แอร์โฮสเตสปรี๊ด โร่ฟ้องศาล ยัวะถูกสายการบินไล่ออก หลังแชะเซลฟี่หวิวบนเครื่อง

           จากเอกสารของศาล ระบุว่า เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2562 หญิงแซ่กัว แอร์โฮสเตสสาว ได้ถ่ายรูปตัวเองขณะสวมใส่ชุดชั้นใน ภายในห้องน้ำของเครื่องบินระหว่างปฏิบัติหน้าที่ และส่งข้อความไปในกลุ่มเพื่อน บอกว่า "เครื่องบินดีเลย์ เลยเข้ามาห้องน้ำเพื่อลองผลิตภัณฑ์ใหม่ทันที เป็นประสบการณ์แบบนู้ดจริง ๆ ใส่สบายเหมือนไม่ได้ใส่เลย"
           นอกจากนี้เธอยังบอกว่าใส่ชุดชั้นในแนวนี้มาหลายตัวแล้ว คิดว่าขนาดหน้าอกเพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ภาพและข้อความเหล่านั้นถูกลบไปในเวลาต่อมา
           อย่างไรก็ตาม ต่อมาในวันที่ 28 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน ทางสายการบินไชน่า เซาเธิร์น ก็ได้ยกเลิกสัญญาจ้างงานแอร์ฯ สาวรายนี้ โดยให้เหตุผลว่าเธอใช้เวลางานไปกับเรื่องส่วนตัว ละเมิดความสงบเรียบร้อยของสาธารณะ รวมถึงละเมิดกฎระเบียบของทางสายการบิน อีกทั้งยังมีการเผยแพร่ภาพอนาจารลงอินเทอร์เน็ต แต่กัวมองว่าการยกเลิกสัญญาดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงยื่นฟ้องต่อศาล

           อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาคดีเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2565 ศาลประชาชนชั้นกลางของกว่างโจว พิจารณาว่า พฤติกรรมของกัวที่มีการถ่ายเซลฟี่ในชุดชั้นใน เกิดขึ้นระหว่างช่วงที่เธอยังปฏิบัติหน้าที่ แสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อความรับผิดชอบด้านความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรก ทั้งที่ตัวเองเป็นลูกเรือซึ่งปฏิบัติหน้าที่มาถึง 15 ปีแล้ว

           นอกจากนี้ ข้อความและภาพที่เธอส่งหาเพื่อนในแอปฯ วีแชต มีการเปิดเป็นสาธารณะ การสวมชุดชั้นในและนำภาพไปโพสต์เช่นนั้น ส่งผลกระทบต่อจริยธรรมทางสังคม ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสาธารณะ และยังละเมิดบรรทัดฐานความประพฤติกและภาพลักษณ์ความเป็นมือของชีพของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน

           ขณะเดียวกัน ในฐานะองค์กรเฉพาะที่รับผิบชอบเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน สายการบินเซาเธิร์น ไชน่า ไม่ควรยอมรับการกระทำใด ๆ ที่ส่งผลต่อความปลอดภัยทางการบิน ยิ่งไปกว่านั้นทางสายการบินเชื่อว่าพฤติกรรมของกัว ในการโพสต์ภาพอนาจารขณะอยู่ในหน้าที่ คือการละเมิดกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างร้ายแรง ดังนั้นสุดท้ายศาลจึงพิจารณาว่าการยุติสัญญาจ้างดังกล่าว เป็นการแสดงออกและการใช้สิทธิ์ในการบริการจัดการของสายการบินตามกฎหมาย ทำให้การยุติสัญญาจ้างครั้งนี้ถือว่าถูกต้องตามกฎหมายแล้ว


ขอบคุณข้อมูลจาก Southern Metropolis Daily, ETtoday, whatchinareads.com