ไพรวัลย์ วรรณบุตร ไลฟ์เฟซบุ๊กยืนยันไม่ได้เข้าข้าง หลวงปู่แสง ชี้จับพิรุธคลิปฉาว เผยเรื่องนี้คนที่ต้องรับผิดชอบคือพระลูกศิษย์ หากมีอาการป่วยจริง
จากกรณีที่หมอปลา มือปราบสัมภเวสี ออกมาแฉว่าพระเกจิชื่อดังใน จ.ยโสธร ว่ามีพฤติกรรมลวนลามสีกา มาตบะแตกตอนอายุเกือบ 100 ปี จนกระทั่งมีคนชี้เป้าว่าคือ หลวงปู่แสง แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร เมื่อมีการยืนยันว่าหลวงปู่แสงเป็นอัลไซเมอร์ แทบจะไม่มีสติแล้ว พร้อมกับที่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร ออกมาต่อว่าลูกศิษย์ที่หากินกับหลวงปู่
อ่านเพิ่มเติม ไพรวัลย์ สวดยับดราม่าแฉ หลวงปู่แสง จับนมสาว ด่าแรงทั้งลูกศิษย์ - สีกา ขึ้นตั่งไปหานรกอะไร ?
ล่าสุด (12 พฤษภาคม 2565) นายไพรวัลย์ วรรณบุตร ไลฟ์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นถึงเรื่องนี้ ยืนยันว่า ตนเองไม่ใช่ลูกศิษย์ ไม่ได้ออกมาพูดในฐานะลูกศิษย์ ไม่ได้ออกมาปกป้องหลวงปู่แสง แต่ออกมาพูดในฐานคนพุทธ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเริ่มจากที่มีคนส่งคลิปไปให้ หมอปลา ให้ช่วยตรวจสอบพฤติกรรมของ หลวงปู่แสง โดยในคลิปมีการเป่าหัว และถูกเนื้อต้องตัวสีกา ในคลิปไม่ได้อยู่กัน 2 ต่อ 2 แต่มีพระอุปัฏฐาก และฆราวาสผู้ชายอยู่ด้วยอีก 2 คน คลิปที่มีปัญหาไม่ใช่อยู่ในที่ลับ
สำคัญสุดเลยคือมีการตั้งกล้องถ่าย อันนี้สำคัญ ตนไม่รู้ว่าที่มีการตั้งกล้องถ่ายนั้น เป็นเพราะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง จึงมีการตั้งกล้อง หรือตั้งกล้องด้วยเหตุผลอะไร คงต้องรอให้คนที่ตั้งกล้องถ่ายเป็นคนชี้แจง ว่าทำไมต้องตั้งกล้อง หรือรู้สึกว่าต้องเอาเรื่องนี้มาร้องเรียนและฟ้องร้อง ทำให้คนทั่วไปเมื่อเห็นข่าวแบบนี้ก็คงด่าไปก่อน ถ้าตนไม่รู้ก็ด่าเหมือนกันว่าทำไมทำแบบนี้
แต่เมื่อมาดูสภาพการณ์ที่มันเป็นจริง และความคิดเห็นคนอีกฝั่งที่เขาไม่เชื่อ และไม่คิดว่าหลวงปู่จะมีเจตนาหรือจงใจลวนลามสีกาจริง ๆ เขาออกมาปกป้องครูบาอาจารย์เขา ซึ่งเรื่องนี้ถ้าไม่มีประเด็นว่า หลวงปู่แสง ไม่มีอาการชราภาพจนเดินไม่ได้ หรือป่วยอัลไซเมอร์ ตนจะไม่ออกมาพูดเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้หลวงปู่แสงเลย และยืนยันด้วยว่าที่ออกมาพูดไม่ใช่เพราะหลวงปู่แสงเป็นลูกศิษย์สายหลวงปู่มั่น แต่จะให้น้ำหนักกับสิ่งที่สังคมกำลังวิจารณ์ทั้งที่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นทั้งหมด และมีอะไรอยู่เบื้องหลัง
ประเด็นของหลวงปู่แสง ง่ายมากเลย คือ พระอุปัฏฐาก และลูกศิษย์ต้องตอบให้ได้ว่า หลวงปู่เป็นโรคอัลไซเมอร์จริงหรือไม่ แค่เอาแพทย์ที่รักษามายืนยัน เพราะถ้าป่วยจริงก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับท่าน เรื่องนี้ตนไม่ได้พูดขึ้นมาเอง แต่ตามข้อพระวินัย ระบุชัดเจนว่า ไม่เอาโทษภิกษุที่มีสติฟั่นเฟือน หรือไม่รู้สึกตัว ที่ทำอะไรโดยไม่รู้ตัว และเมื่อเอาแพทย์มายืนยันแล้วก็ต้องให้คณะสงฆ์สอบด้วย
