นักเรียนหญิง 17 ติด HIV ตั้งแต่เกิด ชีวิตขาดพ่อแม่ ถูกบูลลี่ ไร้ทุนการศึกษาเรียนชั้นมหาวิทยาลัย ล่าสุดถึงกับปล่อยโฮ ยอดบริจาควันเดียวทะลุล้าน ขอบคุณที่ทำให้ได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่
จากกรณีที่ มีการนำเสนอเรื่องราวชีวิตของ น้องจ๋า อายุ 17 ปี นักเรียนจาก จ.ชัยนาท ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV) รับเชื้อจากมารดาตั้งแต่กำเนิด ปัจจุบันแม่เสียชีวิตแล้ว ส่วนพ่อถูกจำคุก อาศัยอยู่กับปู่ อายุ 79 ปี โดยชีวิตเป็นไปด้วยความยากลำบาก ทั้งถูกเพื่อน ๆ ล้อเลียนมาโดยตลอด ไม่อยากเข้าใกล้ แต่น้องมีผลการเรียนดี ได้เกรดเฉลี่ย 3 กว่า โดยมีความตั้งใจว่าอยากเรียนต่อให้จบมหาวิทยาลัย แต่ก็ขาดแคลนเรื่องของทุนการศึกษานั้น
ความคืบหน้าเรื่องนี้ วันที่ 25 สิงหาคม 2565 เพจเฟซบุ๊ก ประเทศชัยนาท รายงานว่า หลังจากเป็นกระแสข่าวจนมีผู้ใจบุญร่วมช่วยเหลือทุนการศึกษาจำนวนมาก ในวันนี้ครูที่ปรึกษาของ น้องจ๋า เดินทางไปปรับสมุดบัญชีมาเพื่อแจ้งยอดให้กับน้องจ๋า พบว่าผ่านไปเพียง 1 วัน มียอดบริจาคเข้ามาเกือบ 1 ล้านบาท คือจำนวน 948,248 บาท เมื่อน้องจ๋าได้ทราบก็ถึงกับปล่อยโฮด้วยความตื้นตันใจ ไม่คิดว่าจะมีผู้ใจบุญที่สงสาร และเอ็นดูตนเองขนาดนี้
น้องจ๋า เปิดใจว่า ยอดเงินที่ได้นั้นเกินความคาดหมาย เกิดมายังไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ขอขอบคุณพี่ ๆ นักข่าว คณะครู ทางจังหวัด ที่เข้ามาช่วยเหลือ และที่สำคัญขอบคุณเงินบริจาคจากผู้ใจบุญทุก ๆ ท่าน ที่ช่วยเรื่องเงินเป็นทุนการศึกษา ชาตินี้ไม่มีอะไรจะตอบแทน แต่ขอสัญญาว่าจะใช้เงินที่ทุกคนช่วยบริจาคให้ดีและคุ้มค่าที่สุด ขอขอบคุณจากใจของเด็กตัวน้อย ๆ ที่ได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้
ด้าน นางเนาวรัตน์ ศรีฉ่ำ ครูที่ปรึกษา เผยว่า เรื่องเงินบริจาค ตนเป็นผู้ควบคุมดูแลสมุดบัญชี ซึ่งไม่มีการทำบัตร ATM ทาง ผอ. ได้สั่งตั้งคณะกรรมการในสถานศึกษา และทางอำเภอ ช่วยในการเบิกจ่าย จะมีหลายส่วนที่สามารถนำออกมาได้ เช่นกรณี ปรับปรุงบ้าน ค่าใช้จ่ายรายวัน รายเดือน รายปี จะครอบคลุมและเหลือให้เพียงพอในการเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย อยากขอบคุณผู้ใจบุญที่ช่วยให้โอกาสแก่เด็กที่ด้อยโอกาสคนนี้
ขณะที่นางชุลีกร ปิ่นแก้ว ครูที่ปรึกษา เผยว่า เรื่องของการบูลลี่ ตอนนี้ที่โรงเรียนไม่มีแน่นอน เนื่องจากทางครูได้ทำความเข้าใจกับเด็กนักเรียนแล้วว่า โรคนี้ไม่ใช่โรคที่จะติดต่อกันง่ายขนาดนั้น ให้ทุกคนยอมรับ และเข้าใจถึงเหตุผลในการอยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัย และไม่สร้างความกดดันให้กับน้องจ๋า
![แห่ช่วยน้องอายุ 17 ติด HIV ตั้งแต่เกิด แห่ช่วยน้องอายุ 17 ติด HIV ตั้งแต่เกิด]()
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ที่ว่าการอำเภอสรรคบุรี
![แห่ช่วยน้องอายุ 17 ติด HIV ตั้งแต่เกิด แห่ช่วยน้องอายุ 17 ติด HIV ตั้งแต่เกิด]()
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ที่ว่าการอำเภอสรรคบุรี
![แห่ช่วยน้องอายุ 17 ติด HIV ตั้งแต่เกิด แห่ช่วยน้องอายุ 17 ติด HIV ตั้งแต่เกิด]()
