พระมหาไพรวัลย์ ฟาดกลับเละ หลัง ศรีสุวรรณ จรรยา บอกต้องยึดทรัพย์สิน พส หลังลาสิกขา ซัดโง่แล้วอวดฉลาด ชี้ถ้าเรียนกฎหมายแล้วโง่ขนาดนี้ เสียเวลาเปล่า ก่อนยกข้อกฎหมายโต้กลับ ด้าน ศรีสุวรรณ ยังไม่หยุด ถามจะให้คนบวชแล้วสึก เอาเงินทองไปเสวยสุขเหรอ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ไพรวัลย์ วรรณบุตร
เป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจอย่างมาก กรณี พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ วัดสร้อยทอง ประกาศเตรียมสละสมณเพศ โดยคาดว่ามีกำหนดลาสิขาประมาณวันที่ 4-5 ธันวาคม 2564
อ่านข่าว : กำหนดวันสึก พระมหาไพรวัลย์ สุดงง เจอข่าวรวยร้อยล้าน - พระมหาสมปอง มีแพลนสึกด้วย
ขณะที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ลงเฟซบุ๊กเกี่ยวกับการลาสิกขาของพระสงฆ์ ระบุว่า ทรัพย์สินของ พส. ที่ได้มาในขณะอยู่ในสมณเพศต้องตกเป็นของวัด เมื่อพระรูปนั้นลาสิกขา เว้นแต่จำหน่ายจ่ายโอนไปก่อนที่จะสละสมณเพศ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศรีสุวรรณ จรรยา
พร้อมยกรายละเอียดใจความว่า ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างเป็นพระภิกษุ เป็นทรัพย์สินที่ศรัทธาญาติโยมถวายให้ในฐานะผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา ทรัพย์สินเหล่านั้น มิได้ถวายเป็นของส่วนตัวของพระภิกษุ ดังนั้น จึงถือว่าทรัพย์สินเหล่านั้นมิใช่ของพระภิกษุ แต่เป็นของวัด กฎหมายถือว่าเป็นของที่ให้เพื่อทำบุญในพระพุทธศาสนา ไม่ได้ให้แก่พระภิกษุเป็นการส่วนตัว เพราะถ้าไม่ใช่เป็นพระภิกษุ ก็จะไม่มีคนทำบุญให้ หรือดังที่มีผู้ตั้งคำถามว่า "ถ้าไม่บวชจะได้มาหรือ"
ล่าสุด วันที่ 1 ธันวาคม 2564 พระมหาไพรวัลย์ โพสต์ถึงกรณีดังกล่าว ระบุว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1623 ทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาในระหว่างเวลาที่อยู่ในสมณเพศนั้น เมื่อพระภิกษุนั้นถึงแก่มรณภาพให้ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุนั้น เว้นไว้แต่พระภิกษุนั้นจะได้จำหน่ายไปในระหว่างมีชีวิตหรือโดยพินัยกรรม ป.ล. เรียนกฎหมายมาเพื่อที่จะโง่ขนาดนี้ เสียเวลาเรียนเพื่ออะไร ?
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ไพรวัลย์ วรรณบุตร
นอกจากนี้ พส. ยังระบุข้อความฟาดถึงศรีสุวรรณในคอมเมนต์ ชนิดที่อ่านแล้วเจ็บแสบไม่น้อย อาทิ
- กูยังไม่ตาย สภาพพพ
- สึกเมื่อไร ถ้าพูดจาส่งเดชอีก อาตมาจะเป็นฝ่ายฟ้องลุงบ้างละนะ
- ในกรณีที่มีหนี้สินในขณะบวชพระ ทางวัดต้องรับผิดชอบแทนด้วยไหม
- ทำไมต้องหนาวฮะ หิมะตกที่เมืองไทยหรอ (ภาพแชร์ของข่าวมีข้อความว่า พส. มีหนาว !)
- เกิดมาทำไมก่อน (รูปเค้ก)
- จำเนื้อไม่ค่อยได้ แต่ขยันร้อง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ไพรวัลย์ วรรณบุตร
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ไพรวัลย์ วรรณบุตร
ขณะที่เพจ Drama-addict ได้โพสต์ไม่เห็นด้วยกับ ศรีสุวรรณ จรรยา เช่นกัน โดยระบุว่า ข้อกฎหมายที่ยกมานั้นเป็นกรณีภิกษุ มรณภาพและไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ ทรัพย์สินส่วนตัวจึงตกเป็นของวัด แต่กรณีสึกแล้ว ไม่ได้มรณภาพ ทรัพย์ส่วนตัวก็ยังคงเป็นทรัพย์ส่วนตัวของอดีตพระภิกษุนะ พร้อมกับอ้างอิงแหล่งข้อมูลจาก สำนักงานกิจการยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม นายศรีสุวรรณ จรรยา ยังคงโพสต์ภายหลังจากการตอบโต้ของพระมหาไพรวัลย์ และเพจชื่อดังต่าง ๆ ระบุว่า เราจะสนับสนุนให้คนมาบวชเป็นพระเพื่อแสวงหาสะสมทรัพย์สินเงินทอง นำทรัพย์นั้นติดตัวไปเสวยสุขได้หรือ ?
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศรีสุวรรณ จรรยา