"ฝากไว้อันนึงว่า ในทุกกรณีที่มันมีการโจทก์เกิดขึ้นกับพระ ต้องให้กระบวนการในทางสงฆ์ทำหน้าที่ด้วย ไม่ใช่เอาความสะใจ ความสะใจกับความถูกต้องบางทีมันไม่ใช่อันเดียวกัน ไม่ใช่เอะอะสึก ๆ สังคมเดี๋ยวนี้เอาความสะใจเป็นที่ตั้ง มันไม่ได้"
ติงสื่อใช้คำพูดรุนแรง ทั้งที่ยังไม่รู้ข้อเท็จจริงจนเกิดภาพไม่เหมาะ
กรณีหลวงปู่แสง ตนเองดูแล้วบางจังหวะ บางคำพูด รู้สึกว่าการใช้คำพูดมันรุนแรงมากไป เพราะท่านเป็นพระอายุมาก และเรายังไม่รู้ข้อเท็จจริงแท้แค่ไหน มีการบุกกันเข้าไป สื่อต้องระมัดระวัง อยากฝากไว้ด้วยว่าเข้าไปทำในหน้าที่ของสื่อ ต้องสงวนท่าที คำพูดคำจามันไม่ได้ ไม่ใช่เข้าข้างพระ แต่ต้องสุภาพ เราเข้าไปในฐานะสุภาพชน เป็นผู้หวังดีต่อพุทธศาสนา ไม่ได้เข้าไปในฐานะคนพาล ไปทำหน้าขมึงคิ้วขมวด ใช้คำพูดเสียดสีด่าทอที่รุนแรงโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง ภาพออกมามันไม่เหมาะ
จี้พระลูกศิษย์หลวงปู่ยืนยันป่วยจริงไหม ถ้าป่วยทำไมยังให้รับแขก ชี้เรื่องนี้คนที่ต้องรับผิดชอบคือลูกศิษย์ทุกคน
ทั้งนี้ ส่วนตัวมีคำถามถึงเหตุการณ์นี้ ทำไมพระลูกศิษย์ที่อ้างว่าหลวงปู่ป่วยอัลไซเมอร์ มีภาวะความทรงจำเลอะเลือน ครูบาอาจารย์คุณเป็นแบบนี้ ทำไมยังปล่อยให้หลวงปู่รับแขกญาติโยมเหมือนพระปกติ เหมือนไม่มีอาการป่วยอะไร และเมื่อหลวงปู่เริ่มมีอาการแปลก ๆ คือ ถูกเนื้อต้องตัวสีกา ซึ่งตนเองไม่รู้ว่าเป็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรก ทำไมลูกศิษย์ถึงยังปล่อยให้หลวงปู่ทำแบบนี้ โดยเฉพาะถ้าคุณอ้างว่าเป็นสายพระวัดป่า เรื่องผู้หญิงนี่ไม่ได้เลย
กรณีนี้คนที่ควรที่ต้องรับผิดชอบและชี้แจงอย่างด่วนที่สุด คือ ลูกศิษย์ ต้องออกมาปกป้องครูบาอาจารย์คุณ สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้คือการทำลาย อยากรู้เหตุผลของท่านคืออะไร ทำไมปล่อยให้ภาพแบบนี้ออกมาได้ ถ้าคุณยืนยันว่าหลวงปู่เป็นอัลไซเมอร์ ท่านอายุ 98 ปีแล้วจะให้ท่านมาทำงานอะไรอีกท่านอายุเท่านี้แล้ว ยังจะใช้งานอะไรจากท่านอีกแทนที่จะให้ท่านได้ภาวนาอย่างสงบอย่างที่ควรเป็น
"คุณเห็นครูบาอาจารย์ของคุณ เหมือนเป็นสินค้าอะไรสักอย่าง...การที่คุณจะปกป้องครูบาอาจารย์คุณ คุณต้องปกป้องด้วยการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบของท่าน แต่ไม่ใช่ปกป้องด้วยการบอกว่าครูบาอาจารย์คุณเป็นพระธาตุ มีอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ แทนที่จะเป็นการปกป้อง มันเป็นการทำร้าย"
ทิ้งท้ายฉะพระลูกวัด กินฉี่โชว์เพื่อ ?