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ที่ว่าการอำเภอสรรคบุรี
![แห่ช่วยน้องอายุ 17 ติด HIV ตั้งแต่เกิด แห่ช่วยน้องอายุ 17 ติด HIV ตั้งแต่เกิด]()
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ที่ว่าการอำเภอสรรคบุรี
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ที่ว่าการอำเภอสรรคบุรี, เฟซบุ๊ก ประเทศชัยนาท
จากกรณีที่ มีการนำเสนอเรื่องราวชีวิตของ น้องจ๋า อายุ 17 ปี นักเรียนจาก จ.ชัยนาท ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV) รับเชื้อจากมารดาตั้งแต่กำเนิด ปัจจุบันแม่เสียชีวิตแล้ว ส่วนพ่อถูกจำคุก อาศัยอยู่กับปู่ อายุ 79 ปี โดยชีวิตเป็นไปด้วยความยากลำบาก ทั้งถูกเพื่อน ๆ ล้อเลียนมาโดยตลอด ไม่อยากเข้าใกล้ แต่น้องมีผลการเรียนดี ได้เกรดเฉลี่ย 3 กว่า โดยมีความตั้งใจว่าอยากเรียนต่อให้จบมหาวิทยาลัย แต่ก็ขาดแคลนเรื่องของทุนการศึกษานั้น
ความคืบหน้าเรื่องนี้ วันที่ 25 สิงหาคม 2565 เพจเฟซบุ๊ก ประเทศชัยนาท รายงานว่า หลังจากเป็นกระแสข่าวจนมีผู้ใจบุญร่วมช่วยเหลือทุนการศึกษาจำนวนมาก ในวันนี้ครูที่ปรึกษาของ น้องจ๋า เดินทางไปปรับสมุดบัญชีมาเพื่อแจ้งยอดให้กับน้องจ๋า พบว่าผ่านไปเพียง 1 วัน มียอดบริจาคเข้ามาเกือบ 1 ล้านบาท คือจำนวน 948,248 บาท เมื่อน้องจ๋าได้ทราบก็ถึงกับปล่อยโฮด้วยความตื้นตันใจ ไม่คิดว่าจะมีผู้ใจบุญที่สงสาร และเอ็นดูตนเองขนาดนี้
น้องจ๋า เปิดใจว่า ยอดเงินที่ได้นั้นเกินความคาดหมาย เกิดมายังไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ขอขอบคุณพี่ ๆ นักข่าว คณะครู ทางจังหวัด ที่เข้ามาช่วยเหลือ และที่สำคัญขอบคุณเงินบริจาคจากผู้ใจบุญทุก ๆ ท่าน ที่ช่วยเรื่องเงินเป็นทุนการศึกษา ชาตินี้ไม่มีอะไรจะตอบแทน แต่ขอสัญญาว่าจะใช้เงินที่ทุกคนช่วยบริจาคให้ดีและคุ้มค่าที่สุด ขอขอบคุณจากใจของเด็กตัวน้อย ๆ ที่ได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้
ด้าน นางเนาวรัตน์ ศรีฉ่ำ ครูที่ปรึกษา เผยว่า เรื่องเงินบริจาค ตนเป็นผู้ควบคุมดูแลสมุดบัญชี ซึ่งไม่มีการทำบัตร ATM ทาง ผอ. ได้สั่งตั้งคณะกรรมการในสถานศึกษา และทางอำเภอ ช่วยในการเบิกจ่าย จะมีหลายส่วนที่สามารถนำออกมาได้ เช่นกรณี ปรับปรุงบ้าน ค่าใช้จ่ายรายวัน รายเดือน รายปี จะครอบคลุมและเหลือให้เพียงพอในการเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย อยากขอบคุณผู้ใจบุญที่ช่วยให้โอกาสแก่เด็กที่ด้อยโอกาสคนนี้
ขณะที่นางชุลีกร ปิ่นแก้ว ครูที่ปรึกษา เผยว่า เรื่องของการบูลลี่ ตอนนี้ที่โรงเรียนไม่มีแน่นอน เนื่องจากทางครูได้ทำความเข้าใจกับเด็กนักเรียนแล้วว่า โรคนี้ไม่ใช่โรคที่จะติดต่อกันง่ายขนาดนั้น ให้ทุกคนยอมรับ และเข้าใจถึงเหตุผลในการอยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัย และไม่สร้างความกดดันให้กับน้องจ๋า

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ที่ว่าการอำเภอสรรคบุรี

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ที่ว่าการอำเภอสรรคบุรี

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ที่ว่าการอำเภอสรรคบุรี

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ที่ว่าการอำเภอสรรคบุรี