คืบหน้าน้องโบนัส ภาคประชาสังคมลุยสอบถามครูถึงโรงเรียน
หลังมีข่าวว่า เรียกสอบน้องกอหญ้า ฐานทำให้ข่าวการตายหลุดออกมา
ด้านโรงเรียน ยันไม่ได้เรียกสอบ แค่เรียกคุยและมีผู้ปกครองอยู่ เจอซัดกลับ
เล่นคำชัด ๆ พร้อมตั้งคำถามที่ไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง

จากกรณีที่น้องโบนัส วัย 14 ปี ผูกคอตายจากปัญหารุมเร้า
แต่ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ตัดสินใจแบบนี้คือ
ครูพูดว่าไม่มีสิทธิ์เรียนต่อโรงเรียนสตรีพัทลุง เพราะไม่มีเงิน
อย่างไรก็ตาม ทางโรงเรียนออกมาชี้แจงว่า ครูไม่ได้พูดแบบนี้ เพียงแค่เสนอ 2
ทางเลือกให้เท่านั้น คือ ให้น้องเรียนโรงเรียนใกล้บ้านที่ จ.สงขลา
หรือจะเรียนที่สตรีพัทลุงต่อได้ ต้องให้ผู้ปกครองมาเซ็นรับทราบ คาดว่า
เด็กน่าจะเข้าใจผิดจนคิดสั้น
ล่าสุด วันที่ 19 พฤษภาคม 2565 เฟซบุ๊ก Wara Chanmanee ของนายวรา จันทร์มณี
เลขาธิการเครือข่ายประชาชนพิทักษ์สิทธิเสรีภาพและความเป็นธรรม มีการโพสต์ความคืบหน้าของเรื่องดังกล่าวว่า ตอนนี้ภาคประชาสังคมพัทลุงรวมตัวกันได้ 7 คน ไปพบครูที่โรงเรียน เพื่อขอพบน้องกอหญ้า เพื่อนของน้องโบนัส หลังจากมีกระแสข่าวว่า โรงเรียนเรียกสอบน้องกอหญ้า เพราะเป็นคนเอาเรื่องของน้องโบนัสไปเผยแพร่ต่อสาธารณะ โดยผลการพูดคุยมีดังนี้
ล่าสุด วันที่ 19 พฤษภาคม 2565 เฟซบุ๊ก Wara Chanmanee ของนายวรา จันทร์มณี
เลขาธิการเครือข่ายประชาชนพิทักษ์สิทธิเสรีภาพและความเป็นธรรม มีการโพสต์ความคืบหน้าของเรื่องดังกล่าวว่า ตอนนี้ภาคประชาสังคมพัทลุงรวมตัวกันได้ 7 คน ไปพบครูที่โรงเรียน เพื่อขอพบน้องกอหญ้า เพื่อนของน้องโบนัส หลังจากมีกระแสข่าวว่า โรงเรียนเรียกสอบน้องกอหญ้า เพราะเป็นคนเอาเรื่องของน้องโบนัสไปเผยแพร่ต่อสาธารณะ โดยผลการพูดคุยมีดังนี้
สุดท้าย โรงเรียนยืนยันว่า โรงเรียนไม่มีอิสระในการแก้ปัญหา คนที่ควบคุมอีกทีหนึ่งคือ เขตการศึกษาในพื้นที่
ภาคประชาชนถามกลับ หลังจากที่ได้คุยกับครู ซัด เล่นแง่

1. โรงเรียนชี้แจงว่า ไม่ได้เรียกน้องกอหญ้าไปสอบปากคำ แต่เชิญมาคุยข้อเท็จจริงทั้งหมด เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา แต่ตนมองว่า อาจจะเป็นการเล่นคำเฉย ๆ
2. มีข่าวหลุดมาว่า สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สั่งการออกมาว่า อย่าให้คนนอกมายุ่ง เราจะจัดการกันเอง เรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่ แล้วข่าวที่ว่า เจ้าหน้าที่แอบมาพบน้องกอหญ้าเป็นการส่วนตัว เรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่ ขอให้ชี้แจง
3. โรงเรียนมีท่าทีไม่อยากให้เรื่องราวบานปลาย แต่ตนอยากถามว่า เด็กตายทั้งคน นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ใช่หรือไม่
4. โรงเรียนไม่อนุญาตให้ภาคประชาสังคมเข้าร่วมรับฟังการพูดคุยกับน้องกอหญ้า อ้างว่า ต้องทำหนังสือมาในรูปแบบขององค์กรเท่านั้นถึงจะเข้าร่วมได้ คำถามคือ การที่ภาคประชาชนรวมตัวกันมามีส่วนร่วมมันลำบากอะไรนักหนาที่จะให้เขารับฟัง เพราะเรื่องนี้สำคัญมาก เป็นเรื่องที่คนสะเทือนใจทั้งประเทศ และทุกคนเฝ้ารออยู่
ส่วนประเด็นที่ว่า โรงเรียนจะไม่เรียกน้องกอหญ้ามาคุย ถ้าไม่มีผู้ปกครองมาด้วย เรื่องนี้ตนไม่ไว้วางใจเท่าไหร่ กลัวว่าจะมีการแอบคุยรอบนอกกันอีก ทำให้น้องถูกกดดันอยู่ดี ดังที่ได้ยินข่าวแว่ว ๆ ว่า เจ้าหน้าที่ สพฐ. ก็แอบมาคุยกับน้อง
5. มีครั้งหนึ่งสื่อช่องดังมาสัมภาษณ์พวกเรา ภาคประชาสังคม ครูคนหนึ่งก็ขอมาถ่ายคลิปด้วย ตนคิดว่าอัดได้ เป็นเรื่องเปิดเผยได้ และอยากบอกว่า โรงเรียนก็ต้องเปิดกว้างด้วย และตนขอย้ำว่า ฝั่งตนก็มีคลิป จะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
6. ขอฝากถึงโรงเรียนและ สพฐ. ว่า อย่าใช้วิธีการเดิม ๆ กับประชาชน เด็กตายทั้งคนไม่ควรช่วยกันกลบความรับผิดชอบ แม้จะอ้างว่าเด็กมีปัญหาทางบ้าน และปัญหาสุขภาพจิต แต่ถ้าครูคือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ฆ่าตัวตาย ก็ต้องรับผิดชอบ
7. การที่โรงเรียนบอกว่า ครูคือคนดี พูดจาดี ช่วยเหลือนักเรียน ตนอยากบอกว่า อย่าเอาวิธีการพูดมารวมกับวิธีการคิด เช่น ข้าราชการส่วนใหญ่เคร่งครัดในพิธีรีตรอง พูดจาสุภาพ แต่คนเหล่านี้มีแนวคิดอนุรักษนิยม อำนาจนิยม ซึ่งคุณคงเคยได้ยินคำว่า อัตตาพระ มานะครู นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลอื่น ๆ จะพูดเท่าที่จำเป็น
ทั้งหมดนี้ ตนไม่ได้มีอคติกับครูและโรงเรียน แต่ต้องทำหน้าที่ในฐานะภาคประชาสังคม และถ้าท่านสำนึกในหน้าที่ รู้ว่าใครให้เงินเดือนอยู่ ก็ไม่ควรปิดกั้นภาคประชาชน