นายไพรวัลย์ ทิ้งท้ายกรณีที่พระลูกวัดกินฉี่โชว์ว่า ทำทำไม มันไม่ฉลาดการทำแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดี ศีลพระวินัยเป็นสิ่งรักษาพระ ไม่ใช่มากินฉี่โชว์แล้วให้คนเขามาหัวเราะ การปกป้องครูบาอาจารย์ในทางที่ถูกจะเป็นวิธีการที่ทำให้ครูบาอาจารย์พ้นจากข้อครหาได้ดีที่สุด ต้องปกป้องรักษาครูบาอาจารย์ในทางที่ถูก
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ไพรวัลย์ วรรณบุตร
จากกรณีที่หมอปลา มือปราบสัมภเวสี ออกมาแฉว่าพระเกจิชื่อดังใน จ.ยโสธร ว่ามีพฤติกรรมลวนลามสีกา มาตบะแตกตอนอายุเกือบ 100 ปี จนกระทั่งมีคนชี้เป้าว่าคือ หลวงปู่แสง แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร เมื่อมีการยืนยันว่าหลวงปู่แสงเป็นอัลไซเมอร์ แทบจะไม่มีสติแล้ว พร้อมกับที่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร ออกมาต่อว่าลูกศิษย์ที่หากินกับหลวงปู่
อ่านเพิ่มเติม ไพรวัลย์ สวดยับดราม่าแฉ หลวงปู่แสง จับนมสาว ด่าแรงทั้งลูกศิษย์ - สีกา ขึ้นตั่งไปหานรกอะไร ?
ล่าสุด (12 พฤษภาคม 2565) นายไพรวัลย์ วรรณบุตร ไลฟ์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นถึงเรื่องนี้ ยืนยันว่า ตนเองไม่ใช่ลูกศิษย์ ไม่ได้ออกมาพูดในฐานะลูกศิษย์ ไม่ได้ออกมาปกป้องหลวงปู่แสง แต่ออกมาพูดในฐานคนพุทธ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเริ่มจากที่มีคนส่งคลิปไปให้ หมอปลา ให้ช่วยตรวจสอบพฤติกรรมของ หลวงปู่แสง โดยในคลิปมีการเป่าหัว และถูกเนื้อต้องตัวสีกา ในคลิปไม่ได้อยู่กัน 2 ต่อ 2 แต่มีพระอุปัฏฐาก และฆราวาสผู้ชายอยู่ด้วยอีก 2 คน คลิปที่มีปัญหาไม่ใช่อยู่ในที่ลับ
สำคัญสุดเลยคือมีการตั้งกล้องถ่าย อันนี้สำคัญ ตนไม่รู้ว่าที่มีการตั้งกล้องถ่ายนั้น เป็นเพราะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง จึงมีการตั้งกล้อง หรือตั้งกล้องด้วยเหตุผลอะไร คงต้องรอให้คนที่ตั้งกล้องถ่ายเป็นคนชี้แจง ว่าทำไมต้องตั้งกล้อง หรือรู้สึกว่าต้องเอาเรื่องนี้มาร้องเรียนและฟ้องร้อง ทำให้คนทั่วไปเมื่อเห็นข่าวแบบนี้ก็คงด่าไปก่อน ถ้าตนไม่รู้ก็ด่าเหมือนกันว่าทำไมทำแบบนี้
แต่เมื่อมาดูสภาพการณ์ที่มันเป็นจริง และความคิดเห็นคนอีกฝั่งที่เขาไม่เชื่อ และไม่คิดว่าหลวงปู่จะมีเจตนาหรือจงใจลวนลามสีกาจริง ๆ เขาออกมาปกป้องครูบาอาจารย์เขา ซึ่งเรื่องนี้ถ้าไม่มีประเด็นว่า หลวงปู่แสง ไม่มีอาการชราภาพจนเดินไม่ได้ หรือป่วยอัลไซเมอร์ ตนจะไม่ออกมาพูดเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้หลวงปู่แสงเลย และยืนยันด้วยว่าที่ออกมาพูดไม่ใช่เพราะหลวงปู่แสงเป็นลูกศิษย์สายหลวงปู่มั่น แต่จะให้น้ำหนักกับสิ่งที่สังคมกำลังวิจารณ์ทั้งที่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นทั้งหมด และมีอะไรอยู่เบื้องหลัง
ประเด็นของหลวงปู่แสง ง่ายมากเลย คือ พระอุปัฏฐาก และลูกศิษย์ต้องตอบให้ได้ว่า หลวงปู่เป็นโรคอัลไซเมอร์จริงหรือไม่ แค่เอาแพทย์ที่รักษามายืนยัน เพราะถ้าป่วยจริงก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับท่าน เรื่องนี้ตนไม่ได้พูดขึ้นมาเอง แต่ตามข้อพระวินัย ระบุชัดเจนว่า ไม่เอาโทษภิกษุที่มีสติฟั่นเฟือน หรือไม่รู้สึกตัว ที่ทำอะไรโดยไม่รู้ตัว และเมื่อเอาแพทย์มายืนยันแล้วก็ต้องให้คณะสงฆ์สอบด้วย
