นูร ซาญัต ไฮโซสาวสอง ไม่แคร์ถูกศาลมาเลเซียสั่งยึดทรัพย์-ขายทอดตลาด ตอบเชิด ๆ ก็แค่ที่เหลือทิ้งไว้ ยังมีอีกเพียบ จากนี้มุ่งเป้าสร้างอาณาจักรใหม่ในออสเตรเลีย
เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของชาวมาเลเซีย สำหรับกรณีของ นูร ซาญัต (Nur Sajat) วัย 36 ปี สาวประเภทสองคนดัง เจ้าของอาณาจักรความงามในมาเลเซีย ที่ถูกตั้งข้อหาทางศาสนาหลังสวมชุดผู้หญิงเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนา แต่ต่อมา นูร ซาญัต ได้หลบหนีเข้ามายังประเทศไทยและถูก ตม. ตามจับคาคอนโดหรู ซึ่งได้มีการประกันตัว ก่อนจะเดินทางต่อไปยังประเทศออสเตรเลีย เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น
อ่านข่าว : มาเลเซียเจรจารัฐบาลไทย ส่งตัวสาวสอง กลับมาดำเนินคดี หลังแต่งหญิงเข้าร่วมพิธีกรรม
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 เว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซ รายงานว่า ศาลสูงในประเทศมาเลเซียได้มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ของ นูร ซาญัต มาขายทอดตลาด หลังจากที่เธอไม่ยอมจ่ายเงินชดเชยจำนวน 200,000 ริงกิต (ราว 1.6 ล้านบาท) ให้แก่บริษัทค้าส่ง OWA Resources Sdn Bhd. สืบเนื่องจากการละเมิดสัญญาทางธุรกิจ ซึ่งเจ้าแม่ธุรกิจเสริมความงามยื่นอุทธรณ์ในชั้นศาลไม่สำเร็จในเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ขณะที่สื่อท้องถิ่นยังรายงานว่า นูร ซาญัต อาจถูกขึ้นทะเบียนเป็นบุคคลล้มละลาย หลังมีเจ้าหนี้ยื่นฟ้องต่อศาลในเดือนตุลาคม ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เป็นผลกระทบเกิดขึ้นภายหลังจากที่เธอลี้ภัยออกนอกประเทศ
แต่เห็นได้ชัดว่าคำสั่งยึดทรัพย์ที่เกิดขึ้น ไม่อาจทำให้ นูร ซาญัต เดือดร้อนใจใด ๆ เพราะในวันเดียวกันนั้น เธอก็ได้ออกมาไลฟ์สตรีมผ่าน TikTok บอกชัดว่าทรัพย์สินต่าง ๆ ที่ทางการมาเลเซียจะยึดไปได้ก็มีแค่ของเหลือเท่านั้น
"ฉันหอบทรัพย์สินมาที่นี่ด้วย ส่วนที่อยู่ในมาเลเซียก็แค่ของที่เหลือไว้ งั้นก็เอาเลย ไปยึดเลย" นูร ซาญัต กล่าว
เธอยังชี้ว่าหลังจากทรัพย์สินของเธอถูกยึดไปขายทอดตลาด ก็จะเป็นจุดสิ้นสุดของเธอในมาเลเซีย ในตอนนี้เธอมีสถานะเป็นผู้พำนักถาวรในประเทศออสเตรเลียแล้ว จึงไม่แคร์เกี่ยวกับของที่เหลือทิ้งไว้ อีกทั้งเงินจำนวนนั้นก็ยังสามารถหาได้ใหม่เสมอ
อย่างไรก็ตาม เธอเสมอความผิดหวังเล็กน้อยต่อระบบยุติธรรมของมาเลเซีย ที่เธอรู้สึกว่าค่อนข้างไม่เป็นธรรมที่ทางการจะสั่งให้เธอเป็นบุคคลล้มละลาย ในตอนที่ทุก ๆ คนต่างทราบดีว่าเธอออกนอกประเทศมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์แล้ว และย้ำว่าทนายความของเธอได้แจ้งเรื่องการหายตัวไปของเธอให้บริษัทคู่กรณีทราบแล้ว แต่ฝ่ายนั้นยังยื่นกรานที่จะเดินเรื่องทางกฎหมาย จนนำมาสู่คำสั่งยึดทรัพย์ในครั้งนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก เวิลด์ออฟบัซ, เวิลด์ออฟบัซ