แม่หัวใจสลาย จองทำคลอดแบบพิเศษกับคุณหมอที่คลินิก แต่พบว่ามีมูกออกมา เลยไปหาหมอคิดว่าจะคลอด พอไป รพ. พบว่าแค่มีมูก น้ำคร่ำยังไม่เดิน ให้แอดมิตก่อนปล่อยออกมาตอนเช้า ส่วนหมอที่จองไว้ก็ไม่มาดู มารู้อีกที น้องเสียชีวิตคาท้อง

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า นางสาวจิรากร อายุ 24 ปี ได้เผยถึงเรื่องราวใจสลาย เมื่อเธอตั้งท้องและมีกำหนดเตรียมจะคลอดในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 อีกทั้งยังได้ลางาน สร้างบ้านเอาไว้เพื่อให้คุณยายมาช่วยดูแลลูกให้
แต่กลายเป็นว่าเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นางสาวจิรากรเจ็บท้อง มีมูกออกมา จึงโทร. ไปหาคลินิกคุณหมอ และถามว่ามีมูกขนาดไหนถึงจะไปโรงพยาบาลได้ คุณหมอบอกว่าให้เธอไปโรงพยาบาลเลยถ้าไม่มั่นใจ แล้วเดี๋ยวทางโรงพยาบาลจะดูแลให้ เพราะแต่ละเคสไม่เหมือนกัน เธอจึงตัดสินใจไปโรงพยาบาล และพบว่าปากมดลูกเปิด 1 ซม. ท้องปั้นถี่บ่อย โรงพยาบาลจึงให้แอดมิต
แต่กลายเป็นว่าเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นางสาวจิรากรเจ็บท้อง มีมูกออกมา จึงโทร. ไปหาคลินิกคุณหมอ และถามว่ามีมูกขนาดไหนถึงจะไปโรงพยาบาลได้ คุณหมอบอกว่าให้เธอไปโรงพยาบาลเลยถ้าไม่มั่นใจ แล้วเดี๋ยวทางโรงพยาบาลจะดูแลให้ เพราะแต่ละเคสไม่เหมือนกัน เธอจึงตัดสินใจไปโรงพยาบาล และพบว่าปากมดลูกเปิด 1 ซม. ท้องปั้นถี่บ่อย โรงพยาบาลจึงให้แอดมิต
ทั้งนี้ หลังจากที่ลูกของเธอเสียชีวิต หมอได้ผ่าเอาเด็กออกมา และฝ่ายบริหารของโรงพยาบาลได้มาคุยกับญาติ พร้อมมอบเงินเยียวยาจำนวนหนึ่ง ตอนแรกญาติไม่ต้องการรับ เพราะกลัวว่าโรงพยาบาลจะปฏิเสธความช่วยเหลือในภายหลัง แต่ทางโรงพยาบาลยืนยันว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ต่อ ญาติจึงตัดสินใจรับเงินเยียวยาเอาไว้
ด้านโรงพยาบาลชี้แจงว่า สาเหตุที่ไม่ทำคลอดให้ เพราะปากมดลูกเปิดแค่ 1 ซม. หากจะทำคลอดได้ต้องเปิดประมาณ 5-10 ซม. อีกทั้งถุงน้ำคร่ำยังไม่เดิน ส่วนที่เด็กเสียชีวิต เพราะคิดว่าเกิดจากรกพันคอ ไม่เกี่ยวกับโรงพยาบาล
ด้านคุณหมอประจำคลินิก เผยว่า ตนเพิ่งรับฝากท้องแม่และเด็กเพียงครั้งเดียวเมื่อช่วงเดือนมกราคม 2565 จนกระทั่งวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ทาง รพ. บอกว่าคนไข้ปากมดลูกเปิด 1 ซม. ไม่มีน้ำคร่ำเดิน และเมื่อตรวจท้องดูก็พบว่าเด็กยังอยู่ดี หมอจึงไม่ทำการผ่าตัดให้ จนเมื่อวันที่ 10 ก.พ. มาทราบอีกครั้งว่าแม่และเด็กมาที่โรงพยาบาล และผลอัลตราซาวด์พบว่าเด็กไม่มีชีพจร หมอประจำคลินิกจึงทำการผ่าตัดและทำแผลให้ผู้เป็นแม่มาตลอด ตั้งแต่วันที่ 10-13 ก.พ. ที่ผ่านมา
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้