"ฝากไว้อันนึงว่า ในทุกกรณีที่มันมีการโจทก์เกิดขึ้นกับพระ ต้องให้กระบวนการในทางสงฆ์ทำหน้าที่ด้วย ไม่ใช่เอาความสะใจ ความสะใจกับความถูกต้องบางทีมันไม่ใช่อันเดียวกัน ไม่ใช่เอะอะสึก ๆ สังคมเดี๋ยวนี้เอาความสะใจเป็นที่ตั้ง มันไม่ได้"
ติงสื่อใช้คำพูดรุนแรง ทั้งที่ยังไม่รู้ข้อเท็จจริงจนเกิดภาพไม่เหมาะ
กรณีหลวงปู่แสง ตนเองดูแล้วบางจังหวะ บางคำพูด รู้สึกว่าการใช้คำพูดมันรุนแรงมากไป เพราะท่านเป็นพระอายุมาก และเรายังไม่รู้ข้อเท็จจริงแท้แค่ไหน มีการบุกกันเข้าไป สื่อต้องระมัดระวัง อยากฝากไว้ด้วยว่าเข้าไปทำในหน้าที่ของสื่อ ต้องสงวนท่าที คำพูดคำจามันไม่ได้ ไม่ใช่เข้าข้างพระ แต่ต้องสุภาพ เราเข้าไปในฐานะสุภาพชน เป็นผู้หวังดีต่อพุทธศาสนา ไม่ได้เข้าไปในฐานะคนพาล ไปทำหน้าขมึงคิ้วขมวด ใช้คำพูดเสียดสีด่าทอที่รุนแรงโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง ภาพออกมามันไม่เหมาะ
จี้พระลูกศิษย์หลวงปู่ยืนยันป่วยจริงไหม ถ้าป่วยทำไมยังให้รับแขก ชี้เรื่องนี้คนที่ต้องรับผิดชอบคือลูกศิษย์ทุกคน
ทั้งนี้ ส่วนตัวมีคำถามถึงเหตุการณ์นี้ ทำไมพระลูกศิษย์ที่อ้างว่าหลวงปู่ป่วยอัลไซเมอร์ มีภาวะความทรงจำเลอะเลือน ครูบาอาจารย์คุณเป็นแบบนี้ ทำไมยังปล่อยให้หลวงปู่รับแขกญาติโยมเหมือนพระปกติ เหมือนไม่มีอาการป่วยอะไร และเมื่อหลวงปู่เริ่มมีอาการแปลก ๆ คือ ถูกเนื้อต้องตัวสีกา ซึ่งตนเองไม่รู้ว่าเป็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรก ทำไมลูกศิษย์ถึงยังปล่อยให้หลวงปู่ทำแบบนี้ โดยเฉพาะถ้าคุณอ้างว่าเป็นสายพระวัดป่า เรื่องผู้หญิงนี่ไม่ได้เลย
กรณีนี้คนที่ควรที่ต้องรับผิดชอบและชี้แจงอย่างด่วนที่สุด คือ ลูกศิษย์ ต้องออกมาปกป้องครูบาอาจารย์คุณ สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้คือการทำลาย อยากรู้เหตุผลของท่านคืออะไร ทำไมปล่อยให้ภาพแบบนี้ออกมาได้ ถ้าคุณยืนยันว่าหลวงปู่เป็นอัลไซเมอร์ ท่านอายุ 98 ปีแล้วจะให้ท่านมาทำงานอะไรอีกท่านอายุเท่านี้แล้ว ยังจะใช้งานอะไรจากท่านอีกแทนที่จะให้ท่านได้ภาวนาอย่างสงบอย่างที่ควรเป็น
"คุณเห็นครูบาอาจารย์ของคุณ เหมือนเป็นสินค้าอะไรสักอย่าง...การที่คุณจะปกป้องครูบาอาจารย์คุณ คุณต้องปกป้องด้วยการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบของท่าน แต่ไม่ใช่ปกป้องด้วยการบอกว่าครูบาอาจารย์คุณเป็นพระธาตุ มีอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ แทนที่จะเป็นการปกป้อง มันเป็นการทำร้าย"
ทิ้งท้ายฉะพระลูกวัด กินฉี่โชว์เพื่อ ?
นายไพรวัลย์ ทิ้งท้ายกรณีที่พระลูกวัดกินฉี่โชว์ว่า ทำทำไม มันไม่ฉลาดการทำแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดี ศีลพระวินัยเป็นสิ่งรักษาพระ ไม่ใช่มากินฉี่โชว์แล้วให้คนเขามาหัวเราะ การปกป้องครูบาอาจารย์ในทางที่ถูกจะเป็นวิธีการที่ทำให้ครูบาอาจารย์พ้นจากข้อครหาได้ดีที่สุด ต้องปกป้องรักษาครูบาอาจารย์ในทางที่ถูก
