ศาลพิพากษายืน ประหารชีวิต บรรยิน ตั้งภากรณ์
คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา ชี้ อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น -
ขณะนี้เจ้าตัวถูกคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวาง
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์ (แฟ้มภาพ)
วันที่ 25 สิงหาคม 2565 แนวหน้า รายงานว่า ที่ศาลอาญาพระโขนง มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีฆ่านายชูวงษ์
แซ่ตั๊ง หรือเสี่ยจืด นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยนางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง
ภรรยาของ นายชูวงษ์ พร้อมพวกร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1-5 ยื่นฟ้องนายบรรยิน
ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ และอดีต ส.ส.นครสวรรค์ หลายสมัย
เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,
ร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น
เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน
หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) (7)
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2558 นายชูวงษ์ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ชนต้นไม้โดยมี นายบรรยิน จำเลยเป็นคนขับ ซึ่งนายชูวงษ์ นั่งอยู่ข้าง ๆ เหตุเกิดที่ ต.บางโฉลง กับ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และแขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ต่อเนื่องเกี่ยวกัน ซึ่งนายบรรยิน จำเลย ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด อ้างเป็นอุบัติเหตุ
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2558 นายชูวงษ์ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ชนต้นไม้โดยมี นายบรรยิน จำเลยเป็นคนขับ ซึ่งนายชูวงษ์ นั่งอยู่ข้าง ๆ เหตุเกิดที่ ต.บางโฉลง กับ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และแขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ต่อเนื่องเกี่ยวกัน ซึ่งนายบรรยิน จำเลย ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด อ้างเป็นอุบัติเหตุ
จากนั้นปกปิดการกระทำโดยสร้างเรื่องและอำพรางคดีว่าสาเหตุการตายของผู้ตายเกิดจากอุบัติเหตุ เมื่อถูกจับกุมดำเนินคดี ก็มิได้รู้สำนึกในการกระทำของตนและบรรเทาผลร้ายแต่อย่างใด แต่กลับปฏิเสธและต่อสู้คดีมาโดยตลอด ทั้งจำเลยยังเคยรับราชการ เป็นเจ้าพนักงานตำรวจชั้นสัญญาบัตร มีความรู้ด้านกฎหมาย จึงควรต้องมีสำนึกและความรู้ผิดชอบชั่วดี แต่จำเลยกลับกระทำความผิดโดยมิได้ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมืองกระทำผิดตามฟ้องจริง ข้อต่อสู้จำเลยมิอาจหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) (7) ประกอบมาตรา 83 ให้ลงโทษประหารชีวิต หลังจากนั้นจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์
ย้อนคดี ฆ่าเสี่ยชูวงษ์ ใช้ของแข็งฟาด จัดฉากขับรถชนแล้วตาย พบมีเงื่อนงำโอนหุ้นให้อดีตโบรกเกอร์
ภาพจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์ (แฟ้มภาพ)
โดยศาลอุทธรณ์ได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหาแล้ว เห็นว่า วันเกิดเหตุจำเลยอาศัยความเป็นเพื่อนสนิท ชักชวนผู้ตายมาตีกอล์ฟกับผู้ใหญ่ แล้วออกจากสนามกอล์ฟเลควู้ด และอยู่กับผู้ตายเป็นคนสุดท้ายเวลา 20.11 น.โดยขับรถยนต์มากัน 2 คน โดยมีผู้ตายนั่งด้านข้าง จนรถมาถึงระหว่าง กม.ที่ 48 - 50 ในเวลา 22.21 น. ทั้งที่ห่างเพียง 3.7 กม. ใช้เวลานานถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งนานเกินไป
ที่จำเลยให้การต่อสู้ว่า ขับรถโดยใช้ความเร็ว 80 กม./ชม. แล้วหักหลบรถที่แซงล้ำมาในช่องทาง แต่เมื่อพยานโจทก์ตรวจสอบดูแล้ว ไม่พบรถขับสวนมาตามข้อกล่าวอ้าง และพบว่าจำเลยขับรถโดยใช้ความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. เท่านั้น ขณะที่การชันสูตรพลิกศพพบว่า ผู้ตายไม่ได้เสียชีวิตจากรถยนต์ขับไปชนต้นไม้ แต่เกิดจากการที่จำเลยกับพวก ใช้ของแข็งตีที่ใต้ศีรษะผู้ตาย เมื่อพิจารณาจากรอยช้ำที่ใบหน้า เปลือกตา ม่านตา อาหารในกระเพาะอาหาร เชื่อว่า ผู้ตายเสียชีวิตก่อนเวลา 22.00 น.
นอกจากนี้ โจทก์ร่วมและญาติ ตรวจสอบพบหลักฐานการโอนหุ้นปลอม 2 ครั้ง ให้กลุ่มจำเลยจำนวน 30 ล้านบาท และจำนวน 228 ล้านบาท ให้กับ น.ส.อุรชา หรือ ป้อนข้าว วชิรกุลฑล อดีตเจ้าหน้าที่การตลาด หรือโบรกเกอร์บริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง กับพวกทั้งที่ไม่ใช่ญาติ ซึ่ง น.ส.อุรชา ก็มีความสัมพันธ์กับจำเลย เชื่อว่าจำเลยต้องการปกปิดการโอนหุ้นมิให้ผู้ตายรู้ เพื่อปิดการโอนหุ้นโดยทุจริต ซึ่งศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ฐานปลอมแปลงเอกสารการหุ้นรวม 8 ปี ส่วนจำเลยอื่น ๆ จำคุกคนละ 4 ปี
ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย ในความผิดฐานเจตนาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และเพื่อปกปิดการกระทำผิดของตนมานั้นเหมาะสมกับความผิดแล้ว อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
พี่เสี่ยชูวงษ์ พอใจศาล สู้มา 7 ปี วันนี้บรรยินโดนประหาร 2 คดี
รายงานข่าวระบุว่า หลังจากที่ นางวันเพ็ญ ธนธรรมสิริ พี่สาวนายชูวงษ์ ได้ฟังคำพิพากษา ก็เผยว่า พอใจกับคำพิพากษา ขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรม ตนสู้คดีมายาวนานครบ 7 ปี การสืบพยานมีความยากลำบากเพราะจำเลยเป็นผู้รู้กฎหมายและเป็นอดีตตำรวจ แต่ก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แม้คดีนี้ไม่มีประจักษ์พยาน แต่บาดแผลบนศพของผู้ตายถือเป็นประจักษ์พยานที่ทำให้ศาลรับฟังร่วมกับพยานทางวิทยาศาสตร์ และพยานผู้เชี่ยวชาญ
นางวันเพ็ญ เผยอีกว่า เท่ากับจำเลยคนนี้ถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ประหารชีวิตทั้ง 2 คดี คือคดีฆ่าเสี่ยชูวงษ์และคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา อย่างไรก็ตาม หากจำเลยยื่นฎีกา คิดว่าคดีก็ไม่น่าจะช้า ส่วนคดีแพ่งในส่วนของหุ้นก็รอศาลอุทธรณ์อยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้นายบรรยิน ถูกคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวาง