่งวันที่ 7 พฤศจิกายน 2564 ที่มีการนัดตัดไหม และผ่านไป 2 อาทิตย์ คุณหมอก็เพิ่งมาบอกว่าแผลแห่งแล้ว ทายานะ หากแต่แผลจากการทำวีไลน์ยังอยู่ จนเธอเองก็งงเหมือนกัน
ทั้งนี้ ตลอดเวลาหลังการผ่าตัด ไม่มีการติดต่อจากโรงพยาบาล ไม่มีถามว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง คือโกรธตั้งแต่มีแผลที่เราไม่เต็มใจแล้ว เธอจึงไปโพสต์ถามในกลุ่มของโรงพยาบาล แต่แอดมินไม่อนุมัติโพสต์ เธอจึงโพสต์อีกครั้งและเริ่มมีคนแชร์และคอมเมนต์ แต่ก็โดนลบโพสต์ โพสต์อีกก็โดนลบอีก และสุดท้ายก็โดนเตะออกจากกลุ่ม
"อย่าเสพแต่รีวิวดี ๆ ค้นหาเคสหลุดหรือรีวิวอื่น ๆ เพิ่มด้วยค่ะ เราเองก็หลงเชื่อรีวิวของโรงพยาบาล พอเราโพสต์ไปและคนเริ่มพูดถึง ตอนนี้ทางโรงพยาบาลโทร. มาขอโทษและขอดูแลโดยการให้เลเซอร์ ตอนนี้บอกตรง ๆ ว่าไม่ไว้ใจและไม่สะดวกใจมาก ใครมีความรู้รบกวนด้วยนะคะ"
อย่างไรก็ตาม เมื่อโพสต์ดังกล่าวแพร่ออกไป ชาวเน็ตเข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่มองว่าทางโรงพยาบาลและเซลล์ควรอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจในทุกแง่มุมก่อนเข้ารับการทำวีไลน์ ว่าจะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง ลูกค้าจะได้ตัดสินใจถูกว่าจะยอมรับผลที่ตามมาหรือไม่
อีกทั้งการที่มีลูกค้ารีวิวแล้วไปลบโพสต์แบบนั้น หลายคนมองว่าทำไม่ถูกต้อง เหมือนตั้งใจปกปิดการเคสรักษาที่มีปัญหา ซึ่งหลายคนอยากทราบโรงพยาบาลอะไร และอยากให้โรงพยาบาลออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เจ๊ม้อยv plus
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เจ๊ม้อยv plus
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เจ๊ม้อยv plus
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เจ๊ม้อยv plus
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก เจ๊ม้อยv plus
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เจ๊ม้อยv plus
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 สาวผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้แชร์ประสบการณ์สุดแสนทรมานจากการทำศัลยกรรม โดยให้สัมภาษณ์ผ่าน กระปุกดอทคอม ว่า เธอได้ทำคางเพื่อปรับรูปหน้ากับโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี รวมค่าใช้จ่าย 204,000 บาท แต่ทางโรงพยาบาลลดให้เหลือ 185,000 บาท เพื่อขอถ่ายเป็นเคสรีวิว
ภายหลังการทำปรากฏว่ามีแผลเป็นใหญ่และลึกอยู่บริเวณใต้คาง ซึ่งเธอไม่ทราบมาก่อนว่าจะมีแผลเป็นแบบนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งก่อน จนเธอรู้สึกว่าการปรับรูปหน้าครั้งนี้เป็นเหมือนตราบาปของเธอเลยทีเดียว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เจ๊ม้อยv plus
พร้อมกับโพสต์เรื่องราวเตือนลงโซเชียล ระบุว่า ทั้งนี้ สาวคนนี้เผยว่า เธอได้ไปคุยกับคุณหมอและเซลล์เสริมความงานที่คลินิกแห่งหนึ่ง เพื่อตัดกราม กรอกราม และทำวีไลน์ ซึ่งเธอไม่ทราบมาก่อนว่าหากทำแล้ว จะเกิดแผลภายนอก จนกระทั่งวันที่ 7 พฤศจิกายน 2564 ที่มีการนัดตัดไหม และผ่านไป 2 อาทิตย์ คุณหมอก็เพิ่งมาบอกว่าแผลแห่งแล้ว ทายานะ หากแต่แผลจากการทำวีไลน์ยังอยู่ จนเธอเองก็งงเหมือนกัน
ทั้งนี้ ตลอดเวลาหลังการผ่าตัด ไม่มีการติดต่อจากโรงพยาบาล ไม่มีถามว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง คือโกรธตั้งแต่มีแผลที่เราไม่เต็มใจแล้ว เธอจึงไปโพสต์ถามในกลุ่มของโรงพยาบาล แต่แอดมินไม่อนุมัติโพสต์ เธอจึงโพสต์อีกครั้งและเริ่มมีคนแชร์และคอมเมนต์ แต่ก็โดนลบโพสต์ โพสต์อีกก็โดนลบอีก และสุดท้ายก็โดนเตะออกจากกลุ่ม
"อย่าเสพแต่รีวิวดี ๆ ค้นหาเคสหลุดหรือรีวิวอื่น ๆ เพิ่มด้วยค่ะ เราเองก็หลงเชื่อรีวิวของโรงพยาบาล พอเราโพสต์ไปและคนเริ่มพูดถึง ตอนนี้ทางโรงพยาบาลโทร. มาขอโทษและขอดูแลโดยการให้เลเซอร์ ตอนนี้บอกตรง ๆ ว่าไม่ไว้ใจและไม่สะดวกใจมาก ใครมีความรู้รบกวนด้วยนะคะ"
อย่างไรก็ตาม เมื่อโพสต์ดังกล่าวแพร่ออกไป ชาวเน็ตเข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่มองว่าทางโรงพยาบาลและเซลล์ควรอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจในทุกแง่มุมก่อนเข้ารับการทำวีไลน์ ว่าจะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง ลูกค้าจะได้ตัดสินใจถูกว่าจะยอมรับผลที่ตามมาหรือไม่
อีกทั้งการที่มีลูกค้ารีวิวแล้วไปลบโพสต์แบบนั้น หลายคนมองว่าทำไม่ถูกต้อง เหมือนตั้งใจปกปิดการเคสรักษาที่มีปัญหา ซึ่งหลายคนอยากทราบโรงพยาบาลอะไร และอยากให้โรงพยาบาลออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เจ๊ม้อยv plus
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เจ๊ม้อยv plus
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เจ๊ม้อยv plus
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เจ๊ม้อยv plus
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก เจ๊ม้อยv plus