ดราม่า ผู้ช่วยพยาบาล ไม่หลบรถฉุกเฉินจนคนไข้ตาย แถมฝากไว้ แล้วไง...ตายเพราะพี่เหรอ

          วันที่ 27 กรกฎาคม 2565 เฟซบุ๊ก โหลกแดงช่วยด้วย ลงคลิปจากกล้องในรถฉุกเฉินรับ-ส่งผู้ป่วยอาการฉุกเฉินไปยังโรงพยาบาล แต่กลับพบปัญหาเมื่อมีรถยนต์สีเขียวคันหนึ่งที่อยู่ข้างหน้า ไม่ยอมหลีกทางให้คนขับรถฉุกเฉิน พยายามเปลี่ยนเสียงสัญญาณไฟให้เร่งเร็วขึ้น ดูเหมือนว่ารถคันหน้าจะไม่รู้ตัว บีบแตรไล่ก็แล้ว ยังคงขับแบบเดิม

          จนสุดท้ายคนขับประกาศออกนอกรถว่า "พี่ครับ ช่วยหลบหน่อยครับ ผมจะไปรับผู้ป่วยหมดสติ อาจจะเป็นญาติพี่ก็ได้ครับ" กล่าวจบ รถยนต์คันหน้าก็ยังไม่หลีกทางไปไหน ดังนั้น ฝั่งรถฉุกเฉินจึงปาดออกแซงซ้ายไปแทน พร้อมหันไปมองหน้าคนขับคู่กรณีหนึ่งครั้ง ดูว่าหน้าตาเป็นยังไง


          นอกจากนี้ ทางเพจระบุว่า รถคู่กรณีที่ขับขวางไม่ยอมหลบทางให้ ทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลอยู่ในโรงพยาบาล ยิ่งเห็นแบบนี้ยิ่งประหลาดใจ ทั้งที่ทำงานโรงพยาบาล ยิ่งต้องรู้ว่าเวลามีผู้ป่วยฉุกเฉิน ยิ่งควรหลบ แต่ป้ากลับไปโพสต์ต่อว่าเจ้าหน้าที่ บอกว่าสาเหตุที่ไม่หลบเพราะรถไม่มีคนไข้ ด้วยเหตุนี้เอง ทางรถฉุกเฉินจึงต้องลงคลิปการช่วยผู้ป่วยเอาไว้เป็นหลักฐาน

          จากนั้นไม่นาน ก็มีเรื่องที่สลดกว่านั้น เพราะมีคนระบุว่า คนไข้คนดังกล่าวเสียชีวิตลงแล้ว กระทั่งมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งชาวเน็ตคาดกันว่าอาจเป็นหญิงคู่กรณี เข้ามาโพสต์ว่า "แล้วไงคะ ตายเพราะพี่เหรอในความคิดน้อง" ด้วยเหตุนี้ ทำให้ชาวเน็ตเข้ามาถล่มเต็ม ๆ แท็กสำนักข่าวให้มาทำข่าวเพียบ ขณะที่บางคนอยากให้หน่วยงานมีบทลงโทษบุคลากรคนนี้

ทัวร์ลงผู้ช่วยพยาบาลถึงในเฟซบุ๊ก จนต้องปิดเมนต์

          ขณะที่กระปุกดอทคอม เข้าไปตรวจสอบเฟซบุ๊กที่ชาวเน็ตคาดกันว่าเป็นคู่กรณี พบว่า ยังคงเปิดเฟซบุ๊กเอาไว้ ไม่มีเปลี่ยนชื่อ ไม่มีเปลี่ยนรูป มีแค่ปิดคอมเมนต์เท่านั้น รวมถึงมีการประกาศขู่ฟ้องคนที่คอมเมนต์ด่า

          นอกจากนี้ หญิงคนดังกล่าวยังมีการโพสต์ถึงเรื่องนี้ด้วยว่า "ฝากถึงคนขับรถมูลนิธิด้วยนะคะ เวลาเปิดไฟขอทาง ช่วยคำนึงถึงความปลอดภัยของรถคันหน้าด้วยนะคะ ไม่ใช่คิดแต่ว่าตัวเองรีบแล้วขับจ่อตูดเพื่อนอย่างเดียว น้องรีบไปรับเคส เข้าใจค่ะแต่ความปลอดภัยของคนอื่นก็สำคัญ" โพสต์นี้มีคนแชร์กว่า 700 ครั้งเพื่อวิจารณ์กันต่อ เนื่องจากถูกปิดคอมเมนต์เอาไว้อยู่

ฝั่งกู้ภัยชี้ ถ้าหากไปถึงเร็วกว่านี้อาจจะช่วยผู้ป่วยได้ทัน

          เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า ประธานมูลนิธิสยาม ชี้แจงเรื่องนี้ว่า คนขับรถนำคลิปมาเปิดให้ดูแล้ว พบว่ามีรถยนต์สีเขียวขับกีดขวางทาง ไม่ยอมหลบให้ แม้จะเปิดไซเรนแล้วก็ตาม จนต้องเปลี่ยนเส้นทางหลบเอง หลังจากไปรับผู้ป่วยมาแล้ว ปรากฏว่าหัวใจหยุดเต้น พยายามช่วยเหลือสุดความสามารถ แต่ก็ไม่สำเร็จ ถ้าหากไปเร็วกว่านี้ได้แล้วหัวใจยังไม่หยุดเต้น ก็อาจช่วยเหลือได้ทัน

          เท่าที่ทราบ อีกฝ่ายก็ทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาล น่าจะเข้าใจเรื่องการรักษาผู้ป่วยเป็นอย่างดี ถ้าอาการไม่หนักจริง คนขับคงไม่รีบร้อน ใจเขาใจเรา